พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 143

วันที่ 28 เดือน 02 ปี 2024

จงมองย้อนกลับไปในชีวิตของพวกเจ้าจนกระทั่งถึงตอนนี้ ดูที่พระราชกิจทั้งหมดที่พระเจ้าได้ทรงทำกับเจ้าตลอดเวลาหลายปีแห่งความเชื่อของเจ้า ไม่ว่าความรู้สึกทั้งหลายที่การนี้กระตุ้นให้เกิดขึ้นในตัวเจ้านั้นจะลึกซึ้งหรือตื้นเขินก็ตาม นี่ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นที่สุดที่เจ้าต้องมีหรอกหรือ? นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องได้มามากที่สุดหรอกหรือ? (มันใช่) นี่ไม่ใช่ความจริงหรอกหรือ? นี่ไม่ใช่ชีวิตหรอกหรือ? (มันใช่) เคยไหมที่พระเจ้าประทานความรู้แจ้งแก่เจ้า แล้วต่อมาก็ทรงขอให้เจ้ามอบบางสิ่งแก่พระองค์เป็นการตอบแทนทั้งหมดที่พระองค์ได้ทรงมอบให้เจ้า? (ไม่เคย) ดังนั้น จุดประสงค์ของพระเจ้าคือสิ่งใด? เหตุใดพระเจ้าจึงทรงทำเช่นนี้? พระเจ้าทรงมีวัตถุประสงค์เป็นการยึดครองเจ้าหรือไม่? (ไม่) พระเจ้าทรงต้องประสงค์ที่จะเสด็จขึ้นสู่บัลลังก์ของพระองค์ภายในหัวใจของมนุษย์ใช่หรือไม่? (ใช่) ดังนั้น สิ่งใดคือความแตกต่างระหว่างการที่พระเจ้าเสด็จขึ้นสู่บัลลังก์ของพระองค์กับการบังคับยึดครองของซาตาน? พระเจ้าทรงต้องประสงค์ที่จะได้รับหัวใจของมนุษย์ พระองค์ทรงต้องประสงค์ที่จะยึดครองหัวใจของมนุษย์—การนี้หมายความว่าอย่างไร? นี่หมายความว่าพระเจ้าทรงต้องประสงค์ให้มนุษย์กลายเป็นหุ่นเชิดของพระองค์ เครื่องจักรของพระองค์กระนั้นหรือ? (ไม่) ดังนั้น จุดประสงค์ของพระเจ้าคือสิ่งใด? มีความแตกต่างกันหรือไม่ระหว่างการที่พระเจ้าทรงต้องประสงค์ที่จะยึดครองหัวใจของมนุษย์กับการที่ซาตานบังคับยึดครองและครอบครองมนุษย์? (มี) อะไรคือความแตกต่าง? เจ้าบอกเราอย่างชัดเจนได้หรือไม่? (ซาตานทำสิ่งนั้นโดยผ่านทางกำลังบังคับในขณะที่พระเจ้าทรงยอมให้มนุษย์อาสาสมัคร) นี่ใช่ความแตกต่างหรือ? พระเจ้าทรงได้ประโยชน์อันใดจากหัวใจของเจ้า? และพระเจ้าทรงได้ประโยชน์อันใดจากการยึดครองเจ้า? ในหัวใจของพวกเจ้านั้นพวกเจ้าเข้าใจคำว่า "พระเจ้าทรงยึดครองหัวใจมนุษย์" ว่าอย่างไร? พวกเราต้องเป็นธรรมในวิธีที่พวกเราพูดคุยกันถึงพระเจ้าในที่นี้ มิฉะนั้นผู้คนจะเข้าใจผิดและคิดอยู่เสมอว่า "พระเจ้าทรงต้องประสงค์ที่จะยึดครองฉันอยู่เสมอ พระองค์ทรงต้องประสงค์ที่จะยึดครองฉันเพื่อสิ่งใด? ฉันไม่ต้องการถูกยึดครอง ฉันเพียงแค่ต้องการที่จะเป็นนายของตัวฉันเอง พระองค์ตรัสว่าซาตานยึดครองมนุษย์ แต่พระเจ้าก็ทรงยึดครองมนุษย์ด้วยเช่นกัน นั่นไม่ใช่หนทางเดียวกันด้วยหรอกหรือ? ฉันไม่ต้องการให้ผู้ใดยึดครองฉัน ฉันเป็นตัวฉันเอง!" ความแตกต่างในที่นี้คืออะไรหรือ? จงตรองกันดูที เราถามพวกเจ้าว่า คำว่า "พระเจ้าทรงยึดครองมนุษย์" เป็นวลีที่ว่างเปล่าหรือไม่? การที่พระเจ้าทรงยึดครองมนุษย์หมายความว่าพระองค์ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ในหัวใจของเจ้าและทรงควบคุมทุกคำพูดและทุกการเคลื่อนไหวของเจ้าใช่หรือไม่? หากพระองค์ตรัสบอกเจ้าให้นั่ง เจ้าไม่กล้าที่จะยืนหรอกหรือ? หากพระองค์ตรัสบอกเจ้าให้ไปทางทิศตะวันออก เจ้าไม่กล้าที่จะไปทางทิศตะวันตกหรอกหรือ? "การยึดครอง" นี้อ้างอิงถึงบางสิ่งบางอย่างในทำนองเหล่านี้ใช่หรือไม่? (ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าทรงต้องประสงค์ให้มนุษย์ดำรงชีวิตตามสิ่งที่พระเจ้าทรงมีและทรงเป็น) ตลอดหลายปีที่พระเจ้าได้ทรงบริหารจัดการมนุษย์ ในพระราชกิจที่พระองค์ทรงทำกับมนุษย์จนกระทั่งถึงตอนนี้ในช่วงระยะสุดท้ายนี้ สิ่งใดคือผลที่ทรงตั้งเจตนารมณ์ไว้ว่าพระวจนะทั้งหมดที่พระองค์ได้ตรัสไปจะก่อให้เกิดกับมนุษย์? ใช่การที่มนุษย์ดำรงชีวิตตามสิ่งที่พระเจ้าทรงมีและทรงเป็นหรือไม่? เมื่อดูที่ความหมายตามตัวอักษรของคำว่า "พระเจ้าทรงยึดครองหัวใจมนุษย์" ก็ดูเหมือนว่าพระเจ้าทรงเอาหัวใจมนุษย์ไปและยึดครองมันไว้ ดำรงพระชนม์ชีพในนั้นและไม่เสด็จออกมาอีกเลย พระองค์ทรงกลายเป็นเจ้านายของหัวใจมนุษย์ และทรงสามารถที่จะครอบงำและบงการหัวใจมนุษย์ได้ตามประสงค์ เพื่อให้มนุษย์ต้องทำสิ่งใดก็ตามที่พระเจ้าทรงบอกให้เขาทำ ในความหมายนี้ มันคงจะดูเหมือนว่าทุกบุคคลสามารถกลายเป็นพระเจ้าและครอบครองแก่นแท้และพระอุปนิสัยของพระองค์ได้ ดังนั้นในกรณีนี้ มนุษย์สามารถทำกิจการทั้งหลายของพระเจ้าได้ด้วยหรือไม่? คำว่า "การยึดครอง" สามารถอธิบายในหนทางนี้ได้หรือไม่? (ไม่ได้) ดังนั้น นั่นคือสิ่งใด? เราถามพวกเจ้าว่า พระวจนะและความจริงทั้งหมดที่พระเจ้าทรงจัดหาให้มนุษย์นั้นคือวิวรณ์แห่งแก่นแท้ของพระเจ้าและสิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็นใช่หรือไม่? (ใช่) การนี้จริงแท้อย่างแน่นอน แต่มันสำคัญหรือไม่ที่พระเจ้าพระองค์เองจะทรงครอบครองและปฏิบัติตามพระวจนะทั้งหมดที่พระองค์ทรงจัดหาให้มนุษย์? จงตรองถึงการนี้บ้าง เมื่อพระเจ้าทรงพิพากษามนุษย์ เหตุใดพระองค์จึงทรงพิพากษา? พระวจนะเหล่านี้มีขึ้นมาได้อย่างไร? เนื้อหาของพระวจนะที่พระเจ้าตรัสเมื่อพระองค์ทรงพิพากษามนุษย์นี้คือสิ่งใด? พระวจนะเหล่านี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานใด? พระวจนะเหล่านี้มีพื้นฐานอยู่บนอุปนิสัยอันเสื่อมทรามของมนุษย์นั่นเองใช่หรือไม่? (ใช่) ดังนั้นผลที่สัมฤทธิ์จากการพิพากษามนุษย์ของพระเจ้านั้นมีพื้นฐานอยู่บนแก่นแท้ของพระเจ้าใช่หรือไม่? (ใช่) ดังนั้น "การยึดครองมนุษย์" ของพระเจ้าเป็นวลีที่ว่างเปล่าหรือไม่? ไม่ใช่อย่างแน่นอน ดังนั้น เหตุใดพระเจ้าจึงตรัสพระวจนะเหล่านี้กับมนุษย์? พระประสงค์ของพระองค์ในการตรัสพระวจนะเหล่านี้คืออะไร? พระองค์ทรงต้องประสงค์ที่จะใช้พระวจนะเหล่านี้มาทำหน้าที่เป็นชีวิตของมนุษย์ใช่หรือไม่? (ใช่) พระเจ้าทรงต้องประสงค์ที่จะใช้ความจริงทั้งหมดที่พระองค์ได้ตรัสไปในพระวจนะเหล่านี้มาทำหน้าที่เป็นชีวิตของมนุษย์ เมื่อมนุษย์รับเอาความจริงทั้งหมดนี้และพระวจนะของพระเจ้าไว้ และแปลงสภาพทั้งความจริงและพระวจนะให้เป็นชีวิตของเขาเอง เช่นนั้นแล้วมนุษย์จะสามารถเชื่อฟังพระเจ้าได้หรือไม่? เช่นนั้นแล้วมนุษย์สามารถยำเกรงพระเจ้าได้หรือไม่? เช่นนั้นแล้วมนุษย์สามารถหลบเลี่ยงความชั่วได้หรือไม่? เมื่อมนุษย์ได้มาถึงจุดนี้ เช่นนั้นแล้วเขาจะสามารถเชื่อฟังอธิปไตยและการจัดการเตรียมการของพระเจ้าได้หรือไม่? เช่นนั้นแล้วมนุษย์อยู่ในตำแหน่งที่จะนบนอบต่อสิทธิอำนาจของพระเจ้าหรือไม่? เมื่อผู้คนอย่างเช่นโยบ หรืออย่างเช่นเปโตร มาถึงสุดปลายถนนของพวกเขา เมื่อชีวิตของพวกเขาสามารถถือได้ว่าได้มาถึงความเป็นผู้ใหญ่แล้ว เมื่อพวกเขามีความเข้าใจอันแท้จริงเกี่ยวกับพระเจ้า—เช่นนั้นแล้วซาตานยังคงสามารถนำทางพวกเขาห่างออกไปได้หรือไม่? เช่นนั้นแล้วซาตานยังคงสามารถยึดครองพวกเขาได้หรือไม่? ซาตานยังคงสามารถบังคับครอบครองพวกเขาได้หรือไม่? (ไม่ได้) ดังนั้น นี่เป็นบุคคลประเภทใด? นี่คือใครบางคนที่ได้ถูกพระเจ้าทรงรับไว้อย่างครบบริบูรณ์แล้วใช่หรือไม่? (ใช่) ในความหมายระดับนี้ พวกเจ้ามองบุคคลประเภทที่พระเจ้าทรงรับไว้อย่างครบบริบูรณ์นี้ว่าเป็นอย่างไร? จากมุมมองของพระเจ้า ภายใต้รูปการณ์แวดล้อมเหล่านี้ พระองค์ได้ทรงยึดครองหัวใจของบุคคลนี้แล้ว ว่าแต่บุคคลนี้รู้สึกอย่างไร? เป็นอันว่าพระวจนะของพระเจ้า สิทธิอำนาจของพระเจ้า และทางแห่งพระเจ้ากลายเป็นชีวิตภายในตัวมนุษย์ใช่หรือไม่ แล้วจากนั้น ชีวิตนี้ก็ยึดครองการเป็นอยู่ทั้งหมดของมนุษย์ โดยทำให้สิ่งทั้งหลายที่เขาใช้ดำเนินชีวิต ตลอดจนแก่นแท้ของเขาเพียงพอที่จะทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยใช่หรือไม่? จากมุมมองของพระเจ้า หัวใจของมวลมนุษย์ในชั่วขณะนี้ได้ถูกพระองค์ยึดครองแล้วใช่หรือไม่? (ใช่) พวกเจ้าเข้าใจความหมายระดับนี้ว่าอย่างไรในตอนนี้? เป็นพระวิญญาณของพระเจ้าใช่หรือไม่ที่ยึดครองเจ้า? (ไม่ใช่ นั่นคือพระวจนะของพระเจ้าที่ยึดครองพวกเรา) เป็นทางแห่งพระเจ้าและพระวจนะของพระเจ้านั่นเองที่ได้กลายเป็นชีวิตของเจ้า และเป็นความจริงนั่นเองที่ได้กลายเป็นชีวิตของเจ้า ในเวลาเช่นนี้ มนุษย์ย่อมครองชีวิตที่มาจากพระเจ้า แต่พวกเราไม่สามารถพูดได้ว่าชีวิตนี้คือพระชนม์ชีพของพระเจ้า กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พวกเราไม่สามารถพูดได้ว่าชีวิตที่มนุษย์ได้มาจากพระวจนะของพระเจ้านั้นเป็นพระชนม์ชีพของพระเจ้า ดังนั้นไม่ว่ามนุษย์ติดตามพระเจ้านานเพียงใด ไม่ว่ามนุษย์ได้รับพระวจนะจากพระเจ้ามากเพียงใด มนุษย์ก็ไม่มีวันสามารถกลายเป็นพระเจ้าได้ ต่อให้วันหนึ่งพระเจ้าตรัสว่า "เราได้ยึดครองหัวใจของเจ้า บัดนี้เจ้าครองชีวิตของเรา" เช่นนั้นแล้วเจ้าจะรู้สึกว่าเจ้าเป็นพระเจ้ากระนั้นหรือ? (ไม่) เช่นนั้นแล้วเจ้าจะกลายเป็นสิ่งใด? เจ้าจะไม่มีการเชื่อฟังพระเจ้าโดยสมบูรณ์หรอกหรือ? หัวใจของเจ้าไม่ได้เต็มไปด้วยชีวิตที่พระเจ้าได้ประทานแก่เจ้าหรอกหรือ? นี่คงจะเป็นการสำแดงที่ปกติอย่างยิ่งถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อพระเจ้าทรงยึดครองหัวใจของมนุษย์ นี่คือข้อเท็จจริง ดังนั้น เมื่อมองจากแง่มุมนี้ มนุษย์สามารถกลายเป็นพระเจ้าได้หรือไม่? เมื่อมนุษย์ได้มาซึ่งพระวจนะทั้งหมดของพระเจ้าแล้ว เมื่อมนุษย์สามารถยำเกรงพระเจ้าและหลบเลี่ยงความชั่วได้ เช่นนั้นแล้วมนุษย์สามารถครอบครองพระอัตลักษณ์และแก่นแท้ของพระเจ้าได้หรือไม่? (ไม่ได้) ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น เมื่อพิจารณาทุกๆ อย่างแล้ว มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์อยู่ดี เจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งจากการทรงสร้าง เมื่อเจ้าได้รับพระวจนะของพระเจ้าจากพระเจ้าและได้รับทางแห่งพระเจ้าไว้แล้ว เจ้าก็เพียงแต่ครองชีวิตที่มาจากพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น และไม่มีวันสามารถกลายเป็นพระเจ้าได้

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 4

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger