พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: พระราชกิจสามช่วงระยะ | บทตัดตอน 13

วันที่ 05 เดือน 01 ปี 2024

พระราชกิจทั้งหมดที่ได้ทรงกระทำมาตลอดแผนการบริหารจัดการหกพันปีได้มาปิดตัวลงในตอนนี้เท่านั้นเอง เฉพาะหลังจากที่พระราชกิจนี้ทั้งหมดได้รับการเปิดเผยต่อมนุษย์และดำเนินการจนเสร็จสิ้นในท่ามกลางมวลมนุษย์เท่านั้น มนุษยชาติจึงจะรู้จักพระอุปนิสัยทั้งหมดของพระเจ้าและสิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็น เมื่อพระราชกิจของช่วงระยะนี้ได้เสร็จสิ้นลงแล้วอย่างครบถ้วน ความล้ำลึกทั้งหมดที่มนุษย์ไม่เข้าใจจะได้รับการเปิดเผย และความจริงทั้งหมดที่ก่อนหน้านี้ไม่เป็นที่เข้าใจจะได้รับการอธิบายให้ชัดเจน และเผ่าพันธุ์มนุษย์จะได้รับการบอกกล่าวเกี่ยวกับเส้นทางในอนาคตและบั้นปลายของพวกเขา นี่คือองค์รวมของพระราชกิจซึ่งจะต้องถูกทำในช่วงระยะปัจจุบัน แม้ว่าเส้นทางที่มนุษย์เดินในวันนี้ก็คือเส้นทางของกางเขนและเส้นทางของความทุกข์ด้วยเช่นกัน สิ่งที่มนุษย์ปฏิบัติ และสิ่งที่เขากิน ดื่ม และชื่นชมในวันนี้ก็แตกต่างอย่างใหญ่หลวงจากสิ่งที่ตกมาสู่มนุษย์ภายใต้ธรรมบัญญัติและในยุคพระคุณ สิ่งที่ขอจากมนุษย์ในวันนี้ก็ไม่เหมือนกับในอดีตและยิ่งไม่เหมือนกับสิ่งที่ขอจากมนุษย์ในยุคธรรมบัญญัติ เอาละ สิ่งที่ขอจากมนุษย์ภายใต้ธรรมบัญญัติเมื่อตอนที่พระเจ้าได้กำลังทรงพระราชกิจของพระองค์อยู่ในอิสราเอลนั้นคืออะไรหรือ? มันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการที่มนุษย์ควรรักษาวันสะบาโตและธรรมบัญญัติทั้งหลายของพระยาห์เวห์ จะต้องไม่มีใครที่ทำงานหนักในวันสะบาโตหรือล่วงละเมิดธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ แต่บัดนี้หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ในวันสะบาโต มนุษย์ทำงาน ชุมนุม และอธิษฐานกันตามปกติ และไม่มีข้อจำกัดที่ถูกนำมาบังคับใช้กับเขา บรรดาผู้ที่อยู่ในยุคพระคุณนั้นได้จำเป็นต้องรับบัพติศมา และพวกเขาจะต้องถูกขอต่อไปอีกให้ทำการอดอาหาร หักขนมปัง และดื่มเหล้าองุ่น คลุมศีรษะ และล้างเท้าของผู้อื่นเพื่อตัวพวกเขาเอง ตอนนี้ กฎเกณฑ์เหล่านี้ได้ถูกลบล้างไปแล้ว แต่มนุษย์กลับถูกขอในข้อเรียกร้องที่ยิ่งใหญ่ขึ้น เพราะพระราชกิจของพระเจ้านับวันก็ยิ่งงอกเงยลึกซึ้งขึ้น และการเข้าสู่ของมนุษย์นับวันยิ่งเอื้อมสูงขึ้น ในอดีต พระเยซูได้ทรงวางพระหัตถ์บนตัวมนุษย์แล้วทรงอธิษฐาน แต่มาบัดนี้ที่ทุกอย่างได้ถูกพูดไปหมดแล้ว ประโยชน์ของการวางมือคืออะไรหรือ? พระวจนะทั้งหลายเพียงลำพังก็สามารถสัมฤทธิ์ผลลัพธ์ได้อยู่แล้ว ตอนที่พระองค์วางพระหัตถ์ของพระองค์ลงบนมนุษย์ในอดีตนั้นก็เพื่ออวยพรมนุษย์และรักษาโรคให้เขาเช่นกัน นี่คือวิธีที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงพระราชกิจในกาลเวลานั้น แต่มิได้เป็นเช่นนั้นในตอนนี้ ตอนนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงใช้พระวจนะเพื่อที่จะทรงพระราชกิจและสัมฤทธิ์ผลลัพธ์ พระวจนะของพระองค์ได้รับการอธิบายต่อพวกเจ้าไว้อย่างชัดเจนแล้ว และพวกเจ้าควรนำมาปฏิบัติให้เหมือนดั่งที่พวกเจ้าได้รับการบอกกล่าวไว้ไม่มีผิด พระวจนะของพระองค์ก็คือน้ำพระทัยของพระองค์ พระวจนะเหล่านั้นคือพระราชกิจที่พระองค์ทรงปรารถนาจะทำ โดยผ่านทางพระวจนะทั้งหลาย เจ้าจะเข้าใจน้ำพระทัยของพระองค์และสิ่งที่พระองค์ทรงขอให้เจ้าบรรลุ และเจ้าอาจแค่นำพระวจนะของพระองค์มาปฏิบัติโดยตรงโดยไม่มีความจำเป็นใดๆ สำหรับการเอามือมาวางเลย บางคนอาจกล่าวว่า "ขอทรงวางพระหัตถ์ของพระองค์บนตัวข้าพระองค์! ขอทรงวางพระหัตถ์ของพระองค์บนตัวข้าพระองค์ เพื่อที่ข้าพระองค์อาจได้รับพระพรของพระองค์และเพื่อที่ข้าพระองค์อาจได้เป็นส่วนหนึ่งของพระองค์" เหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นการปฏิบัติที่หลงยุคมาจากอดีต เลิกใช้ไปแล้วตอนนี้ เพราะยุคได้เปลี่ยนไปแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจโดยสอดคล้องกับยุค ไม่ใช่ทั้งโดยแบบสุ่มและโดยสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ตั้งไว้ ยุคได้เปลี่ยนไปแล้ว และยุคใหม่จำเป็นต้องนำพาพระราชกิจใหม่ของมันมากับมันด้วย นี่เป็นความจริงสำหรับทุกช่วงระยะของพระราชกิจ และดังนั้นแล้วพระราชกิจของพระองค์จึงไม่เคยถูกทำซ้ำ ในยุคพระคุณ พระเยซูได้ทรงทำพระราชกิจประเภทนั้นไปมากมายพอสมควรแล้ว อาทิ การรักษาอาการป่วย การขับไล่ปีศาจ การวางพระหัตถ์บนตัวมนุษย์แล้วอธิษฐานให้เขา และการอวยพรมนุษย์ อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนั้นอีกก็คงจะไม่มีความหมายในปัจจุบันนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงพระราชกิจในหนทางนั้นในกาลเวลานั้น เพราะนั่นเป็นยุคพระคุณ และมีพระคุณพอเพียงสำหรับมนุษย์ที่จะชื่นชม เขาไม่ได้ถูกขอให้จ่ายอะไรเลย และนานตราบที่เขามีความเชื่อ เขาก็จะได้รับพระคุณ ทุกอย่างได้รับการปฏิบัติไปอย่างเปี่ยมพระคุณมาก บัดนี้ยุคได้เปลี่ยนไปแล้ว และพระราชกิจของพระเจ้าก็ได้ก้าวหน้าไปอีก นั่นก็คือ โดยผ่านทางการตีสอนและการพิพากษา นี่เองที่ความเป็นกบฏของมนุษย์และสิ่งต่างๆ ที่ไม่สะอาดภายในมนุษย์จะถูกชำระล้างออกไป ด้วยความที่ช่วงระยะนี้เป็นช่วงระยะของการไถ่ พระเจ้าจึงได้จำเป็นที่จะต้องทรงพระราชกิจในหนทางนั้น โดยการแสดงพระคุณที่เพียงพอสำหรับมนุษย์ที่จะชื่นชม เพื่อที่มนุษย์อาจได้รับการไถ่จากบาป และได้รับการยกโทษต่อบาปทั้งหลายของพวกเขาด้วยวิถีทางของพระคุณ ช่วงระยะปัจจุบันนี้เป็นไปเพื่อเปิดโปงความไม่ชอบธรรมภายในมนุษย์โดยวิถีทางของการตีสอน การพิพากษา และการเฆี่ยนตีของพระวจนะต่างๆ ตลอดจนการบ่มวินัยและวิวรณ์แห่งพระวจนะ เพื่อที่มนุษยชาติอาจได้รับการช่วยให้รอดหลังจากนั้น พระราชกิจนี้ลงรายละเอียดลึกกว่าการไถ่ พระคุณในยุคพระคุณนั้นพอเพียงสำหรับความชื่นชมยินดีของมนุษย์ ตอนนี้ที่มนุษย์ได้รับประสบการณ์กับพระคุณไปแล้ว เขาจะไม่ได้ชื่นชมกับมันอีกต่อไป ตอนนี้ พระราชกิจนี้ได้ผ่านกาลเวลาของมันมาแล้วและไม่ต้องกระทำอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้มนุษย์จะต้องได้รับการช่วยให้รอดโดยผ่านทางการพิพากษาของพระวจนะ หลังจากที่มนุษย์ถูกพิพากษา ตีสอน และถลุงแล้ว อุปนิสัยของเขาก็จะเปลี่ยนไปด้วยการเช่นนั้นเอง ทั้งหมดนี้มิใช่เป็นเพราะพระวจนะทั้งหลายที่เราได้กล่าวไปหรอกหรือ? แต่ละช่วงระยะของพระราชกิจนั้นได้ถูกทำไปในแนวเดียวกับความก้าวหน้าของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งองค์รวมและกับยุคนั้น พระราชกิจทั้งหมดล้วนมีนัยสำคัญ และทั้งหมดถูกทำไปเพื่อประโยชน์ของความรอดสุดท้ายที่มวลมนุษย์อาจมีบั้นปลายที่ดีในอนาคต และที่มนุษยชาติอาจได้รับการจำแนกชนชั้นไปตามประเภทในที่สุด

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ความล้ำลึกแห่งการทรงปรากฏในรูปมนุษย์ (4)

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger