อะไรคือการนมัสการพระเจ้าที่แท้จริง?

วันที่ 07 เดือน 07 ปี 2021

ข้อพระคัมภีร์สำหรับอ้างอิง

“พระเจ้าเป็นพระวิญญาณ และคนที่นมัสการพระองค์จะต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง” (ยอห์น 4:24)

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

ในการใช้หัวใจและความซื่อสัตย์ของเจ้าในการนมัสการพระเจ้านั้น เจ้าต้องมีหัวใจที่สงบและจริงใจ ในส่วนลึกที่ลึกที่สุดของหัวใจของเจ้า เจ้าต้องรู้จักที่จะแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าและความจริง และเจ้าต้องพินิจพิจารณาว่าจะปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าให้ดีได้อย่างไร พินิจพิจารณาว่ามีส่วนใดของหน้าที่ของเจ้าที่เจ้ายังไม่เข้าใจและว่าจะปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าให้ดีกว่าเดิมได้อย่างไร โดยการคิดถึงสิ่งเหล่านี้บ่อยครั้งในหัวใจของเจ้าเท่านั้นเจ้าจึงจะสามารถได้มาซึ่งความจริง หากสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าพินิจพิจารณาอยู่บ่อยครั้งในหัวใจของเจ้า และหัวใจของเจ้ากลับเต็มไปด้วยสิ่งทั้งหลายของจิตใจหรือสิ่งภายนอกทั้งหลาย วุ่นวายอยู่กับสิ่งเหล่านั้นที่ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับการใช้หัวใจและความซื่อสัตย์ของเจ้าในการนมัสการพระเจ้า—ไม่มีสิ่งใดเลยที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ว่านี้—เช่นนั้นแล้วเจ้าสามารถได้มาซึ่งความจริงกระนั้นหรือ? เจ้ามีสัมพันธภาพกับพระเจ้ากระนั้นหรือ?

ตัดตอนมาจาก “โดยการซื่อสัตย์เท่านั้นคนเราจึงจะสามารถใช้ชีวิตตามสภาพเหมือนมนุษย์ได้อย่างแท้จริง” ใน บันทึกปาฐกถาของพระคริสต์

ถึงแม้ว่าการคุกเข่าลงเพื่ออธิษฐานจะเป็นการพูดคุยกับพระเจ้าจากหัวใจ แต่จงรู้การนี้ไว้ว่า คำอธิษฐานของผู้คนก็เป็นช่องทางสำหรับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน ในขณะที่บุคคลหนึ่งซึ่งอยู่ในสภาวะที่ถูกต้องอธิษฐานและแสวงหานั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็กำลังทรงพระราชกิจด้วยเช่นกัน นี่คือการประสานที่ดีระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์จากสองมุมมองที่แตกต่างกัน หรือมิฉะนั้นก็อาจกล่าวได้ว่าพระเจ้าทรงช่วยมนุษย์แก้ไขประเด็นปัญหาบางอย่างของพวกเขา และนี่คือความร่วมมือประเภทหนึ่งเมื่อผู้คนมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า นี่ยังเป็นหนึ่งในหนทางทั้งหลายที่พระเจ้าทรงช่วยผู้คนให้รอดและชำระผู้คนให้บริสุทธิ์ และเหนือจากนั้น นี่คือเส้นทางแห่งการเข้าสู่ชีวิตปกติ นี่ไม่ใช่พิธีกรรม การอธิษฐานไม่ใช่แค่สิ่งหนึ่งที่เสริมกำลังผู้คน ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็คงพอแล้วที่จะทำไปอย่างพอเป็นพิธีและโห่ร้องคำขวัญไม่กี่คำ และคงจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเว้าวอนพระเจ้าเพื่อสิ่งใด หรือสำหรับการนมัสการ หรือสำหรับความยำเกรง การอธิษฐานคือสิ่งซึ่งมีนัยสำคัญลึกซึ้ง! หากเจ้ารู้วิธีที่จะอธิษฐานและทำเช่นนั้นบ่อยครั้ง ด้วยคำอธิษฐานเป็นเนืองนิจที่เป็นการนบนอบต่อพระเจ้าและมีสำนึกรับรู้ เช่นนั้นแล้ว สภาวะภายในของเจ้าก็จะเงียบสงบเป็นปกติบ่อยครั้งมากขึ้น ในทางกลับกัน หากคำอธิษฐานของเจ้าประกอบด้วยคำขวัญเพียงไม่กี่คำบ่อยครั้ง และเจ้าไม่รับภาระใดไว้กับตัวเจ้าเองเลย และไม่ไตร่ตรองว่าอะไรมีสำนึกรับรู้และไม่มีสำนึกรับรู้ที่จะกล่าวในการอธิษฐาน อีกทั้งสิ่งใดจะไม่เปี่ยมความเคารพบูชาที่แท้จริงที่จะกล่าว และไม่เคยถือเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจังเลย เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะไม่มีวันพบความสำเร็จในการอธิษฐานของเจ้า และสภาวะภายในของเจ้าก็จะผิดปกติอยู่เสมอ เจ้าจะไม่มีวันเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นในบทเรียนที่เกี่ยวกับว่าสำนึกรับรู้ปกติ การนบนอบที่แท้จริง การนมัสการที่แท้จริง และมุมมองที่คนเราควรจะใช้ในการอธิษฐานคืออะไร อีกทั้งไม่มีวันทำให้การเข้าไปสู่ของการเหล่านั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน

ตัดตอนมาจาก “นัยสำคัญและการปฏิบัติเรื่องการอธิษฐาน” ใน บันทึกปาฐกถาของพระคริสต์

บางครั้ง เมื่อเจ้ากำลังชื่นชมกับพระวจนะของพระเจ้า จิตวิญญาณของเจ้าได้รับการสัมผัส และเจ้ารู้สึกว่าเจ้าไม่สามารถทำสิ่งใดได้นอกจากรักพระเจ้า รู้สึกว่ามีพละกำลังมหาศาลภายในตัวเจ้า และรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดที่เจ้าไม่สามารถละไว้ได้ หากเจ้ารู้สึกเช่นนี้ เช่นนั้นเจ้าก็ได้รับการสัมผัสโดยพระวิญญาณของพระเจ้าแล้ว และหัวใจของเจ้าก็ได้หันเข้าหาพระเจ้าทั้งหมดแล้ว และเจ้าจะอธิษฐานต่อพระเจ้าแล้วกล่าวว่า “โอ้พระเจ้า พวกเราได้รับการลิขิตไว้ล่วงหน้าอย่างแท้จริงและได้รับเลือกสรรโดยพระองค์ พระสิริของพระองค์มอบความภาคภูมิให้ข้าพระองค์ และข้าพระองค์รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นหนึ่งในประชากรของพระองค์ ข้าพระองค์จะยอมสละสิ่งใดก็ตามและมอบสิ่งใดก็ตามเพื่อทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ และจะอุทิศขวบปีทั้งหมดของข้าพระองค์รวมถึงความพยายามของทั้งช่วงชีวิตแด่พระองค์” เมื่อเจ้าอธิษฐานเช่นนี้ ก็จะมีความรักที่ไม่สิ้นสุดและการเชื่อฟังอย่างแท้จริงต่อพระเจ้าในหัวใจของเจ้า เจ้าเคยมีประสบการณ์เฉกเช่นนี้หรือไม่? หากผู้คนได้รับการสัมผัสโดยพระวิญญาณของพระเจ้าบ่อยครั้ง เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็เต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่จะอุทิศตนเองแก่พระเจ้าในการอธิษฐานของพวกเขาว่า “โอ้พระเจ้า! ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะมองเห็นวันแห่งพระสิริของพระองค์ และข้าพระองค์ปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์—ไม่มีสิ่งใดที่มีค่าหรือมีความหมายไปมากกว่าการมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ และข้าพระองค์ไม่ได้มีความพึงปรารถนาแม้แต่น้อยที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อซาตานและเนื้อหนัง พระองค์ทรงฟูมฟักข้าพระองค์โดยการทำให้ข้าพระองค์สามารถมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ในวันนี้” เมื่อเจ้าได้อธิษฐานด้วยวิธีนี้ เจ้าจะรู้สึกว่าเจ้าทำอะไรไม่ได้นอกจากมอบหัวใจของเจ้าแด่พระเจ้า รู้สึกว่าเจ้าต้องได้รับพระเจ้า และรู้สึกว่าเจ้าคงจะเกลียดที่จะตายโดยปราศจากการได้รับพระเจ้าขณะที่เจ้ามีชีวิตอยู่ การได้กล่าวอธิษฐานเช่นนั้นออกไป จะมีพละกำลังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยภายในตัวเจ้า และเจ้าจะไม่รู้ว่าพละกำลังนั้นมาจากที่ใด ในหัวใจของเจ้าจะมีพลังที่ไร้ขีดจำกัด และเจ้าจะมีสำนึกรับรู้ว่าพระเจ้าทรงดีงามยิ่งนัก และสำนึกรับรู้ว่าพระองค์ทรงควรค่าต่อการรัก นี่คือเมื่อเจ้าจะได้รับการสัมผัสโดยพระเจ้า บรรดาผู้คนที่เคยมีประสบการณ์เช่นนั้นล้วนได้รับการสัมผัสโดยพระเจ้า สำหรับบรรดาผู้ที่ได้รับการสัมผัสโดยพระเจ้าบ่อยครั้ง การเปลี่ยนแปลงทั้งหลายบังเกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา พวกเขามีความสามารถที่จะทำได้ตามปณิธานของพวกเขาและเต็มใจที่จะรับพระเจ้าอย่างครบบริบูรณ์ ความรักต่อพระเจ้าในหัวใจของพวกเขาหนักแน่นมากขึ้น หัวใจของพวกเขาได้หันเข้าหาพระเจ้าอย่างครบบริบูรณ์ พวกเขาไม่ได้คำนึงถึงครอบครัว โลก ความยุ่งเหยิงทั้งหลาย หรืออนาคตของพวกเขา และพวกเขาเต็มใจที่จะอุทิศความพยายามของทั้งชีวิตแด่พระเจ้า บรรดาผู้ที่ได้รับการสัมผัสโดยพระวิญญาณของพระเจ้า คือผู้คนที่ไล่ตามเสาะหาความจริง และผู้คนที่มีความหวังถึงการได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, รู้จักพระราชกิจใหม่ล่าสุดของพระเจ้าและติดตามรอยพระบาทของพระองค์

ในยุคของวันนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์ยังคงทรงขับเคลื่อนผู้คนเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขารู้สึกถึงความชื่นชมยินดี และพระองค์ดำรงพระชนม์ชีพร่วมกับมนุษย์ นี่คือแหล่งที่มาของความรู้สึกที่พิเศษและให้ความยินดีเหล่านั้น[ก]ที่มักจะเกิดขึ้นในชีวิตของเจ้า นานๆ ครั้ง วันหนึ่งจะมาถึงเมื่อเจ้ารู้สึกว่าพระเจ้าทรงน่ารักชื่นชมยิ่งนักและช่วยไม่ได้ที่เจ้าจะทำได้เพียงแค่อธิษฐานต่อพระองค์ว่า “โอ้พระเจ้า! ความรักของพระองค์ช่างงดงามยิ่งนักและพระฉายาของพระองค์ทรงยิ่งใหญ่ยิ่งนัก ข้าพระองค์ปรารถนาจะรักพระองค์ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ข้าพระองค์ปรารถนาจะอุทิศทั้งหมดของตัวข้าพระองค์เองเพื่อสละชีวิตทั้งชีวิตของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะมอบอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างแด่พระองค์ ตราบเท่าที่มันเป็นไปเพื่อพระองค์ ตราบเท่าที่ในการทำเช่นนี้ข้าพระองค์สามารถรักพระองค์ได้...” นี่คือความรู้สึกของความยินดีที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงมอบให้เจ้า นั่นไม่ใช่ความรู้แจ้ง อีกทั้งนั่นไม่ใช่ความกระจ่าง นั่นเป็นประสบการณ์ของการถูกขับเคลื่อน ประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันนี้จะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว กล่าวคือ บางครั้งเมื่อเจ้าอยู่ระหว่างทางไปทำงาน เจ้าจะอธิษฐานและเข้ามาใกล้ชิดพระเจ้า และเจ้าจะถูกขับเคลื่อนจนถึงจุดที่ว่าน้ำตาจะนองหน้าของเจ้า และเจ้าจะสูญเสียการควบคุมตัวเองทั้งหมด และเจ้าจะกระวนกระวายใจที่จะค้นหาสถานที่ที่เหมาะสมที่ซึ่งเจ้าสามารถแสดงออกถึงความรู้สึกท่วมท้นทั้งหมดภายในหัวใจของเจ้าได้...จะมีบางเวลาที่เจ้าอยู่ในสถานที่สาธารณะบางแห่ง และเจ้าจะรู้สึกว่าเจ้าชื่นชมกับความรักของพระเจ้าอย่างมาก รู้สึกว่าโชคชะตาของเจ้านั้นไม่ใช่อะไรเลยนอกจากจะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ และยิ่งไปกว่านั้นก็คือรู้สึกว่าเจ้ากำลังใช้ชีวิตของเจ้าโดยมีความหมายมากกว่าใครอื่นทั้งสิ้น เจ้าจะรู้อย่างลึกซึ้งว่าพระเจ้าได้ทรงยกย่องเจ้า และรู้ว่านี่คือความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าสำหรับเจ้า ในซอกหลืบส่วนลึกที่สุดในหัวใจของเจ้า เจ้าจะรู้สึกว่ามีความรักชนิดหนึ่งในพระเจ้าที่ไม่สามารถแสดงออกได้และยากหยั่งถึงสำหรับมนุษย์ ราวกับว่าเจ้ารู้จักสิ่งนั้นแต่ไม่มีทางที่จะอธิบายสิ่งนั้นได้ ทำให้เจ้าหยุดเพื่อคิดอยู่เสมอ แต่ทิ้งให้เจ้าอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถจะแสดงออกถึงสิ่งนั้นได้อย่างสมบูรณ์ ในเวลาเช่นนี้ เจ้าจะถึงกับลืมว่าเจ้าอยู่ที่ไหน และเจ้าจะร้องเรียกออกมาว่า “โอ้พระเจ้า! พระองค์ทรงยากหยั่งถึงยิ่งนักและทรงเป็นที่รักยิ่งนัก!” การนี้จะทิ้งให้ผู้คนพิศวง แต่สิ่งต่างๆ ทั้งหมดเช่นนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งพอควร พวกเจ้าได้รับประสบการณ์ในเรื่องเช่นนี้มากมายหลายครั้ง นี่คือชีวิตที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงมอบให้เจ้าในวันนี้และชีวิตที่เจ้าควรดำเนินไป ณ ตอนนี้

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การปฏิบัติ (1)

ตอนที่เปโตรกำลังได้รับการตีสอนจากพระเจ้า เขาได้อธิษฐานไปว่า “โอ้ พระเจ้า! เนื้อหนังของข้าพระองค์ไม่เชื่อฟัง และพระองค์ทรงตีสอนข้าพระองค์ และพิพากษาข้าพระองค์ ข้าพระองค์ชื่นบานในการตีสอนและการพิพากษาของพระองค์ และในการพิพากษาของพระองค์ ข้าพระองค์มองเห็นพระอุปนิสัยอันพิสุทธิ์และชอบธรรมของพระองค์ ต่อให้พระองค์มิทรงต้องประสงค์ในตัวข้าพระองค์ก็ตาม ยามที่พระองค์ทรงพิพากษาข้าพระองค์เพื่อที่ผู้อื่นอาจมองเห็นพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ในการพิพากษาของพระองค์ ข้าพระองค์รู้สึกพอใจ หากมันสามารถแสดงพระอุปนิสัยของพระองค์และเปิดโอกาสให้สิ่งทรงสร้างทั้งมวลมองเห็นพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ และหากมันสามารถทำให้ความรักที่ข้าพระองค์มีต่อพระองค์นั้นบริสุทธิ์มากขึ้นจนข้าพระองค์สามารถบรรลุสภาพเสมือนของผู้ที่ชอบธรรมได้ เช่นนั้นแล้ว การพิพากษาของพระองค์นั้นช่างดีงาม เพราะนั่นคือน้ำพระทัยอันเปี่ยมพระคุณของพระองค์ ข้าพระองค์รู้ว่า ยังมีอีกมากในตัวข้าพระองค์ที่เป็นกบฏ และรู้ว่าข้าพระองค์ยังคงไม่เหมาะสมที่จะมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาให้พระองค์ทรงพิพากษาข้าพระองค์มากกว่านี้ด้วยซ้ำไป ไม่ว่าจะโดยผ่านทางสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรหรือความทุกข์ลำบากใหญ่หลวงก็ตาม ไม่สำคัญว่าพระองค์ทรงทำอะไร สำหรับข้าพระองค์แล้วมันล้ำค่านัก ความรักของพระองค์นั้นลุ่มลึกยิ่งนัก และข้าพระองค์เต็มใจที่จะวางตัวข้าพระองค์ไว้ภายใต้การจัดวางเรียบเรียงของพระองค์โดยไม่มีการร้องทุกข์แม้สักนิด” นี่คือความรู้ของเปโตรภายหลังจากที่เขาได้รับประสบการณ์กับพระราชกิจของพระเจ้า และคือคำพยานต่อความรักที่เขามีให้กับพระเจ้าด้วยเช่นกัน…จนใกล้ถึงบทอวสานของชีวิตเขา หลังจากที่เขาได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมแล้วนั่นเองที่เปโตรกล่าวไว้ว่า “โอ้ พระเจ้า! หากข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสักสองสามปี ข้าพระองค์คงจะปรารถนาให้สัมฤทธิ์ในความรักพระองค์ที่บริสุทธิ์กว่าและลึกซึ้งกว่านี้” เมื่อตอนที่เขากำลังจะถูกตอกตรึงกับกางเขน ในหัวใจของเขาได้อธิษฐานว่า “โอ้ พระเจ้า! ณ บัดนี้ เวลาของพระองค์ได้มาถึงแล้ว เวลาที่พระองค์ทรงตระเตรียมไว้ให้ข้าพระองค์ได้มาถึงแล้ว ข้าพระองค์จักต้องถูกตรึงกางเขนเพื่อพระองค์ ข้าพระองค์จักต้องเป็นคำพยานนี้ต่อพระองค์ และข้าพระองค์หวังว่า ความรักของข้าพระองค์สามารถทำให้ข้อพึงประสงค์ทั้งหลายของพระองค์สมปรารถนา และหวังว่าความรักของข้าพระองค์จะกลายเป็นบริสุทธิ์ขึ้นกว่าเดิมได้ วันนี้เป็นวันที่ข้าพระองค์รู้สึกชูใจและมั่นใจที่จะสามารถได้ตายเพื่อพระองค์และถูกตอกตรึงกับกางเขนเพื่อพระองค์ เพราะไม่มีอันใดเลยที่สมใจหมายสำหรับข้าพระองค์มากไปกว่าการที่สามารถถูกตรึงกางเขนเพื่อพระองค์ และทำให้พระองค์ทรงสมพระทัยในความปรารถนาทั้งหลายของพระองค์ และสามารถมอบตัวข้าพระองค์แด่พระองค์ ถวายชีวิตข้าพระองค์แด่พระองค์ โอ้ พระเจ้า! พระองค์ทรงดีงามยิ่งนัก! หากพระองค์จะทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ ข้าพระองค์คงจะยิ่งเต็มใจที่จะรักพระองค์มากขึ้น ตราบที่ข้าพระองค์ยังมีชีวิต ข้าพระองค์จะรักพระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะรักพระองค์อย่างลึกซึ้งมากขึ้น พระองค์ทรงพิพากษาข้าพระองค์ และตีสอนข้าพระองค์ และทดสอบข้าพระองค์ ก็เพราะข้าพระองค์ไม่ชอบธรรม เพราะข้าพระองค์ได้ทำบาปไป และพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์กลายเป็นที่ประจักษ์ชัดขึ้นต่อข้าพระองค์ นี่คือพระพรหนึ่งสำหรับข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์สามารถรักพระองค์ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น และข้าพระองค์เต็มใจที่จะรักพระองค์ในหนทางนี้ ต่อให้พระองค์ไม่ทรงรักข้าพระองค์ก็ตาม ข้าพระองค์เต็มใจมองดูพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ เพราะนี่ทำให้ข้าพระองค์สามารถใช้ชีวิตที่มีความหมายได้มากขึ้น ข้าพระองค์รู้สึกว่าชีวิตข้าพระองค์ในตอนนี้เปี่ยมความหมายมากขึ้น เพราะข้าพระองค์ถูกตรึงกางเขนเพื่อประโยชน์ของพระองค์ และการตายเพื่อพระองค์นั้นเป็นสิ่งที่เปี่ยมความหมาย กระนั้นข้าพระองค์ก็ยังคงไม่รู้สึกพึงพอใจ เพราะข้าพระองค์รู้จักพระองค์น้อยเกินไป ข้าพระองค์รู้ว่า ข้าพระองค์ไม่สามารถทำให้ความปรารถนาของพระองค์นั้นลุล่วงโดยครบบริบูรณ์ และได้ชดใช้คืนพระองค์ไปอย่างน้อยนิดเกินไป ในชีวิตของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ไร้ความสามารถที่จะคืนทุกสิ่งทั้งสิ้นของข้าพระองค์ให้กับพระองค์ ข้าพระองค์ยังห่างนักในเรื่องนี้ ณ ชั่วขณะนี้ที่ข้าพระองค์มองย้อนหลังไป ข้าพระองค์รู้สึกเป็นหนี้พระองค์มากเหลือเกิน และข้าพระองค์มีเพียงชั่วขณะนี้เท่านั้นที่จะชดเชยความผิดพลาดทั้งหมดของข้าพระองค์และความรักทั้งหมดที่ข้าพระองค์ยังไม่ได้ชดใช้คืนให้กับพระองค์เลย”

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ประสบการณ์ของเปโตร: ความรู้ของเขาเกี่ยวกับการตีสอนและการพิพากษา

เชิงอรรถ:

ก. ข้อความเดิมคือ “เหล่านี้คือบางส่วน”

ก่อนหน้า: ชีวิตของผู้คนนั้นจบลงภายในแสงวาบวูบเดียว ภายในไม่กี่สิบปี เมื่อมองย้อนไป พวกเขารวบรวมความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตพวกเขา กล่าวคือ การไปโรงเรียน การทำงาน การแต่งงาน การมีบุตรหลาน การรอคอยความตาย ทั้งชีวิตของพวกเขาใช้หมดไปกับการสาละวนเร่งร้อนธุระยุ่งเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของครอบครัว เงินตรา สถานะ โชควาสนา และชื่อเสียงเกียรติยศ ปราศจากการชี้นำที่แท้จริงและวัตถุประสงค์ทั้งหลายแห่งการดำรงอยู่ของมนุษย์ และไม่มีความสามารถที่จะค้นหาคุณค่าหรือความหมายอันใดในการมีชีวิต ดังนั้นผู้คนจึงดำรงชีวิตอยู่รุ่นแล้วรุ่นเล่าในหนทางอันเจ็บปวดและว่างเปล่านี้ ทำไมชีวิตของผู้คนจึงเจ็บปวดและว่างเปล่ายิ่งนัก? และความเจ็บปวดและความว่างเปล่าแห่งการดำรงอยู่ของมนุษย์สามารถแก้ไขได้อย่างไร?

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

ติดต่อเราผ่าน Messenger