พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระราชกิจของพระเจ้า | บทตัดตอน 197

วันที่ 24 เดือน 11 ปี 2023

การจุติเป็นมนุษย์ของพระเจ้าได้ส่งคลื่นกระแทกไปทั่วทุกศาสนาและทุกวงการ ได้ทำให้ระเบียบดั้งเดิมของแวดวงศาสนาทั้งหลาย "ถูกโยนเข้าสู่ความสับสนวุ่นวาย" และได้เขย่าหัวใจของคนเหล่านั้นทั้งหมดที่โหยหาการทรงปรากฏของพระเจ้า ผู้ใดเล่าไม่ชื่นชมบูชา? ผู้ใดไม่ถวิลหาที่จะเห็นพระเจ้า? พระเจ้าทรงอยู่ท่ามกลางมนุษย์ด้วยพระองค์เองมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ถึงกระนั้นมนุษย์ก็ยังไม่เคยได้ตระหนักถึงการนั้น วันนี้ พระเจ้าพระองค์เองได้ทรงปรากฏแล้ว และได้ทรงแสดงพระอัตลักษณ์ของพระองค์ออกไปให้หมู่ชนได้เห็น—การนี้จะไม่สามารถนำความปีติยินดีมาสู่หัวใจของมนุษย์ได้อย่างไร? ครั้งหนึ่งพระเจ้าได้ทรงร่วมแบ่งปันความชื่นชมยินดีและความเศร้ากับมนุษย์ และวันนี้พระองค์ก็ได้ทรงอยู่ร่วมกันกับมวลมนุษย์อีกครั้งแล้ว และทรงแบ่งปันเรื่องเล่าแห่งกาลเวลาที่ผ่านไปกับเขา หลังจากที่พระองค์ได้ทรงพระดำเนินออกจากยูเดีย ผู้คนก็ไม่สามารถหาร่องรอยของพระองค์พบ พวกเขาโหยหาที่จะได้พบกับพระเจ้าอีกครั้ง โดยแทบไม่รู้เลยว่าวันนี้พวกเขาได้พบกับพระองค์อีกครั้งและได้อยู่ร่วมกันกับพระองค์อีกครั้งแล้ว การนี้จะไม่สามารถกระตุ้นความคิดเกี่ยวกับวันวานได้อย่างไร? วันนี้เมื่อสองพันปีที่แล้ว ซีโมนบุตรโยนาห์ พงศ์พันธุ์ของคนยิว ได้เห็นพระเยซู พระผู้ช่วยให้รอด ได้รับประทานร่วมโต๊ะเดียวกับพระองค์ และหลังจากติดตามพระองค์มาเป็นเวลาหลายปีก็รู้สึกถึงการรักใคร่เอ็นดูที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อพระองค์ กล่าวคือ เขารักพระองค์จากก้นบึ้งหัวใจของเขา เขารักองค์พระเยซูเจ้าอย่างล้ำลึก คนยิวไม่รู้เลยว่าทารกผมทองผู้นี้ ซึ่งถือกำเนิดในรางหญ้าที่หนาวเหน็บ เป็นพระฉายาแรกแห่งการจุติเป็นมนุษย์ของพระเจ้าอย่างไร พวกเขาทั้งหมดคิดว่าพระองค์ก็เป็นแบบเดียวกับพวกเขา ไม่มีผู้ใดคิดว่าพระองค์ทรงแตกต่างไปแต่อย่างใด—ผู้คนจะสามารถระลึกได้ถึงพระเยซูที่ธรรมดาและสามัญนี้ได้อย่างไร? คนยิวคิดว่าพระองค์เป็นบุตรคนยิวคนหนึ่งในเวลานั้น ไม่มีผู้ใดเฝ้ามองพระองค์ในฐานะพระเจ้าผู้ทรงดีงาม และผู้คนไม่ทำสิ่งใดนอกจากทำการเรียกร้องจากพระองค์อย่างหูหนวกตาบอด โดยขอให้พระองค์ประทานความมั่งคั่งและพระคุณมากมาย และสันติสุข และความชื่นชมยินดีแก่พวกเขา พวกเขารู้แต่เพียงว่า พระองค์ทรงมีทุกสิ่งทุกอย่างที่คนผู้หนึ่งจะสามารถปรารถนาได้เหมือนกับเศรษฐีผู้หนึ่ง ถึงกระนั้นผู้คนก็ไม่เคยได้ปฏิบัติต่อพระองค์ในฐานะคนผู้หนึ่งซึ่งเป็นที่รัก ผู้คนในเวลานั้นไม่ได้รักพระองค์ และมีแต่ประท้วงพระองค์เท่านั้น และทำการเรียกร้องที่ไม่ชอบด้วยเหตุผลต่อพระองค์ พระองค์ไม่เคยทรงต้านทาน แต่ได้ประทานพระคุณแก่มนุษย์อยู่เนืองนิตย์ ถึงแม้ว่ามนุษย์จะไม่รู้จักพระองค์ พระองค์ไม่ได้ทรงทำสิ่งใดนอกจากประทานความอบอุ่น ความรัก และความปรานีแก่มนุษย์อย่างเงียบๆ และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ได้ทรงให้วิธีการปฏิบัติใหม่ๆ แก่มนุษย์ โดยทรงนำทางมนุษย์ออกจากพันธนาการของธรรมบัญญัติ มนุษย์ไม่ได้รักพระองค์ เขาเพียงแต่อิจฉาพระองค์และระลึกได้ถึงความสามารถพิเศษของพระองค์เท่านั้น มวลมนุษย์ที่ตาบอดจะสามารถรู้ได้อย่างไรว่าพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงดีงามได้ทรงทนทุกข์กับความอัปยศอดสูที่ยิ่งใหญ่เพียงใดเมื่อพระองค์เสด็จมาอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์? ไม่มีผู้ใดพิจารณาถึงทุกข์โศกของพระองค์ ไม่มีผู้ใดรู้ถึงความรักของพระองค์ที่ทรงมีต่อพระเจ้าพระบิดา และไม่มีผู้ใดสามารถรู้ถึงความรู้สึกโดดเดี่ยวของพระองค์ ถึงแม้ว่านางมารีย์จะเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของพระองค์ แต่นางจะสามารถรู้ถึงพระดำริในพระทัยขององค์พระเยซูเจ้าผู้ทรงปรานีได้อย่างไร? ผู้ใดเล่าที่รู้ถึงความทุกข์อันไม่อาจบรรยายได้ที่บุตรมนุษย์ได้ทรงสู้ทน? หลังจากได้ร้องขอจากพระองค์แล้ว ผู้คนในเวลานั้นได้วางพระองค์ไว้ในซอกหลืบแห่งความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาและทิ้งพระองค์ไว้ข้างนอกอย่างเย็นชา พระองค์จึงทรงระหกระเหินไปตามท้องถนน วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า ทรงเลื่อนลอยไปเป็นเวลาหลายปีจนกระทั่งพระองค์ได้ดำรงพระชนม์มาเป็นเวลาสามสิบสามปีที่ยากลำบาก เป็นหลายปีที่ทั้งยาวนานและสั้นกระชับ เมื่อผู้คนจำเป็นต้องมีพระองค์ พวกเขาได้เชิญพระองค์เข้ามาในบ้านของพวกเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พยายามที่จะทำข้อเรียกร้องต่อพระองค์—และหลังจากที่พระองค์ได้ทรงสร้างคุณูปการในส่วนของพระองค์ให้แก่พวกเขา พวกเขาก็ผลักไสพระองค์ออกนอกประตูทันที ผู้คนได้กินสิ่งที่ถูกจัดเตรียมให้จากพระโอษฐ์ของพระองค์ พวกเขาดื่มโลหิตของพระองค์ และพวกเขาชื่นชมพระคุณที่พระองค์ได้ประทานแก่พวกเขา แต่กระนั้นพวกเขาก็ต่อต้านพระองค์ด้วย เพราะพวกเขาไม่เคยได้รู้ว่าผู้ใดได้มอบชีวิตของพวกเขาแก่พวกเขา ในท้ายที่สุด พวกเขาได้ตรึงพระองค์กับกางเขน ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังไม่ทรงส่งเสียงใดๆ แม้กระทั่งวันนี้ พระองค์ก็ยังคงนิ่งเงียบ ผู้คนกินเนื้อหนังของพระองค์ พวกเขาดื่มพระโลหิตของพระองค์ พวกเขากินอาหารที่พระองค์ทรงทำเพื่อพวกเขา และพวกเขาเดินบนหนทางที่พระองค์ได้ทรงเปิดให้แก่พวกเขา ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงเจตนาที่จะปฏิเสธพระองค์ แท้ที่จริงแล้วพวกเขาปฏิบัติต่อพระเจ้าผู้ซึ่งได้ประทานชีวิตแก่พวกเขาเสมือนเป็นศัตรู และกลับปฏิบัติต่อพวกที่เป็นทาสเช่นเดียวกับพวกเขาเสมือนเป็นพระบิดาแห่งสวรรค์แทน ในการนี้ พวกเขาไม่ได้จงใจต่อต้านพระองค์หรอกหรือ? พระเยซูได้มาสิ้นพระชนม์บนกางเขนได้อย่างไร? พวกเจ้ารู้หรือไม่? พระองค์ไม่ได้ทรงถูกทรยศโดยยูดาส ผู้ที่ใกล้ชิดพระองค์มากที่สุดและได้กินพระองค์ ดื่มพระองค์ และชื่นชมพระองค์หรอกหรือ? ยูดาสไม่ได้ทรยศพระเยซูเพราะว่าพระองค์ไม่ได้ทรงเป็นอื่นใดมากไปกว่าอาจารย์ปกติผู้ไม่สำคัญคนหนึ่งหรอกหรือ? หากผู้คนได้เห็นจริงๆ ว่าพระเยซูทรงเหนือธรรมดาและเป็นองค์หนึ่งเดียวผู้มาจากสวรรค์ พวกเขาจะสามารถตรึงพระองค์ที่กางเขนทั้งเป็น เป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงจนกระทั่งพระองค์ไม่ทรงมีลมปราณเหลืออยู่ในร่างของพระองค์ได้อย่างไร? ผู้ใดจะสามารถรู้จักพระเจ้าได้? ผู้คนไม่ทำสิ่งใดนอกจากชื่นชมพระเจ้าด้วยความโลภที่ไม่รู้จักพอ แต่พวกเขาไม่เคยได้รู้จักพระองค์ พวกเขาได้รับมอบหนึ่งนิ้วและได้เอาไปหนึ่งไมล์ และพวกเขาได้ทำให้ "พระเยซู" เชื่อฟังคำบัญชาของพวกเขา เชื่อฟังคำสั่งของพวกเขาโดยสิ้นเชิง ผู้ใดเล่าเคยแสดงสิ่งใดที่เป็นหนทางแห่งความปรานีต่อบุตรมนุษย์ผู้นี้ ผู้ซึ่งไม่มีที่ใดให้วางพระเศียรของพระองค์? ผู้ใดเล่าเคยคิดถึงการร่วมแรงกำลังกับพระองค์เพื่อทำให้พระบัญชาของพระเจ้าพระบิดาสำเร็จลุล่วง? ผู้ใดเล่าเคยนึกถึงพระองค์? ผู้ใดเล่าเคยพิจารณาถึงความลำบากยากเย็นของพระองค์? มนุษย์บิดกระชากพระองค์ไปมาโดยไม่มีความรักแม้แต่น้อย มนุษย์ไม่รู้ว่าความสว่างและชีวิตของเขามาจากที่ใดและไม่ได้ทำสิ่งใดนอกจากวางแผนอย่างลับๆ ว่าจะตรึงกางเขน "พระเยซู" แห่งสองพันปีที่แล้ว ผู้ซึ่งได้รับประสบการณ์กับความเจ็บปวดท่ามกลางมนุษย์ อีกครั้งอย่างไร "พระเยซู" ทรงบันดาลความเกลียดชังเช่นนั้นจริงๆ หรือ? ทั้งหมดที่พระองค์ได้ทรงทำไปถูกลืมเลือนไปนานแล้วหรือ? ความเกลียดชังที่บรรจบรวมกันมาเป็นเวลาหลายพันปีจะถูกปล่อยออกมาในที่สุด เจ้าซึ่งเป็นจำพวกเดียวกับคนยิว! "พระเยซู" เคยได้เป็นศัตรูกับพวกเจ้าเมื่อใดกัน จนพวกเจ้าควรจะเกลียดชังพระองค์มากถึงเพียงนี้? พระองค์ได้ทรงทำมากมายยิ่งนัก และได้ตรัสมากมายยิ่งนัก—ไม่มีสิ่งใดในการนั้นที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเจ้าเลยหรือ? พระองค์ได้ประทานชีวิตของพระองค์แก่พวกเจ้าโดยไม่ทรงถามหาสิ่งใดตอบแทน พระองค์ได้ประทานทั้งหมดทั้งมวลของพระองค์แก่พวกเจ้าแล้ว—พวกเจ้ายังคงต้องการที่จะกินพระองค์ทั้งเป็นจริงๆ หรือ? พระองค์ได้ทรงให้ทั้งหมดของพระองค์แก่พวกเจ้าโดยไม่ทรงลังเล โดยไม่เคยทรงชื่นชมความรุ่งโรจน์ทางโลก ความอบอุ่นท่ามกลางมนุษย์ ความรักท่ามกลางมนุษย์ หรือพระพรทั้งหมดท่ามกลางมนุษย์เลย ผู้คนนั้นใจร้ายกับพระองค์ยิ่งนัก พระองค์ไม่เคยได้ทรงชื่นชมความมั่งคั่งทั้งหมดบนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงอุทิศความครบถ้วนบริบูรณ์แห่งพระหทัยที่จริงใจและเต็มไปด้วยความรู้สึกของพระองค์ให้แก่มนุษย์ พระองค์ได้ทรงอุทิศความครบถ้วนบริบูรณ์ของพระองค์แก่มวลมนุษย์แล้ว—และผู้ใดเคยให้ความอบอุ่นแก่พระองค์บ้าง? ผู้ใดเคยให้การชูใจแก่พระองค์บ้าง? มนุษย์ได้สุมความกดดันทั้งหมดไว้บนพระองค์ เขาได้ส่งมอบโชคร้ายทั้งหมดให้แก่พระองค์ เขาได้ยัดเยียดประสบการณ์ที่อาภัพอับโชคที่สุดท่ามกลางมนุษย์ให้พระองค์ เขาติเตียนพระองค์สำหรับความอยุติธรรมทั้งหมด และพระองค์ได้ยอมรับมันไปโดยปริยาย พระองค์เคยได้ทรงทักท้วงผู้ใดหรือไม่? พระองค์เคยได้ทรงถามหาการชดเชยเล็กๆ น้อยๆ จากผู้ใดไหม? ผู้ใดเคยได้แสดงความเห็นอกเห็นใจใดๆ ต่อพระองค์บ้าง? ในฐานะมนุษย์ปกติ ผู้ใดในหมู่พวกเจ้าที่ไม่เคยมีวัยเด็กที่ช่างเพ้อฝันบ้าง? ผู้ใดบ้างไม่เคยมีวัยหนุ่มสาวอันเต็มไปด้วยสีสัน? ผู้ใดบ้างไม่เคยมีความอบอุ่นจากผู้คนอันเป็นที่รัก? ผู้ใดบ้างไม่มีความรักของญาติพี่น้องและมิตรสหาย? ผู้ใดบ้างไม่มีความนับถือจากผู้อื่น? ผู้ใดบ้างไม่มีครอบครัวที่อบอุ่น? ผู้ใดบ้างไม่มีความชูใจจากเพื่อนสนิทของพวกเขา? และพระองค์เคยได้ทรงชื่นชมสิ่งใดแบบนี้หรือไม่? ผู้ใดเคยได้ให้ความอบอุ่นสักเล็กน้อยกับพระองค์บ้าง? ผู้ใดเคยได้ให้เศษเสี้ยวของการชูใจแก่พระองค์บ้าง? ผู้ใดเคยแสดงศีลธรรมจรรยาแบบมนุษย์สักเล็กน้อยกับพระองค์บ้าง? ผู้ใดเคยยอมผ่อนปรนกับพระองค์บ้าง? ผู้ใดเคยอยู่กับพระองค์ในช่วงระหว่างเวลาที่ลำบากยากเย็นบ้าง? ผู้ใดเคยได้ผ่านชีวิตที่ยากลำบากกับพระองค์บ้าง? มนุษย์ไม่เคยผ่อนคลายข้อพึงประสงค์ของเขาที่มีต่อพระองค์ เขาแค่ทำการเรียกร้องต่อพระองค์โดยไม่มีความกระดากใจใดๆ ราวกับว่าเมื่อได้เสด็จมายังโลกมนุษย์แล้ว พระองค์ก็จำต้องทรงเป็นวัวหรือม้าของมนุษย์ เป็นนักโทษของเขา และจำต้องประทานทั้งหมดของพระองค์แก่มนุษย์ หาไม่แล้ว มนุษย์จะไม่มีวันยกโทษให้พระองค์ จะไม่มีวันเบามือกับพระองค์ จะไม่มีวันเรียกพระองค์ว่าพระเจ้า และจะไม่มีวันเลื่อมใสและเคารพพระองค์ มนุษย์นั้นมีท่าทีที่รุนแรงเกินไปต่อพระเจ้า ราวกับว่าเขาเตรียมที่จะทรมานพระเจ้าจนสิ้นพระชนม์ มีเพียงหลังจากนั้นเท่านั้นที่เขาจะผ่อนคลายข้อพึงประสงค์ของเขาที่มีต่อพระเจ้า มิฉะนั้นมนุษย์จะไม่มีวันลดมาตรฐานแห่งข้อพึงประสงค์ของเขาที่มีต่อพระเจ้าลงเลย มนุษย์เช่นนี้จะไม่ถูกพระเจ้าทรงดูหมิ่นได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่โศกนาฏกรรมแห่งวันนี้หรอกหรือ? จิตสำนึกของมนุษย์อันตรธานไปหมดสิ้นแล้ว เขาเอาแต่พูดว่าเขาจะตอบแทนความรักของพระเจ้า แต่เขากลับแยกส่วนพระเจ้าและทรมานพระองค์จนสิ้นพระชนม์ นี่ไม่ใช่ "สูตรลับ" ในความเชื่อพระเจ้าของเขา ที่ถูกส่งต่อมาจากบรรพบุรุษของเขาหรอกหรือ? ไม่มีที่ใดที่จะไม่พบ "คนยิว" และวันนี้พวกเขายังคงทำงานเดียวกันนั้น พวกเขายังคงดำเนินงานเดียวกันนั้นในการต่อต้านพระเจ้าให้เสร็จสิ้น แต่กระนั้นก็ยังเชื่อว่าพวกเขากำลังเชิดชูพระเจ้าไว้สูง สายตาของมนุษย์เองจะสามารถรู้จักพระเจ้าได้อย่างไร? มนุษย์ผู้ซึ่งใช้ชีวิตในเนื้อหนังจะสามารถปฏิบัติต่อพระเจ้าผู้ทรงจุติเป็นมนุษย์ ผู้เสด็จมาจากพระวิญญาณ เสมือนเป็นพระเจ้าได้อย่างไร? ผู้ใดบ้างท่ามกลางมนุษย์ที่จะสามารถรู้จักพระองค์? ความจริงอยู่ที่ใดท่ามกลางมนุษย์? ความชอบธรรมที่แท้จริงอยู่ที่ใด? ผู้ใดบ้างสามารถรู้จักพระอุปนิสัยของพระเจ้า? ผู้ใดสามารถแข่งขันกับพระเจ้าในสวรรค์ได้? ไม่ต้องประหลาดใจเลยว่า เมื่อพระองค์ได้เสด็จมาท่ามกลางมนุษย์ ไม่มีผู้ใดรู้จักพระเจ้าเลย และพระองค์ได้ทรงถูกปฏิเสธ มนุษย์สามารถทนยอมรับการมีอยู่ของพระเจ้าได้อย่างไร? เขาจะสามารถยอมให้ความสว่างขับความมืดของโลกนี้ออกไปได้อย่างไร? ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การเฝ้าเดี่ยวอันมีเกียรติของมนุษย์หรอกหรือ? นี่ไม่ใช่การเข้าสู่ที่เที่ยงตรงของมนุษย์หรอกหรือ? และพระราชกิจของพระเจ้าไม่ได้มีศูนย์กลางอยู่ที่การเข้าสู่ของมนุษย์หรอกหรือ? เราปรารถนาให้พวกเจ้าผนวกพระราชกิจของพระเจ้าเข้ากับการเข้าสู่ของมนุษย์ และสถาปนาสัมพันธภาพที่ดีระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า และปฏิบัติหน้าที่ที่มนุษย์ควรที่จะปฏิบัติให้ดีสุดความสามารถของพวกเจ้า ในหนทางนี้ พระราชกิจของพระเจ้าจะมาถึงบทอวสานหลังจากนั้น ด้วยการที่พระองค์ทรงได้รับพระสิริเป็นการสรุปปิดตัวของพระราชกิจนั้น!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, งานและการเข้าสู่ (10)

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger