พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: พระราชกิจสามช่วงระยะ | บทตัดตอน 32
วันที่ 31 เดือน 10 ปี 2020
ในระหว่างยุคสุดท้าย พระเจ้าได้เสด็จมาเพื่อที่จะตรัสพระวจนะของพระองค์เป็นหลัก พระองค์ตรัสจากมุมมองของพระวิญญาณ จากมุมมองของมนุษย์ และจากมุมมองบุคคลที่สาม พระองค์ตรัสด้วยวิธีที่แตกต่างกันโดยทรงใช้วิธีหนึ่งสำหรับช่วงเวลาหนึ่ง และพระองค์ทรงใช้วิธีการตรัสเพื่อเปลี่ยนมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์และขจัดฉายาของพระเจ้าที่คลุมเครือออกจากหัวใจของมนุษย์ นี่คือพระราชกิจหลักที่พระเจ้าทรงทำ เนื่องจากมนุษย์เชื่อว่าพระเจ้าได้เสด็จมาเพื่อรักษาคนป่วย เพื่อไล่ผี เพื่อทำปาฏิหาริย์ต่างๆ และเพื่อประทานพระพรด้านวัตถุแก่มนุษย์ พระเจ้าจึงทรงดำเนินพระราชกิจช่วงระยะนี้—พระราชกิจแห่งการตีสอนและการพิพากษา—เพื่อที่จะขจัดสิ่งต่างๆ เช่นนั้นออกไปจากมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ เพื่อที่มนุษย์อาจจะได้รู้จักความเป็นจริงและความเป็นปกติของพระเจ้า และเพื่อที่พระฉายาของพระเยซูอาจจะถูกขจัดออกจากหัวใจของเขาและถูกแทนที่ด้วยพระฉายาใหม่ของพระเจ้า ทันทีที่พระฉายาของพระเจ้าภายในมนุษย์กลายเป็นเก่า เช่นนั้นแล้วพระฉายานั้นก็กลายเป็นรูปเคารพรูปหนึ่ง เมื่อพระเยซูได้เสด็จมาและได้ทรงดำเนินพระราชกิจช่วงระยะนั้น พระองค์ไม่ได้ทรงเป็นตัวแทนของความครบถ้วนบริบูรณ์ของพระเจ้า พระองค์ได้ทรงทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์บางอย่าง ได้ตรัสพระวจนะบางคำ และได้ทรงถูกตรึงกางเขนในท้ายที่สุด พระองค์ได้ทรงเป็นตัวแทนส่วนหนึ่งของพระเจ้า พระองค์ไม่ทรงสามารถเป็นตัวแทนของทั้งหมดที่เป็นพระเจ้าได้ แต่พระองค์กลับได้ทรงเป็นตัวแทนของพระเจ้าในการทรงทำพระราชกิจส่วนหนึ่งของพระเจ้าแทน นั่นเป็นเพราะพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เหลือเกินและทรงมหัศจรรย์เหลือเกิน และพระองค์ไม่สามารถหยั่งลึกได้ และเพราะพระเจ้าทรงทำเพียงส่วนหนึ่งของพระราชกิจของพระองค์ในทุกยุค พระราชกิจที่พระเจ้าทรงทำในระหว่างยุคนี้โดยหลักแล้วเป็นการจัดเตรียมพระวจนะสำหรับชีวิตของมนุษย์ การเปิดโปงอุปนิสัยที่เสื่อมทรามของมนุษย์ และธาตุแท้แห่งธรรมชาติของมนุษย์ และการกำจัดสิ้นมโนคติที่หลงผิดทางศาสนา ความนึกคิดเชิงศักดินา ความนึกคิดที่ล้าสมัย และความรู้และวัฒนธรรมของมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดต้องได้รับการชำระให้สะอาดโดยผ่านทางการถูกเปิดโปงด้วยพระวจนะของพระเจ้า ในยุคสุดท้ายพระเจ้าทรงใช้พระวจนะเพื่อทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม ไม่ทรงใช้หมายสำคัญและการอัศจรรย์ พระองค์ทรงใช้พระวจนะของพระองค์เพื่อเปิดโปงมนุษย์ พิพากษามนุษย์ ตีสอนมนุษย์ และทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม เพื่อว่าในพระวจนะของพระเจ้า มนุษย์จะได้มาเห็นพระปรีชาญาณและความดีงามของพระเจ้า และมาเข้าใจพระอุปนิสัยของพระเจ้า และเพื่อว่ามนุษย์จะมองเห็นกิจการของพระเจ้าโดยผ่านทางพระวจนะของพระเจ้า ในระหว่างยุคธรรมบัญญัติ พระยาห์เวห์ได้ทรงนำทางโมเสสออกจากอียิปต์ด้วยพระวจนะของพระองค์ และได้ตรัสพระวจนะบางคำต่อชาวอิสราเอล ณ เวลานั้นกิจการส่วนหนึ่งของพระเจ้าได้ถูกทำให้ชัดเจน แต่เพราะขีดความสามารถของมนุษย์มีจำกัด และไม่มีอะไรจะสามารถทำให้ความรู้ของเขาครบบริบูรณ์ได้ พระเจ้าจึงยังตรัสและทรงพระราชกิจต่อไป ในยุคพระคุณมนุษย์ได้เห็นกิจการส่วนหนึ่งของพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง พระเยซูทรงสามารถแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ รักษาคนป่วยและไล่ผี และถูกตรึงกางเขนได้ หลังจากนั้นสามวันพระองค์ก็ได้ทรงคืนพระชนม์และทรงปรากฏในเนื้อหนังต่อหน้ามนุษย์ มนุษย์ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับพระเจ้ามากไปกว่านี้ มนุษย์รู้มากเท่าที่พระเจ้าได้ทรงแสดงให้เขาเห็น และหากพระเจ้าไม่ได้ทรงแสดงสิ่งใดแก่มนุษย์มากไปกว่านี้ เช่นนั้นแล้วนี่คงจะเป็นระดับของการจำกัดขอบเขตที่มนุษย์มีต่อพระเจ้า ดังนั้นพระเจ้าจึงยังทรงพระราชกิจต่อไป เพื่อที่ความรู้ของมนุษย์เกี่ยวกับพระองค์อาจจะกลายเป็นลึกซึ้งยิ่งขึ้น และเพื่อที่มนุษย์อาจจะมารู้จักเนื้อแท้ของพระเจ้าทีละเล็กทีละน้อย ในยุคสุดท้ายพระเจ้าทรงใช้พระวจนะของพระองค์เพื่อทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม อุปนิสัยอันเสื่อมทรามของเจ้าถูกเปิดเผยโดยพระวจนะของพระเจ้า และมโนคติที่หลงผิดทางศาสนาของเจ้าถูกแทนที่ด้วยความเป็นจริงแห่งพระเจ้า พระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์แห่งยุคสุดท้ายโดยหลักแล้วได้เสด็จมาเพื่อทำให้พระวจนะที่ว่า "พระวจนะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ พระวจนะเสด็จมาเป็นมนุษย์ และพระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์" ลุล่วง และหากเจ้าไม่มีความรู้ถ้วนทั่วในเรื่องนี้ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะไม่สามารถตั้งมั่นได้ ในระหว่างยุคสุดท้าย พระเจ้าทรงมีเจตนารมณ์ที่จะทำให้พระราชกิจช่วงระยะที่พระวจนะทรงปรากฏเป็นมนุษย์สำเร็จลุล่วงเป็นหลัก และนี่คือส่วนหนึ่งของแผนการบริหารจัดการของพระเจ้า ดังนั้นความรู้ของพวกเจ้าต้องชัดเจน ไม่ว่าวิธีใดที่พระเจ้าทรงพระราชกิจ พระเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้มนุษย์จำกัดขอบเขตพระองค์ หากพระเจ้าไม่ได้ทรงทำพระราชกิจนี้ในระหว่างยุคสุดท้าย เช่นนั้นแล้วความรู้ของมนุษย์เกี่ยวกับพระองค์ก็จะไม่สามารถไปต่อได้เลย เจ้าคงจะรู้เพียงว่าพระเจ้าทรงสามารถถูกตรึงกางเขนและทรงสามารถทำลายเมืองโสโดม และว่าพระเยซูทรงสามารถฟื้นคืนจากความตายและทรงปรากฏแก่เปโตรได้…แต่เจ้าคงจะไม่มีวันพูดว่าพระวจนะของพระเจ้าสามารถทำให้ทั้งหมดสำเร็จลุล่วงได้ และสามารถพิชิตมนุษย์ได้ เจ้าสามารถพูดถึงความรู้เช่นนี้ได้โดยผ่านทางการได้รับประสบการณ์กับพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น และยิ่งเจ้าได้รับประสบการณ์กับพระราชกิจของพระเจ้ามากขึ้นเท่าใด ความรู้ของเจ้าเกี่ยวกับพระองค์ก็จะกลายเป็นถ้วนทั่วมากขึ้นเท่านั้น เมื่อนั้นเท่านั้น เจ้าจึงจะยุติการจำกัดขอบเขตพระเจ้าไว้ภายในมโนคติที่หลงผิดของเจ้าเอง มนุษย์มารู้จักพระเจ้าโดยการได้รับประสบการณ์กับพระราชกิจของพระองค์ ไม่มีวิธีที่ถูกต้องอื่นใดในการรู้จักพระเจ้า
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, การรู้จักพระราชกิจของพระเจ้าในวันนี้
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ
วิดีโอประเภทอื่นๆ