พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: พระราชกิจสามช่วงระยะ | บทตัดตอน 33
วันที่ 07 เดือน 01 ปี 2024
ในช่วงระยะสุดท้ายของพระราชกิจ ผลลัพธ์ทั้งหลายสัมฤทธิ์โดยผ่านทางพระวจนะ โดยผ่านทางพระวจนะ มนุษย์จึงมาเข้าใจความล้ำลึกมากมายและพระราชกิจที่พระเจ้าได้ทรงทำลงไปโดยผ่านทางชนรุ่นต่างๆ ที่ผ่านไป นั่นคือ มนุษย์ได้รับการให้ความรู้แจ้งโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยผ่านทางพระวจนะ มนุษย์มาเข้าใจความล้ำลึกต่างๆ ที่ไม่เคยถูกคลี่คลายมาก่อนในชนรุ่นต่างๆ ที่ผ่านไป ตลอดจนงานของผู้เผยวจนะและอัครทูตทั้งหลายในกาลเวลาที่ผ่านไป และหลักการทั้งหลายที่พวกเขาใช้ทำงาน นั่นก็คือ โดยผ่านทางพระวจนะ มนุษย์จึงมาเข้าใจอุปนิสัยของพระเจ้าพระองค์เอง ตลอดจนความเป็นกบฏและการต้านทานของมนุษย์ด้วยเช่นกัน และแล้วเขาจึงมารู้จักธาตุแท้ของตัวเขาเอง โดยผ่านทางขั้นตอนเหล่านี้ของพระราชกิจและโดยผ่านทางพระวจนะทั้งปวงที่ได้ตรัสไว้ มนุษย์จึงมารู้จักพระราชกิจของพระวิญญาณ พระราชกิจที่เนื้อหนังซึ่งทรงจุติเป็นมนุษย์ของพระเจ้าทรงปฏิบัติ และยิ่งไปกว่านั้นคือ พระอุปนิสัยทั้งหมดทั้งมวลของพระองค์ ความรู้ของเจ้าเกี่ยวกับพระราชกิจแห่งการบริหารจัดการของพระเจ้าตลอดหกพันปีนั้นก็ได้รับโดยผ่านทางพระวจนะด้วยเช่นกัน ความรู้เกี่ยวกับมโนคติที่หลงผิดในอดีตของเจ้าและความสำเร็จของเจ้าในการกันพวกมันเก็บไว้ใช้นั้น มิได้บรรลุโดยผ่านทางพระวจนะหรอกหรือ? ในช่วงระยะก่อนหน้านี้ พระเยซูทรงพระราชกิจหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ แต่ในช่วงระยะนี้ไม่มีหมายสำคัญและการอัศจรรย์เลย ความเข้าใจของเจ้าเกี่ยวกับเหตุผลที่พระเจ้าไม่ทรงเผยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ นั้น มิได้สัมฤทธิ์โดยผ่านทางพระวจนะด้วยเช่นกันหรอกหรือ? ดังนั้น พระวจนะต่างๆ ที่ตรัสในระยะนี้เหนือกว่างานซึ่งทำโดยอัครทูตและผู้เผยวจนะทั้งหลายในชนรุ่นต่างๆ ที่ผ่านไป แม้แต่คำพยากรณ์ทั้งหลายที่บอกเล่าโดยผู้เผยวจนะก็ไม่อาจสามารถสัมฤทธิ์ในผลลัพธ์นี้ ผู้เผยวจนะทั้งหลายกล่าวเพียงคำพยากรณ์ต่างๆ พวกเขาพูดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ไม่ใช่พระราชกิจที่พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะทำในเวลานั้น ทั้งพวกเขายังไม่ได้กล่าวเพื่อนำทางมวลมนุษย์ในชีวิตของพวกเขา หรือมอบความจริงต่างๆ ให้กับมวลมนุษย์ หรือเปิดเผยความล้ำลึกต่อพวกเขา นับประสาอะไรที่จะมอบชีวิตให้ จากพระวจนะทั้งหลายที่ตรัสในช่วงระยะนี้ มีคำพยากรณ์กับความจริง แต่โดยหลักแล้ว พระวจนะเหล่านี้ทำหน้าที่มอบชีวิตให้มนุษย์ พระวจนะต่างๆ ณ ปัจจุบันนั้นไม่เหมือนกับคำพยากรณ์ทั้งหลายของเหล่าผู้เผยวจนะ นี่เป็นระยะของพระราชกิจเพื่อชีวิตของมนุษย์ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยในชีวิตมนุษย์ และหาใช่เพื่อประโยชน์ของการกล่าวคำพยากรณ์ไม่ ช่วงระยะแรกนั้นเป็นพระราชกิจของพระยาห์เวห์ กล่าวคือ พระราชกิจของพระองค์ก็เพื่อที่จะตระเตรียมเส้นทางสำหรับมนุษย์ในการนมัสการพระเจ้าบนแผ่นดินโลก เป็นพระราชกิจแห่งการเริ่มที่จะหาสถานที่จุดกำเนิดของพระราชกิจบนแผ่นดินโลก ณ เวลานั้น พระยาห์เวห์ได้ทรงสอนคนอิสราเอลให้รักษาวันสะบาโต ให้เกียรติบิดามารดา และใช้ชีวิตด้วยกันและกันอย่างสันติ นี่เป็นเพราะผู้คนของช่วงเวลานั้นไม่ได้เข้าใจสิ่งที่ประกอบกันขึ้นเป็นมนุษย์ อีกทั้งยังไม่เข้าใจว่าจะใช้ชีวิตบนแผ่นดินโลกอย่างไร จึงได้จำเป็นสำหรับพระองค์ในช่วงระยะแรกที่จะต้องทรงนำมวลมนุษย์ในการดำเนินชีวิตของพวกเขา ทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่มวลมนุษย์หาได้เป็นสิ่งที่พวกเขาได้รู้หรือครองมาก่อนหน้านี้ไม่ ณ เวลานั้น พระเจ้าได้ทรงให้เกิดมีผู้เผยวจนะขึ้นมากมายเพื่อกล่าวคำพยากรณ์ และพวกเขาทั้งหมดก็ได้ทำเช่นนั้นกันภายใต้การทรงนำของพระยาห์เวห์ นี่เป็นเพียงรายการหนึ่งในพระราชกิจของพระเจ้า ในช่วงระยะแรกนั้น พระเจ้ามิได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ และดังนั้นพระองค์จึงทรงอบรมทุกเผ่าและชนชาติโดยผ่านทางผู้เผยวจนะ ตอนที่พระเยซูทรงพระราชกิจในกาลเวลาของพระองค์ พระองค์มิได้ตรัสมากเท่ากับในปัจจุบัน ช่วงระยะนี้ของพระราชกิจแห่งพระวจนะในยุคสุดท้ายนั้นไม่เคยถูกปฏิบัติมาก่อนในยุคต่างๆ และในชนรุ่นต่างๆ ที่ผ่านไป แม้ว่าอิสยาห์ ดาเนียล และยอห์นได้กล่าวคำพยากรณ์ไว้มากมาย แต่คำพยากรณ์ทั้งหลายของพวกเขาก็แตกต่างจากพระวจนะทั้งหลายที่ตรัสในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง สิ่งที่พวกเขาได้กล่าวเป็นเพียงคำพยากรณ์ต่างๆ แต่พระวจนะทั้งหลายที่ตรัสในตอนนี้นั้นไม่ใช่ หากเราเปลี่ยนทั้งหมดที่เราพูดถึงตอนนี้เป็นคำพยากรณ์ต่างๆ พวกเจ้าจะมีความสามารถเข้าใจได้หรือไม่? สมมุติว่าสิ่งที่เราได้พูดถึงไปแล้วนั้นเกี่ยวกับเรื่องราวภายหลังจากที่เราได้จากไป แล้ว เจ้าจะได้รับความเข้าใจได้อย่างไร? พระราชกิจของพระวจนะไม่เคยถูกปฏิบัติในกาลเวลาของพระเยซูหรือในยุคธรรมบัญญัติ บางทีบางคนอาจจะพูดว่า "พระยาห์เวห์ไม่ได้ตรัสพระวจนะในกาลเวลาแห่งพระราชกิจของพระองค์ด้วยหรอกหรือ? นอกเหนือจากการรักษาอาการป่วย การขับไล่ปีศาจ และการทรงพระราชกิจหมายสำคัญและการอัศจรรย์ทั้งหลายแล้ว พระเยซูมิได้ตรัสพระวจนะต่างๆ ในกาลเวลาที่พระองค์ได้กำลังทรงพระราชกิจอยู่หรอกหรือ?" วิธีที่พระวจนะได้ถูกตรัสออกมานั้นมีความแตกต่างกัน อะไรคือสาระสำคัญของพระวจนะทั้งหลายที่พระยาห์เวห์ดำรัสไว้? พระองค์เพียงได้ทำการทรงนำมวลมนุษย์ในการดำเนินชีวิตของพวกเขาบนแผ่นดินโลก ซึ่งไม่ได้ไปแตะต้องเรื่องราวฝ่ายจิตวิญญาณในชีวิตเลย เหตุใดจึงได้ถูกกล่าวว่า ตอนที่พระยาห์เวห์ตรัสนั้น ก็เพื่อที่จะอบรมประชากรของทุกแห่งหนทั้งหมด? คำว่า "อบรม" หมายถึงทรงบอกอย่างชัดเจนและทรงบัญชาโดยตรง พระองค์มิได้ทรงจัดหาชีวิตให้กับมนุษย์ ในทางกลับกัน พระองค์เพียงทรงจับจูงมือมนุษย์และทรงสอนวิธีที่จะเคารพพระองค์ให้กับมนุษย์โดยปราศจากอุปมาต่างๆ มากเกินไป พระราชกิจที่พระยาห์เวห์ได้ทรงกระทำนั้นมิได้เพื่อที่จะจัดการหรือบ่มวินัยมนุษย์ หรือมอบการพิพากษาและการตีสอน มันเป็นไปเพื่อทรงนำเขา พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาโมเสสให้บอกประชากรของพระองค์ให้เก็บมานาในถิ่นทุรกันดาร ทุกเวลาเช้าก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น พวกเขาจะต้องเก็บมานา แค่เพียงพอรับประทานในวันนั้น มานานั้นไม่สามารถเก็บข้ามวันได้ เนื่องจากมันจะกลายเป็นขึ้นรา พระองค์มิได้ทรงอบรมสั่งสอนผู้คนหรือตีแผ่ธรรมชาติของพวกเขา อีกทั้งพระองค์ยังไม่ได้ทรงตีแผ่แนวคิดและความคิดต่างๆ ของพวกเขา พระองค์มิได้ทรงเปลี่ยนแปลงผู้คนแต่ได้ทรงนำในการดำเนินชีวิตของพวกเขาเสียมากกว่า ประชากรในกาลเวลานั้นเป็นเหมือนเด็ก ไม่เข้าใจสิ่งใดเลยและสามารถทำได้เพียงการเคลื่อนไหวเชิงกลพื้นฐานเท่านั้น และดังนั้น พระยาห์เวห์จึงเพียงได้ทรงประกาศกฤษฎีกาธรรมบัญญัติต่างๆ เพื่อทรงนำมวลชนเท่านั้น
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ความล้ำลึกแห่งการทรงปรากฏในรูปมนุษย์ (4)
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ
วิดีโอประเภทอื่นๆ