พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การจุติเป็นมนุษย์ | บทตัดตอน 134

วันที่ 02 เดือน 02 ปี 2024

เจ้าควรรู้อะไรเกี่ยวกับพระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริงบ้าง? พระวิญญาณ องค์บุคคล และพระวจนะ ประกอบขึ้นเป็นพระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริงพระองค์เอง และนี่คือความหมายที่แท้จริงของพระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริงพระองค์เอง หากเพียงเจ้ารู้จักองค์บุคคลเท่านั้น—หากเจ้ารู้จักกิจวัตรและบุคลิกภาพของพระองค์—แต่ไม่รู้จักพระราชกิจของพระวิญญาณ หรือสิ่งที่พระวิญญาณทรงทำในเนื้อหนัง และหากเจ้าเพียงแค่ให้ความสนใจต่อพระวิญญาณ และพระวจนะ และเพียงแค่อธิษฐานเฉพาะพระพักตร์พระวิญญาณเท่านั้น แต่ไม่รู้จักพระราชกิจของพระวิญญาณของพระเจ้าในพระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริง เช่นนั้นแล้ว กระนั้นนี่ก็พิสูจน์ได้ว่า เจ้าไม่รู้จักพระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริง ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริงประกอบด้วยการรู้และการได้รับประสบการณ์กับพระวจนะของพระองค์ และการจับความเข้าใจกฎเกณฑ์และหลักการของพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และวิธีที่พระวิญญาณของพระเจ้าทรงพระราชกิจในเนื้อหนัง มันยังประกอบด้วยการรู้ด้วยเช่นกันว่า ทุกการกระทำของพระเจ้าในเนื้อหนังนั้นถูกควบคุมโดยพระวิญญาณ และรู้ว่าพระวจนะที่พระองค์ตรัสคือ การแสดงออกโดยตรงของพระวิญญาณ ด้วยเหตุนี้ การที่จะรู้จักพระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริงนั้น การรู้ว่าพระเจ้าทรงพระราชกิจอย่างไรในสภาวะความเป็นมนุษย์และในเทวสภาพเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ในทางกลับกัน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการแสดงออกของพระวิญญาณ ซึ่งผู้คนทั้งหมดมีส่วนร่วมด้วย

การแสดงออกทั้งหลายของพระวิญญาณคือแง่มุมใดบ้าง? บางครั้งพระเจ้าทรงพระราชกิจในสภาวะความเป็นมนุษย์ และบางครั้งในเทวสภาพ—แต่ในทั้งสองกรณี พระวิญญาณทรงเป็นผู้บัญชาการ ไม่ว่าวิญญาณอะไรก็ตามที่อยู่ภายในผู้คน ดังนี้คือการแสดงออกภายนอกของพวกเขา พระวิญญาณทรงพระราชกิจตามปกติ แต่มีการชี้นำของพระองค์สองส่วนโดยพระวิญญาณ กล่าวคือ ส่วนหนึ่งคือพระราชกิจในสภาวะความเป็นมนุษย์ และอีกส่วนหนึ่งคือพระราชกิจโดยผ่านทางเทวสภาพ เจ้าควรรู้เรื่องนี้อย่างชัดเจน พระราชกิจของพระวิญญาณผันแปรไปตามรูปการณ์แวดล้อม กล่าวคือ เมื่อพระราชกิจแบบมนุษย์ของพระองค์เป็นที่พึงประสงค์ พระวิญญาณก็จะทรงชี้นำพระราชกิจแบบมนุษย์นี้ และเมื่อพระราชกิจแบบพระเจ้าของพระองค์เป็นที่พึงประสงค์ เทวสภาพก็จะปรากฏโดยทันทีเพื่อดำเนินการพระราชกิจนั้น เพราะพระเจ้าทรงพระราชกิจในเนื้อหนังและทรงปรากฏเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงพระราชกิจทั้งในสภาวะความเป็นมนุษย์และในเทวสภาพ พระราชกิจของพระองค์ในสภาวะความเป็นมนุษย์ได้รับการทรงชี้นำโดยพระวิญญาณ และทำไปเพื่อสนองความต้องการทางเนื้อหนังของผู้คน เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการมีส่วนร่วมของพวกเขากับพระองค์ เพื่อยอมให้พวกเขาเห็นความเป็นจริงและสภาพปกติของพระเจ้า และเพื่อยอมให้พวกเขาเห็นว่า พระวิญญาณของพระเจ้าได้เสด็จมาเป็นมนุษย์และทรงสถิตท่ามกลางมนุษย์ ทรงดำเนินพระชนม์ชีพร่วมกันกับมนุษย์ และทรงมีส่วนร่วมกับมนุษย์ พระราชกิจของพระองค์ในเทวสภาพทำไปเพื่อจัดเตรียมเพื่อชีวิตของผู้คนและเพื่อนำผู้คนในทุกอย่างจากด้านบวก โดยการเปลี่ยนอุปนิสัยของผู้คน และการยอมให้พวกเขาได้เห็นการทรงปรากฏเป็นมนุษย์ของพระวิญญาณโดยแท้จริง ในใจความสำคัญนั้น การเติบโตในชีวิตมนุษย์สัมฤทธิ์ผลโดยตรงผ่านทางพระราชกิจและพระวจนะของพระเจ้าในเทวสภาพ เฉพาะเมื่อผู้คนยอมรับพระราชกิจของพระเจ้าในเทวสภาพเท่านั้น พวกเขาจึงจะสามารถสัมฤทธิ์ผลในการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยของพวกเขา และเมื่อนั้นเท่านั้นพวกเขาจึงจะสามารถอิ่มเอมในวิญญาณของพวกเขาได้ ที่เพิ่มเข้าไปในการนี้ก็คือ เฉพาะเมื่อมีพระราชกิจในสภาวะความเป็นมนุษย์เท่านั้น—การทรงเลี้ยงดู การสนับสนุน และการจัดเตรียมของพระเจ้าในสภาวะความเป็นมนุษย์—จึงจะสามารถสัมฤทธิ์ผลลัพธ์ของพระราชกิจของพระเจ้าได้อย่างเต็มเปี่ยม พระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริงพระองค์เองที่ถูกพูดถึงในวันนี้ทรงพระราชกิจทั้งในสภาวะความเป็นมนุษย์และในเทวสภาพ พระราชกิจและชีวิตแบบมนุษย์ธรรมดาของพระองค์ และพระราชกิจแบบพระเจ้าโดยสมบูรณ์ของพระองค์สัมฤทธิ์ผลโดยผ่านทางการทรงปรากฏของพระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริง สภาวะความเป็นมนุษย์และเทวสภาพของพระองค์รวมกันเป็นหนึ่ง และพระราชกิจของทั้งคู่ก็สำเร็จลุล่วงโดยผ่านทางพระวจนะ ไม่ว่าจะในสภาวะความเป็นมนุษย์หรือเทวสภาพ พระองค์ดำรัสพระวจนะ เมื่อพระเจ้าทรงพระราชกิจในสภาวะความเป็นมนุษย์ พระองค์ตรัสภาษาของสภาวะความเป็นมนุษย์ เพื่อที่ผู้คนอาจจะมีส่วนร่วมและเข้าใจได้ พระวจนะของพระองค์ตรัสโดยเรียบง่าย และง่ายต่อการเข้าใจ จนพระวจนะเหล่านั้นสามารถถูกจัดเตรียมให้ผู้คนทั้งหมดได้ โดยไม่คำนึงถึงว่าผู้คนเหล่านี้จะมีความรู้หรือมีการศึกษาต่ำหรือไม่ก็ตาม พวกเขาทุกคนสามารถรับพระวจนะของพระเจ้าไว้ได้ พระราชกิจของพระเจ้าในเทวสภาพก็ดำเนินการโดยผ่านทางพระวจนะเช่นกัน แต่มันเต็มเปี่ยมไปด้วยการจัดเตรียม มันเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิต มันไร้การเจือปนโดยแนวคิดทั้งหลายของมนุษย์ มันไม่เกี่ยวพันกับการเลือกชอบของมนุษย์ และมันไม่มีขีดจำกัดแบบมนุษย์ มันอยู่นอกพันธนาการทั้งหลายของสภาวะความเป็นมนุษย์ปกติใดๆ มันดำเนินการในเนื้อหนัง แต่มันเป็นการแสดงออกโดยตรงของพระวิญญาณ หากผู้คนยอมรับพระราชกิจของพระเจ้าแค่ในสภาวะความเป็นมนุษย์เท่านั้น เช่นนั้นแล้ว พวกเขาจะจำกัดเขตตัวพวกเขาเองกับวงเขตที่แน่นอนวงเขตหนึ่ง และดังนั้นก็จะพึงประสงค์ให้มีการจัดการ การตัดแต่ง และความมีวินัยตลอดกาลเพื่อให้มีแม้กระทั่งความเปลี่ยนแปลงสักเล็กน้อยในตัวพวกเขา ถึงแม้ว่าจะไม่มีพระราชกิจหรือการทรงสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาก็จะพึ่งวิถีเก่าๆ ของพวกเขาเสมอ มีเพียงโดยผ่านทางพระราชกิจของเทวสภาพเท่านั้น ที่โรคและข้อบกพร่องเหล่านี้จะสามารถได้รับการแก้ไขให้ถูกต้องได้ และเมื่อนั้นเท่านั้นผู้คนจึงจะสามารถได้รับการทำให้ครบบริบูรณ์ได้ แทนที่จะคงทนกับการจัดการและการตัดแต่ง สิ่งที่พึงประสงค์คือการจัดเตรียมเชิงบวก การใช้พระวจนะเพื่อชดเชยข้อบกพร่องทั้งหมด การใช้พระวจนะเพื่อเผยให้เห็นทุกสภาพของผู้คน การใช้พระวจนะเพื่อชี้นำชีวิตของพวกเขา ทุกถ้อยคำของพวกเขา ทุกการกระทำของพวกเขา เพื่อเปิดเผยเจตนาและแรงจูงใจของพวกเขา นี่คือพระราชกิจที่แท้จริงของพระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริง ด้วยเหตุนี้ ในท่าที่ของเจ้าต่อพระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริงนั้น เจ้าควรนบนอบเบื้องหน้าสภาวะความเป็นมนุษย์ของพระองค์ทันที รับรู้และยอมรับพระองค์ และยิ่งไปกว่านั้น เจ้าควรยอมรับและเชื่อฟังพระราชกิจและพระวจนะแบบพระเจ้าของพระองค์ การทรงปรากฏเป็นมนุษย์ของพระเจ้า หมายความว่า พระราชกิจและพระวจนะทั้งหมดของพระวิญญาณของพระเจ้าดำเนินการไปโดยผ่านทางสภาวะความเป็นมนุษย์ปกติของพระองค์ และโดยผ่านทางการจุติเป็นมนุษย์ของพระองค์ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พระวิญญาณของพระเจ้าทรงชี้นำพระราชกิจแบบมนุษย์ของพระองค์และทรงดำเนินพระราชกิจของเทวสภาพในเนื้อหนังทันที และในพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์นั้นเจ้าสามารถมองเห็นทั้งพระราชกิจในสภาวะความเป็นมนุษย์ของพระเจ้า และพระราชกิจแบบพระเจ้าโดยสมบูรณ์ของพระองค์ นี่คือนัยสำคัญอันจริงแท้ของการทรงปรากฏเป็นมนุษย์ของพระเจ้าผู้ทรงภาคปฏิบัติ หากเจ้าสามารถมองเห็นเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน เจ้าจะสามารถเชื่อมต่อส่วนที่แตกต่างทั้งหมดของพระเจ้าได้ เจ้าจะเลิกเพิ่มความสำคัญอันเกินควรต่อพระราชกิจของพระองค์ในเทวสภาพ และเจ้าจะเลิกมองพระราชกิจของพระองค์ในสภาวะความเป็นมนุษย์ด้วยความเมินเฉยอันเกินควร และเจ้าจะไม่ไปจนสุดขีด หรือใช้ทางอ้อมใดๆ ทั้งหมดนี้ ความหมายของพระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริงคือ พระราชกิจของสภาวะความเป็นมนุษย์และของเทวสภาพของพระองค์ ดังที่ได้รับการชี้นำโดยพระวิญญาณนั้น ได้แสดงออกโดยผ่านทางเนื้อหนังของพระองค์ เพื่อที่ผู้คนจะสามารถเห็นได้ว่า พระองค์ทรงมีชีวิตชีวาและเหมือนจริง เป็นจริงและแท้จริง

พระราชกิจของพระวิญญาณของพระเจ้าในสภาวะความเป็นมนุษย์มีระยะการเปลี่ยนผ่าน โดยการทำให้สภาวะความเป็นมนุษย์เพียบพร้อมนั้น พระองค์ทรงทำให้สภาวะความเป็นมนุษย์ของพระองค์สามารถรับการชี้นำของพระวิญญาณได้ ซึ่งหลังจากนั้นสภาวะความเป็นมนุษย์ของพระองค์ก็สามารถจัดเตรียมและเลี้ยงดูคริสตจักรได้ นี่คือการแสดงออกอย่างหนึ่งของพระราชกิจปกติของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ หากเจ้าสามารถมองเห็นหลักการของพระราชกิจของพระเจ้าในสภาวะความเป็นมนุษย์ได้อย่างชัดเจน เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็ไม่น่าจะเก็บงำมโนคติที่หลงผิดเกี่ยวกับพระราชกิจของพระเจ้าในสภาวะความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พระวิญญาณของพระเจ้าไม่สามารถผิดได้ พระองค์ทรงถูกต้องและไร้ข้อผิดพลาด พระองค์ไม่ทรงทำสิ่งใดอย่างไม่ถูกต้อง พระราชกิจแบบพระเจ้าคือการแสดงออกโดยตรงของน้ำพระทัยพระเจ้า โดยไม่มีการแทรกแซงของสภาวะความเป็นมนุษย์ มันไม่ได้ก้าวผ่านความเพียบพร้อม แต่มาจากพระวิญญาณโดยตรง อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ว่า พระองค์สามารถทรงพระราชกิจในเทวสภาพได้เนื่องจากสภาวะความเป็นมนุษย์ปกติของพระองค์ มันไม่ได้เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย และดูเหมือนว่าถูกดำเนินการโดยบุคคลปกติ พระเจ้าเสด็จจากสวรรค์มายังแผ่นดินโลกโดยหลักแล้วเพื่อแสดงออกถึงพระวจนะของพระเจ้าโดยผ่านทางเนื้อหนัง เพื่อทรงงานของพระวิญญาณของพระเจ้าให้ครบบริบูรณ์โดยวิถีทางแห่งเนื้อหนัง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าควรรู้ว่า พระเจ้าผู้ทรงสัมพันธ์กับชีวิตจริงคือพระเจ้าพระองค์เอง

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger