พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 177

วันที่ 01 เดือน 03 ปี 2024

พวกเราได้เริ่มต้นโดยการพูดคุยเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่มนุษย์อาศัยอยู่และสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงทำเพื่อสภาพแวดล้อมนั้นและการตระเตรียมทั้งหลายที่พระองค์ได้ทรงทำ พวกเราได้เสวนาสิ่งที่พระองค์ได้ทรงจัดการเตรียมการ สัมพันธภาพระหว่างสิ่งทั้งหลายแห่งการทรงสร้าง ซึ่งพระเจ้าได้ทรงตระเตรียมไว้ให้มวลมนุษย์ และวิธีที่พระเจ้าได้ทรงจัดการเตรียมการสัมพันธภาพเหล่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งทั้งหลายแห่งการทรงสร้างของพระองค์ทำอันตรายมวลมนุษย์ พระเจ้ายังได้ทรงทำให้อันตรายที่ปัจจัยต่างๆ มากมายภายในการทรงสร้างของพระองค์อาจมีต่อสภาพแวดล้อมของมวลมนุษย์นั้นทุเลาลงเช่นกัน อันเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกสรรพสิ่งทำหน้าที่ต่อจุดประสงค์สูงสุดของพวกมัน และนำพาสภาพแวดล้อมที่เป็นคุณประโยชน์พร้อมด้วยองค์ประกอบที่เป็นคุณประโยชน์มาสู่มวลมนุษย์ ด้วยเหตุนั้น จึงทำให้มวลมนุษย์สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมเช่นนั้นได้ และดำเนินวงจรชีวิตและการขยายพันธุ์ต่อไปได้อย่างคงที่ ถัดมา พวกเราได้พูดคุยเกี่ยวกับอาหารที่ร่างกายมนุษย์ต้องการ—อาหารและเครื่องดื่มประจำวันของมวลมนุษย์ นี่ก็เป็นสภาพเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับความอยู่รอดของมวลมนุษย์เช่นกัน กล่าวคือ ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการหายใจเพียงอย่างเดียว โดยมีเพียงแค่แสงอาทิตย์เพื่อการยังชีพ หรือลม หรืออุณหภูมิที่เหมาะสม มนุษย์ยังจำเป็นต้องเติมท้องของพวกเขาให้เต็มอีกด้วย และพระเจ้าได้ทรงตระเตรียมแหล่งที่มาของสิ่งทั้งหลายไว้สำหรับมวลมนุษย์แล้วโดยไม่มองข้ามสิ่งใดเลย เพื่อที่พวกเขาจะได้ใช้ทำเช่นนั้น ซึ่งก็คือแหล่งอาหารของมวลมนุษย์นั่นเอง เมื่อเจ้าได้เห็นผลิตผลอันมั่งคั่งและเอื้ออารีเช่นนี้—แหล่งที่มาของอาหารและเครื่องดื่มของมวลมนุษย์—เจ้าจะสามารถพูดได้หรือไม่ว่าพระเจ้าทรงเป็นแหล่งที่มาของการจัดหาสำหรับมวลมนุษย์และสำหรับสรรพสิ่งทั้งมวลแห่งการทรงสร้างของพระองค์? หากในช่วงระหว่างเวลาแห่งการทรงสร้าง พระเจ้าได้ทรงสร้างเพียงแค่ต้นไม้และต้นหญ้าหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ จำนวนเท่าใดก็ตาม และหากสิ่งมีชีวิตและพืชต่างๆ เหล่านี้มีไว้ให้วัวและแกะกินทั้งหมด หรือมีไว้ให้ม้าลาย กวาง และสัตว์ประเภทอื่นๆ อีกหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่นสิงโตต้องกินสิ่งทั้งหลายเช่นม้าลายและกวาง และเสือต้องกินสิ่งทั้งหลายเช่นแกะและหมู—แต่ไม่มีแม้สักสิ่งเดียวที่เหมาะสมให้มนุษย์กินแล้ว มันจะใช้ได้หรือไม่? มันจะใช้ไม่ได้ มวลมนุษย์คงจะไม่มีความสามารถที่จะอยู่รอดได้นาน จะเกิดอะไรขึ้นหากมนุษย์กินแต่ใบไม้เท่านั้น? มันจะใช้ได้หรือไม่? มนุษย์จะสามารถกินต้นหญ้าที่มีไว้สำหรับแกะหรือไม่? มันอาจจะไม่เป็นไรหากพวกเขาได้ลองสักนิดหน่อย แต่หากพวกเขาได้กินสิ่งทั้งหลายเช่นนั้นเป็นเวลานาน ท้องของพวกเขาก็คงจะไม่มีความสามารถที่จะทนยอมรับได้ และผู้คนก็คงจะไม่ได้มีชีวิตอยู่ยืนยาว มีแม้แต่สิ่งทั้งหลายที่สัตว์สามารถกินได้แต่เป็นพิษต่อมนุษย์—สัตว์กินพวกมันโดยไม่มีผลสืบเนื่องตามมา แต่สำหรับมนุษย์ไม่เป็นเช่นนั้น กล่าวคือพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ ดังนั้นพระเจ้าทรงรู้ดีที่สุดถึงหลักการทั้งหลายและโครงสร้างของร่างกายมนุษย์และสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องการ พระเจ้าทรงรู้จักอย่างกระจ่างแจ้งเพียบพร้อมถึงสิ่งประกอบและสิ่งที่บรรจุอยู่ของร่างกาย ความต้องการที่จำเป็นของร่างกายและการทำหน้าที่ของอวัยวะภายในของร่างกาย และวิธีที่พวกมันดูดซับ กำจัด และเผาผลาญสสารต่างๆ มนุษย์ไม่รู้ บางครั้งพวกเขากินอย่างผลีผลาม หรือหลงไปใช้วิธีดูแลตนเองอย่างไม่ระมัดระวัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ที่มากเกินไปเป็นเหตุให้เกิดความไม่สมดุล หากเจ้ากินและชื่นชมสิ่งทั้งหลายที่พระเจ้าได้ทรงตระเตรียมไว้ให้เจ้าในหนทางปกติ เช่นนั้นแล้วเจ้าย่อมจะไม่มีปัญหาสุขภาพ ต่อให้บางครั้งเจ้าประสบกับอารมณ์เสียต่างๆ และเจ้ามีภาวะเลือดหนืด นี่ก็ไม่สร้างปัญหาอะไรเลย เจ้าเพียงแค่จำเป็นต้องกินพืชบางประเภท และภาวะเลือดหนืดก็จะหายไป พระเจ้าได้ทรงทำการตระเตรียมสำหรับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ดังนั้นในสายพระเนตรของพระเจ้า มวลมนุษย์อยู่เหนือสิ่งมีชีวิตอื่นใดอย่างมาก พระเจ้าได้ทรงตระเตรียมสภาพแวดล้อมสำหรับพืชแต่ละประเภท และพระองค์ได้ทรงตระเตรียมอาหารและสภาพแวดล้อมสำหรับสัตว์แต่ละประเภท แต่มวลมนุษย์มีความต้องการที่จำเป็นอันเคร่งครัดชัดเจนที่สุดต่อสภาพแวดล้อม และความต้องการที่จำเป็นเหล่านั้นก็ไม่อาจถูกมองข้ามได้แม้เพียงเล็กน้อย หากเป็นเช่นนั้น มวลมนุษย์ก็คงจะไร้ความสามารถที่จะพัฒนาและมีชีวิตอยู่และขยายพันธุ์ต่อไปได้ในหนทางปกติ เป็นพระเจ้านั่นเองที่ทรงรู้ดีที่สุดในพระทัยของพระองค์ เมื่อพระเจ้าได้ทรงทำเช่นนี้ พระองค์ได้ทรงให้ความสำคัญกับการนั้นมากกว่าสิ่งอื่นใด ลางทีเจ้าอาจไร้ความสามารถที่จะสำนึกรับรู้ความสำคัญของสิ่งที่ไม่น่าสนใจบางสิ่งที่เจ้าสามารถมองเห็นและชื่นชมในชีวิตของเจ้า หรือบางสิ่งที่เจ้ามองเห็นและชื่นชมซึ่งเจ้าได้มีมาตั้งแต่เกิด แต่พระเจ้าได้ทรงทำการตระเตรียมไว้แล้วสำหรับเจ้านานมาแล้วหรือไม่ก็ทรงทำอย่างลับๆ พระเจ้าได้ทรงขจัดและทำให้องค์ประกอบเชิงลบทั้งหมดที่ไม่เอื้ออำนวยต่อมวลมนุษย์และอาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ทุเลาลงจนถึงขอบข่ายยิ่งใหญ่ที่สุดที่เป็นไปได้ การนี้แสดงให้เห็นอะไรหรือ? นั่นแสดงให้เห็นท่าทีที่พระเจ้าได้ทรงมีต่อมวลมนุษย์เมื่อตอนที่พระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขาคราวนี้หรือไม่? ท่าทีนั้นคืออะไร? ท่าทีของพระเจ้ารอบคอบและเอาจริงเอาจัง และไม่ได้ยอมทนให้มีการแทรกแซงโดยกำลังบังคับของศัตรูหรือปัจจัยภายนอกหรือสภาพเงื่อนไขอันใดที่ไม่ใช่ของพระองค์ ในการนี้สามารถมองเห็นท่าทีของพระเจ้าในการทรงสร้างและบริหารจัดการมวลมนุษย์คราวนี้ได้ และท่าทีของพระเจ้าคืออะไรหรือ? โดยผ่านทางสภาพแวดล้อมเพื่อความอยู่รอดและชีวิตที่มวลมนุษย์ชื่นชม รวมถึงในอาหารและเครื่องดื่มประจำวันและความต้องการที่จำเป็นรายวันของพวกเขา พวกเราสามารถมองเห็นท่าทีแห่งความรับผิดชอบของพระเจ้าต่อมวลมนุษย์ซึ่งพระองค์ได้ทรงยึดถือมานับตั้งแต่พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ ตลอดจนความมุ่งมั่นของพระองค์ที่จะทรงช่วยมวลมนุษย์ให้รอด ณ เวลานี้ ความจริงแท้ของพระเจ้าสามารถมองเห็นได้ในสิ่งเหล่านี้หรือไม่? ความน่าอัศจรรย์ของพระองค์เล่า? ความไม่สามารถหยั่งถึงได้ของพระองค์เล่า? ฤทธานุภาพไม่สิ้นสุดของพระองค์เล่า? พระเจ้าทรงใช้หนทางอันทรงพระปัญญาและเปี่ยมมหิทธิฤทธิ์ของพระองค์เพื่อจัดเตรียมไว้ให้มวลมนุษย์ทั้งปวง ตลอดจนการจัดเตรียมสิ่งทั้งหลายทั้งหมดแห่งการทรงสร้างของพระองค์ บัดนี้ที่เราได้พูดกับเจ้าไปมากมายยิ่งนักแล้ว พวกเจ้าสามารถพูดได้หรือไม่ว่าพระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตสำหรับทุกสรรพสิ่ง? (ได้) นั่นเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน เจ้ามีข้อสงสัยอันใดหรือไม่? (ไม่) การจัดเตรียมของพระเจ้าสำหรับทุกสรรพสิ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตสำหรับทุกสรรพสิ่ง เพราะพระองค์ทรงเป็นแหล่งที่มาของการจัดเตรียมที่ได้ทำให้ทุกสรรพสิ่งสามารถดำรงอยู่ มีชีวิต ขยายพันธุ์ และดำเนินต่อไป และไม่มีแหล่งที่มาอื่นใดยกเว้นพระเจ้าพระองค์เอง พระเจ้าทรงจัดเตรียมเพื่อความต้องการที่จำเป็นทั้งหมดของทุกสรรพสิ่งและความต้องการที่จำเป็นทั้งหมดของมวลมนุษย์ ไม่ว่าเหล่านั้นเป็นความต้องการที่จำเป็นด้านสภาพแวดล้อมพื้นฐานที่สุดของผู้คน ความต้องการที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของพวกเขา หรือความต้องการที่จำเป็นสำหรับความจริงที่พระองค์ทรงจัดเตรียมให้แก่จิตวิญญาณของผู้คน โดยการมองดูที่พระอัตลักษณ์ของพระเจ้าและพระสถานภาพของพระองค์จากมุมมองของมนุษย์ในทุกหนทาง พระเจ้าพระองค์เองเท่านั้นทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิตสำหรับทุกสรรพสิ่ง นี่ถูกต้องหรือไม่? (ถูกต้อง) กล่าวคือ พระเจ้าทรงเป็นองค์ผู้ปกครอง องค์เจ้านาย และองค์ผู้จัดเตรียมแห่งโลกเชิงวัตถุนี้ โลกนี้ที่ผู้คนสามารถมองเห็นและรู้สึกได้ สำหรับมวลมนุษย์แล้ว นี่ไม่ใช่พระอัตลักษณ์ของพระเจ้าหรอกหรือ? ไม่มีสิ่งใดเป็นเท็จในการนี้ ดังนั้นเมื่อเจ้าเห็นนกกำลังบินบนท้องฟ้า เจ้าควรรู้ว่าพระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถบินได้ มีสิ่งมีชีวิตที่ว่ายในน้ำ และพวกมันมีหนทางของพวกมันเองในการอยู่รอด ต้นไม้และพืชพรรณที่อาศัยอยู่ในดินผลิดอกและงอกงามในฤดูใบไม้ผลิ และออกผลและผลัดใบในฤดูใบไม้ร่วง และเมื่อถึงฤดูหนาวใบไม้ทั้งหมดก็ร่วงไปเมื่อพืชพรรณเหล่านั้นตระเตรียมที่จะกรำฝ่าให้พ้นฤดูหนาวไปได้ นั่นคือหนทางแห่งความอยู่รอดของพวกมัน พระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง และแต่ละสิ่งดำรงชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างกันและหนทางที่แตกต่างกันและใช้วิธีการที่แตกต่างกันเพื่อจัดแสดงพลังชีวิตของมันและรูปแบบที่มันดำรงชีวิตอยู่ ไม่สำคัญว่าสิ่งทั้งหลายจะดำเนินชีวิตอย่างไร สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้า อะไรหรือคือพระประสงค์ของพระเจ้าในการปกครองรูปแบบที่แตกต่างกันทั้งมวลของชีวิตและสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย? นั่นเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งความอยู่รอดของมวลมนุษย์ใช่หรือไม่? (ใช่) พระองค์ทรงควบคุมกฎแห่งชีวิตทั้งมวล ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์แห่งความอยู่รอดของมวลมนุษย์ นี่แสดงให้เห็นเลยว่าความอยู่รอดของมนุษย์สำคัญเพียงใดสำหรับพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 8

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger