พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเข้าสู่ชีวิต | บทตัดตอน 569

วันที่ 13 เดือน 08 ปี 2021

ผู้คนมีความเข้าใจผิวเผินเกินไปเกี่ยวกับธรรมชาติของพวกเขาเอง และมีความขัดแย้งใหญ่หลวงระหว่างการนี้กับพระวจนะแห่งการพิพากษาและวิวรณ์ของพระเจ้า นี่ไม่ใช่ข้อผิดพลาดในการเปิดเผยของพระเจ้า แต่ในทางตรงกันข้ามเป็นการขาดพร่องความเข้าใจอันลุ่มลึกของมนุษย์เกี่ยวกับธรรมชาติของพวกเขาเอง ผู้คนไม่มีความเข้าใจพื้นฐานหรือความเข้าใจที่เป็นแก่นสารเกี่ยวกับตัวพวกเขาเอง แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขามุ่งความสนใจและอุทิศพลังงานของพวกเขาไปที่การกระทำและการแสดงออกภายนอกของพวกเขา ต่อให้ใครบางคนได้พูดบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับการเข้าใจตัวพวกเขาเองเป็นครั้งคราว นั่นก็คงจะไม่ลุ่มลึกมากนัก ไม่มีผู้ใดเลยได้เคยคิดว่าพวกเขาคือบุคคลชนิดนี้หรือมีธรรมชาติชนิดนี้เนื่องจากได้เคยทำสิ่งแบบนี้หรือได้เคยเปิดเผยบางสิ่งมาแล้ว พระเจ้าได้ทรงเปิดเผยธรรมชาติและแก่นแท้ของมนุษยชาติ แต่พวกมนุษย์เข้าใจว่าวิธีการทำสิ่งทั้งหลายของพวกเขาและวิธีการพูดของพวกเขานั้นมีตำหนิและมีข้อเสียหาย ดังนั้น นั่นจึงเป็นภารกิจที่เหนื่อยยากอย่างหนึ่งสำหรับผู้คนที่จะนำความจริงไปปฏิบัติ ผู้คนคิดว่าความเข้าใจผิดของพวกเขาเป็นเพียงการสำแดงชั่วขณะที่ถูกเปิดเผยอย่างไม่ระมัดระวังแทนที่จะเป็นวิวรณ์ของธรรมชาติของพวกเขา ผู้คนที่คิดในหนทางนี้ไม่สามารถนำความจริงไปปฏิบัติ เพราะพวกเขาไม่สามารถยอมรับความจริงว่าคือความจริงและไม่กระหายความจริง ดังนั้น เมื่อนำความจริงไปปฏิบัติ พวกเขาเพียงทำตามกฎเกณฑ์อย่างพอเป็นพิธีเท่านั้น ผู้คนไม่มองธรรมชาติของพวกเขาเองว่าเสื่อมทรามเกินไป และเชื่อว่าพวกเขาไม่ได้แย่ถึงขนาดที่พวกเขาควรถูกทำลายหรือถูกลงโทษ พวกเขาคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยที่จะโกหกเป็นครั้งคราว และพิจารณาตัวพวกเขาเองว่าดีกว่าที่พวกเขาเคยเป็นในอดีตมาก อย่างไรก็ตาม ในข้อเท็จจริงแล้วพวกเขาไม่ใกล้กับการเป็นไปตามมาตรฐานเลย เพราะผู้คนเพียงมีการกระทำบางอย่างที่ไม่ละเมิดความจริงให้เห็นภายนอกเท่านั้น ในเมื่ออันที่จริงแล้วพวกเขาไม่ได้กำลังนำความจริงไปปฏิบัติ

การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมหรือการประพฤติของบุคคลหนึ่งไม่ได้แสดงนัยถึงการเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติของพวกเขา เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็คือว่าการประพฤติของคนเราไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ดั้งเดิมของพวกเขาในขั้นพื้นฐานได้ อีกทั้งนั่นก็ไม่สามารถปรับเปลี่ยนธรรมชาติของพวกเขาได้ เพียงหลังจากคนเราได้มารู้จักธรรมชาติของพวกเขาเองแล้วเท่านั้น การปฏิบัติของพวกเขาจึงจะสามารถกลายเป็นลุ่มลึก และกลายเป็นบางสิ่งนอกเหนือจากการยึดติดกฎต่างๆ ชุดหนึ่ง การปฏิบัติความจริงในปัจจุบันของมนุษย์ยังคงไม่ได้มาตรฐาน และไม่สามารถสัมฤทธิ์ทั้งหมดที่ความจริงพึงประสงค์ได้อย่างเต็มเปี่ยม ผู้คนปฏิบัติตามความจริงเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น และเพียงเมื่อพวกเขาอยู่ในสภาวะและรูปการณ์แวดล้อมเฉพาะบางอย่างเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถนำความจริงไปปฏิบัติได้ในทุกรูปการณ์แวดล้อมและทุกสถานการณ์ ในบางโอกาส เมื่อบุคคลหนึ่งมีความสุขและสภาวะของพวกเขาดี หรือเมื่อพวกเขากำลังสามัคคีธรรมกับกลุ่ม และรู้สึกถูกปลดปล่อยมากกว่าธรรมดา พวกเขาอาจมีความสามารถที่จะทำบางสิ่งที่สอดคล้องกับความจริงได้ชั่วคราว แต่ทว่าเมื่อพวกเขาคบหากับผู้คนที่เป็นลบและพวกที่ไม่ไล่ตามเสาะหาความจริง การปฏิบัติของพวกเขาก็แย่กว่า และการกระทำของพวกเขาก็ค่อนข้างไม่สมควร นี่เป็นเพราะผู้คนปฏิบัติตามความจริงโดยปราศจากท่าทีของความมานะบากบั่น แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น กลับนำความจริงไปปฏิบัติโดยได้รับการนำทางโดยอิทธิพลชั่วแล่นของอารมณ์หรือรูปการณ์แวดล้อม นอกจากนี้ยังเป็นเพราะเจ้าไม่ได้เข้าใจสภาวะของเจ้า อีกทั้งเจ้าไม่ได้เข้าใจธรรมชาติของเจ้า ดังนั้นในบางครั้ง เจ้ายังไม่สามารถทำสิ่งทั้งหลายที่เจ้าไม่สามารถจินตนาการให้ตัวเจ้าเองทำได้ เจ้าเพียงรู้จักสภาวะทั้งหลายของเจ้าบางสภาวะเท่านั้น แต่เพราะเจ้าไม่ได้เข้าใจธรรมชาติของเจ้า เจ้าจึงไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เจ้าอาจทำในอนาคตได้—นั่นคือเจ้าไม่มีความแน่ใจอย่างเด็ดขาดว่าเจ้าจะตั้งมั่น มีหลายครั้งที่เจ้าอยู่ในสภาวะหนี่งและเจ้าสามารถนำความจริงไปปฏิบัติได้ และดูเหมือนว่าเจ้าจะแสดงการเปลี่ยนแปลงบางประการอย่างชัดแจ้ง แต่ทว่าในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง เจ้าไม่สามารถนำความจริงไปปฏิบัติได้ การนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเจ้า บางครั้งเจ้าสามารถปฏิบัติความจริง และบางครั้งเจ้าก็ไม่สามารถ ชั่วขณะหนึ่งเจ้าเข้าใจ และชั่วขณะถัดไปเจ้างุนงงสับสน ขณะนี้เจ้าไม่ได้กำลังทำสิ่งใดที่ไม่ดี แต่บางทีเจ้าอาจจะทำในอีกสักครู่ การนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่เสื่อมทรามยังคงดำรงอยู่ในตัวเจ้า และหากเจ้าไม่สามารถมีความรู้ในตนเองที่แท้จริงได้ สิ่งเหล่านี้ก็จะแก้ไขไม่ได้อย่างง่ายดาย หากเจ้าไม่สามารถบรรลุความเข้าใจถ้วนทั่วเกี่ยวกับอุปนิสัยที่เสื่อมทรามของเจ้าเอง และในท้ายที่สุดก็สามารถทำสิ่งทั้งหลายที่ต้านทานพระเจ้าได้ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็อยู่ในอันตราย หากเจ้าสามารถบรรลุความรู้ความเข้าใจเชิงลึกที่หลักแหลมในธรรมชาติของเจ้าและเกลียดชังมัน เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะมีความสามารถที่จะควบคุมตัวเจ้าเอง ละทิ้งตัวเจ้าเอง และนำความจริงไปปฏิบัติได้

—พระวจนะฯ เล่ม 3 บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย, ภาคที่สาม

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger