พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 183

วันที่ 06 เดือน 06 ปี 2021

ประการที่สี่ พระเจ้าได้ทรงวาดอาณาเขตระหว่างเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน บนแผ่นดินโลกมีผู้คนผิวสีขาว ผู้คนผิวสีดำ ผู้คนผิวสีน้ำตาล และผู้คนผิวสีเหลือง เหล่านี้คือผู้คนต่างจำพวกกัน พระเจ้ายังได้ทรงกำหนดวงเขตสำหรับชีวิตของผู้คนต่างจำพวกกันเหล่านี้ด้วย และผู้คนก็ใช้ชีวิตภายในสภาพแวดล้อมอันเหมาะสมสำหรับการอยู่รอดของพวกเขาภายใต้การบริหารจัดการของพระเจ้าโดยที่ไม่ได้ตระหนักรู้ถึงวงเขตนั้นเลย ไม่มีใครสามารถก้าวออกนอกการนี้ได้ ตัวอย่างเช่น พวกเรามาพิจารณาผู้คนผิวขาวกันเถิด อะไรคือแนวเขตทางภูมิศาสตร์ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่อาศัยอยู่? ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา แนวเขตทางภูมิศาสตร์ซึ่งผู้คนผิวดำอาศัยอยู่เป็นหลักคือทวีปแอฟริกา ผู้คนผิวสีน้ำตาลอาศัยอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้เป็นหลัก ในประเทศอย่างเช่น ประเทศไทย อินเดีย เมียนมาร์ เวียดนาม และลาว ผู้คนผิวสีเหลืองอาศัยอยู่ในเอเชียเป็นหลัก กล่าวคือ ในประเทศอย่างเช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ พระเจ้าได้ทรงกระจายเผ่าพันธุ์ประเภทต่างๆ กันเหล่านี้ทั้งหมดอย่างเหมาะสม เพื่อที่เผ่าพันธุ์ซึ่งต่างกันเหล่านี้จะได้กระจายกันไปตามส่วนที่แตกต่างกันของโลก ในส่วนที่แตกต่างกันเหล่านี้ของโลก พระเจ้าได้ทรงตระเตรียมสภาพแวดล้อมสำหรับการอยู่รอดที่เหมาะสมสำหรับมนุษย์ที่ต่างกันแต่ละเผ่าพันธุ์ไว้นานแล้ว ภายในสภาพแวดล้อมสำหรับการอยู่รอดเหล่านี้ พระเจ้าได้ทรงตระเตรียมดินที่มีสีสันและองค์ประกอบแตกต่างกันหลากหลายสำหรับพวกเขา กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ องค์ประกอบที่รวมกันเป็นร่างกายของผู้คนผิวสีขาวไม่เหมือนกับองค์ประกอบที่รวมกันเป็นร่างกายของผู้คนผิวสีดำ และพวกมันยังแตกต่างจากองค์ประกอบที่รวมกันเป็นร่างกายของผู้คนจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ อีกด้วย เมื่อพระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง พระเจ้าได้ทรงตระเตรียมสภาพแวดล้อมสำหรับการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์นั้นแล้ว พระประสงค์ของพระองค์ในการทำเช่นนั้นก็เพื่อที่ว่า เมื่อผู้คนจำพวกนั้นได้เริ่มที่จะมีลูกมีหลานและเพิ่มจำนวนมากขึ้น พวกเขาจะสามารถได้รับการกำหนดให้อยู่ภายในแนวเขตที่แน่นอนได้ ก่อนที่พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ พระองค์ได้ทรงดำริไว้ทั้งหมดแล้ว—พระองค์จะสงวนยุโรปและอเมริกาไว้สำหรับผู้คนผิวขาวเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาพัฒนาและอยู่รอด ดังนั้นตอนที่พระเจ้ากำลังทรงสร้างแผ่นดินโลก พระองค์ได้มีแผนการแล้ว พระองค์ได้มีเป้าหมายและพระประสงค์ในการใส่สิ่งที่พระองค์ได้ทรงใส่เข้าไปในผืนแผ่นดินนั้น และในการเลี้ยงดูสิ่งที่พระองค์ได้ทรงเลี้ยงดูบนผืนแผ่นดินนั้น ตัวอย่างเช่น ภูเขาใดบ้าง ที่ราบกี่แห่ง แหล่งน้ำกี่แห่ง นกและสิงสาราสัตว์ชนิดใด ปลาอะไร และพืชพรรณใดที่จะอยู่บนแผ่นดินนั้น พระเจ้าได้ทรงตระเตรียมพวกมันทั้งหมดไว้นานมาแล้ว เมื่อตระเตรียมสภาพแวดล้อมสำหรับการอยู่รอดให้กับมนุษย์จำพวกหนึ่ง ให้กับเผ่าพันธุ์หนึ่ง พระเจ้าทรงจำเป็นต้องพิจารณาประเด็นปัญหามากมายจากสารพัดมุม กล่าวคือ สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ องค์ประกอบของดิน สายพันธุ์ของนกและสิงสาราสัตว์ที่แตกต่างกัน ขนาดของปลาต่างชนิดกัน องค์ประกอบที่รวมกันเป็นตัวปลา ความแตกต่างในคุณภาพของน้ำ ตลอดจนพืชพรรณที่ต่างชนิดกันทั้งหมด…พระเจ้าได้ทรงตระเตรียมทั้งหมดนั้นนานมาแล้ว สภาพแวดล้อมแบบนั้นเป็นสภาพแวดล้อมสำหรับการอยู่รอดที่พระเจ้าได้ทรงสร้างและได้ทรงตระเตรียมสำหรับผู้คนผิวขาว และนั่นก็เป็นของพวกเขาโดยกำเนิด พวกเจ้าได้เห็นหรือยังว่าเมื่อพระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง พระองค์ได้ทรงคิดพิจารณาการนั้นอย่างถี่ถ้วนและทรงกระทำการโดยมีแผนการ? (ใช่ พวกเราได้เห็นแล้วว่าการพิจารณาต่างๆ ของพระเจ้าสำหรับผู้คนหลากหลายจำพวกนั้นรอบคอบมาก สำหรับสภาพแวดล้อมเพื่อการอยู่รอดที่พระองค์ได้ทรงสร้างให้มนุษย์ต่างจำพวกกัน นกและสิงสาราสัตว์และปลาชนิดใด ภูเขากี่ลูกและที่ราบกี่แห่งที่พระองค์จะทรงตระเตรียม พระองค์ได้ทรงพิจารณาด้วยความรอบคอบและความเที่ยงตรงสูงสุด) ลองดูตัวอย่างของผู้คนผิวสีขาว ผู้คนผิวขาวกินอาหารใดเป็นหลัก? อาหารที่ผู้คนผิวขาวกินนั้นแตกต่างจากอาหารที่ผู้คนชาวเอเชียกินมาก อาหารหลักที่ผู้คนผิวขาวกินประกอบด้วยเนื้อสัตว์ ไข่ นม และสัตว์ปีกเป็นหลัก ธัญพืช เช่น ขนมปังและข้าว โดยทั่วไปแล้วเป็นอาหารเสริมที่วางไว้ข้างจาน แม้ในยามที่กินสลัดผัก พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะใส่เนื้ออบหรือไก่สองสามชิ้นไว้ด้วย และแม้ในยามที่กินอาหารที่ทำจากข้าวสาลี พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มชีส ไข่ หรือเนื้อสัตว์ นั่นจึงกล่าวได้ว่า อาหารหลักของพวกเขาไม่ได้ประกอบด้วยข้าวหรืออาหารที่ทำจากข้าวสาลี พวกเขากินเนื้อสัตว์และชีสในปริมาณมาก พวกเขามักดื่มน้ำแข็งเพราะอาหารที่พวกเขากินนั้นมีแคลอรีสูงมาก ดังนั้น ผู้คนผิวขาวจึงกำยำเป็นพิเศษ นั่นคือแหล่งกำเนิดของการทำมาหากินของพวกเขาและสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตที่ถูกตระเตรียมสำหรับพวกเขาโดยพระเจ้า ซึ่งเปิดโอกาสให้พวกเขามีวิถีชีวิตแบบนี้ วิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ ไม่มีถูกหรือผิดในวิถีชีวิตนี้—มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ถูกลิขิตไว้ล่วงหน้าโดยพระเจ้า และมันเกิดจากการสั่งการของพระเจ้าและการจัดการเตรียมการของพระองค์ การที่เผ่าพันธุ์นี้มีวิถีชีวิตนี้และแหล่งที่มาเหล่านี้สำหรับการทำมาหากินของพวกเขาเป็นเพราะเผ่าพันธุ์ของพวกเขา และเพราะสภาพแวดล้อมสำหรับการอยู่รอดที่พระเจ้าได้ทรงตระเตรียมสำหรับพวกเขา เจ้าสามารถพูดได้ว่า สภาพแวดล้อมที่พระเจ้าได้ทรงตระเตรียมสำหรับผู้คนผิวขาว และเสบียงอาหารในแต่ละวันที่พวกเขาได้รับจากสภาพแวดล้อมนั้น มั่งคั่งและล้นเหลือ

พระเจ้ายังได้ทรงตระเตรียมสภาพแวดล้อมที่จำเป็นสำหรับการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์อื่นเช่นกัน ยังมีผู้คนผิวสีดำอีกด้วย—ผู้คนผิวสีดำตั้งรกรากอยู่ที่ไหน? พวกเขาตั้งรกรากอยู่ในแอฟริกากลางและแอฟริกาใต้เป็นหลัก พระเจ้าได้ทรงตระเตรียมอะไรไว้สำหรับพวกเขาในสภาพแวดล้อมสำหรับการดำรงชีวิตประเภทนั้น? ป่าฝนเขตร้อน นกและสิงสาราสัตว์ทุกชนิด และทั้งทะเลทรายด้วย และพืชพรรณทุกประเภทที่มีชีวิตอยู่เคียงข้างผู้คน พวกเขามีแหล่งน้ำ การทำมาหากินของพวกเขา และอาหาร พระเจ้าไม่ได้ทรงมีอคติกับพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะได้เคยทำอะไรไว้ การอยู่รอดของพวกเขาไม่เคยเป็นปัญหาเลย พวกเขาก็จับจองที่ตั้งหนึ่งๆ และพื้นที่หนึ่งๆ ในส่วนหนึ่งของโลกเช่นกัน

ตอนนี้ พวกเรามาพูดถึงผู้คนผิวสีเหลืองกันเถิด ผู้คนผิวเหลืองตั้งรกรากอยู่ทางตะวันออกของแผ่นดินโลกเป็นหลัก อะไรคือความแตกต่างระหว่างสภาพแวดล้อมและตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของโลกตะวันออกและโลกตะวันตก? ทางตะวันออก ผืนดินส่วนใหญ่นั้นอุดมสมบูรณ์ และมั่งคั่งไปด้วยวัตถุดิบและแหล่งแร่ กล่าวคือ ทรัพยากรบนดินและใต้ดินทุกชนิดนั้นมีมากมาย และสำหรับผู้คนกลุ่มนี้ สำหรับเผ่าพันธุ์นี้ พระเจ้ายังได้ทรงตระเตรียมดิน สภาพอากาศซึ่งสอดรับกัน และสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์อันหลากหลายที่เหมาะสมกับพวกเขาเช่นกัน แม้ว่ามีความแตกต่างใหญ่หลวงระหว่างสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์นั้นกับสภาพแวดล้อมในโลกตะวันตก อาหารที่จำเป็น การทำมาหากิน และแหล่งที่มาสำหรับการอยู่รอดของผู้คนก็ยังได้ถูกตระเตรียมโดยพระเจ้าเช่นกัน มันก็แค่สภาพแวดล้อมสำหรับการดำรงชีวิตที่แตกต่างจากผู้คนผิวขาวในโลกตะวันตก แต่สิ่งหนึ่งที่เราจำเป็นต้องบอกพวกเจ้าคืออะไร? จำนวนของผู้คนของเผ่าพันธุ์ตะวันออกนั้นมีมากเมื่อเทียบกันแล้ว ดังนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงเพิ่มเติมองค์ประกอบจำนวนมากในส่วนนั้นของแผ่นดินโลกที่แตกต่างจากทางตะวันตก ที่นั่น พระองค์ได้ทรงเพิ่มภูมิประเทศที่แตกต่างกันมากมายและวัตถุดิบอันอุดมทุกชนิด ทรัพยากรธรรมชาติที่นั่นอุดมมาก ภูมิประเทศก็ยังแตกต่างและหลากหลายอีกด้วย เพียงพอสำหรับการเลี้ยงดูผู้คนจำนวนมหาศาลของเผ่าพันธุ์ตะวันออก สิ่งที่แยกโลกตะวันออกจากโลกตะวันตกก็คือว่าในโลกตะวันออก—ตั้งแต่ใต้จรดเหนือ ตะวันออกจรดตะวันตก—สภาพอากาศดีกว่าโลกตะวันตก ฤดูกาลทั้งสี่นั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน อุณหภูมิเหมาะสม ทรัพยากรธรรมชาติมีมากมาย และทิวทัศน์ธรรมชาติและชนิดของภูมิประเทศก็ดีกว่าโลกตะวันตกมาก เหตุใดพระเจ้าจึงได้ทรงทำเช่นนี้? พระเจ้าได้ทรงสร้างสมดุลที่สมเหตุสมผลมากระหว่างผู้คนผิวขาวและผู้คนผิวเหลือง นี่หมายถึงอะไร? มันหมายถึงว่าแง่มุมทั้งหมดของอาหารของผู้คนผิวขาว สิ่งต่างๆ ที่พวกเขาใช้ และสิ่งต่างๆ ที่ได้ถูกจัดหาไว้เพื่อความชื่นชมยินดีของพวกเขานั้น ดีกว่าสิ่งที่ผู้คนผิวเหลืองสามารถที่จะชื่นชมได้อย่างมาก อย่างไรก็ดี พระเจ้าไม่ได้ทรงมีอคติกับเผ่าพันธุ์ใด พระเจ้าได้ทรงให้สภาพแวดล้อมสำหรับการอยู่รอดที่สวยงามกว่าและดีกว่าแก่ผู้คนผิวเหลือง นี่คือสมดุล

พระเจ้าได้ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าผู้คนประเภทใดควรดำรงชีวิตในส่วนใดของโลก มนุษย์สามารถไปพ้นเขตจำกัดเหล่านี้ได้หรือไม่? (ไม่ พวกเขาไม่สามารถ) ช่างเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์จริงๆ! ต่อให้มีสงครามหรือการรุกล้ำในระหว่างยุคสมัยที่แตกต่างกันหรือในเวลาที่ไม่ธรรมดาต่างๆ สงครามและการรุกล้ำเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำลายสภาพแวดล้อมสำหรับการอยู่รอดที่พระเจ้าได้ทรงลิขิตไว้ล่วงหน้าสำหรับแต่ละเผ่าพันธุ์ได้อย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ พระเจ้าได้ทรงกำหนดให้ผู้คนจำพวกหนึ่งอยู่ในส่วนหนึ่งของโลกและพวกเขาไม่สามารถไปพ้นจากเขตจำกัดเหล่านี้ได้ ต่อให้ผู้คนมีความทะเยอทะยานบางอย่างที่จะเปลี่ยนแปลงหรือขยายดินแดนของพวกเขา หากปราศจากการอนุญาตจากพระเจ้า การนี้ก็จะลำบากยากเย็นมากที่จะสัมฤทธิ์ผล มันจะลำบากยากเย็นมากที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จ ตัวอย่างเช่น ผู้คนผิวขาวต้องการที่จะขยายดินแดนของพวกเขาและพวกเขาได้ยึดประเทศอื่นๆ บางประเทศเป็นอาณานิคม ชาวเยอรมันได้บุกรุกบางประเทศ และครั้งหนึ่งอังกฤษก็ได้ยึดครองอินเดีย ผลสุดท้ายคืออะไร? ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ล้มเหลว พวกเราเห็นอะไรจากความล้มเหลวของพวกเขา? สิ่งที่พระเจ้าได้ทรงลิขิตไว้ล่วงหน้านั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ถูกทำลาย ดังนั้นแล้ว ไม่สำคัญว่าเจ้าอาจได้เห็นแรงส่งยิ่งใหญ่เพียงใดในการแผ่อาณาเขตของอังกฤษ ในท้ายที่สุดพวกเขายังคงต้องถอนทัพ ทิ้งแผ่นดินนั้นไว้ให้ยังคงเป็นของอินเดีย บรรดาผู้ที่ดำรงชีวิตบนแผ่นดินผืนนั้นยังคงเป็นชาวอินเดีย ไม่ใช่ชาวอังกฤษ เพราะพระเจ้าคงจะไม่ทรงอนุญาตให้มันเกิดขึ้น บางคนในบรรดาผู้ที่ค้นคว้าวิจัยประวัติศาสตร์หรือการเมืองได้ให้บทความวิจัยเกี่ยวกับการนี้เอาไว้ พวกเขาให้เหตุผลสำหรับสาเหตุที่อังกฤษล้มเหลว โดยกล่าวว่าอาจเป็นเพราะบางชาติพันธุ์ไม่อาจถูกพิชิตได้ หรืออาจเป็นเพราะเหตุผลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์…เหล่านี้ไม่ใช่เหตุผลอันแท้จริง เหตุผลอันแท้จริงนั้นเป็นเพราะพระเจ้า—พระองค์จะไม่ทรงอนุญาตให้มันเกิดขึ้น! พระเจ้าได้ทรงยอมให้ชาติพันธุ์หนึ่งดำรงชีวิตบนแผ่นดินผืนหนึ่งและทรงลงหลักปักฐานให้พวกเขาที่นั่น และหากพระเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้พวกเขาเคลื่อนย้ายจากแผ่นดินผืนนั้น พวกเขาจะไม่มีวันสามารถเคลื่อนย้ายได้ หากพระเจ้าทรงแบ่งสรรพื้นที่ที่กำหนดไว้สำหรับพวกเขา พวกเขาจะดำรงชีวิตภายในพื้นที่นั้น มวลมนุษย์ไม่สามารถเป็นอิสระหรือสลัดตัวพวกเขาเองให้หลุดพ้นจากพื้นที่ที่กำหนดไว้เหล่านี้ได้ นี่เป็นสิ่งที่แน่นอน ไม่สำคัญว่ากองกำลังของผู้รุกล้ำจะยิ่งใหญ่เพียงใด หรือบรรดาผู้ที่กำลังถูกรุกล้ำจะอ่อนแอเพียงใด ความสำเร็จของผู้รุกรานนั้นท้ายที่สุดแล้วอยู่ที่พระเจ้าจะตัดสินพระทัย มันได้ถูกพระองค์ลิขิตไว้ล่วงหน้าแล้ว และไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 9

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger