พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 146

วันที่ 29 เดือน 05 ปี 2021

มัทธิว 4:8-11 อีกครั้งหนึ่งมารได้นำพระองค์ขึ้นไปบนภูเขาที่สูงมาก และได้แสดงบรรดาราชอาณาจักรในโลก ทั้งความรุ่งโรจน์ของราชอาณาจักรเหล่านั้นให้พระองค์ทอดพระเนตร แล้วได้ทูลพระองค์ว่า "ถ้าท่านจะก้มลงนมัสการเรา เราจะให้สิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่ท่าน" พระเยซูจึงตรัสตอบว่า "จงไปให้พ้น เจ้าซาตาน เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า 'จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว'" แล้วมารจึงไปจากพระองค์ และมีพวกทูตสวรรค์มาปรนนิบัติพระองค์

ครั้นลูกเล่นสองครั้งก่อนของมันล้มเหลว มารซาตานก็ยังได้พยายามอีกครั้ง กล่าวคือ มันได้แสดงราชอาณาจักรทั้งหมดในโลกและความรุ่งโรจน์ของราชอาณาจักรเหล่านั้นให้องค์พระเยซูเจ้าทอดพระเนตร และได้ขอให้พระองค์นมัสการมัน เจ้าสามารถมองเห็นสิ่งใดเกี่ยวกับคุณสมบัติเฉพาะที่แท้จริงของมารจากสถานการณ์นี้? มารซาตานไม่ใช่ไร้ยางอายโดยสิ้นเชิงหรอกหรือ? (ใช่) มันไร้ยางอายอย่างไร? ทุกสรรพสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า แต่ถึงกระนั้นซาตานยังได้หันกลับ และแสดงทุกสรรพสิ่งให้พระเจ้าทอดพระเนตร โดยกล่าวว่า "จงมองดูความอุดมด้วยโภคทรัพย์และความรุ่งโรจน์ของทุกสิ่งในราชอาณาจักรเหล่านี้ หากพระองค์นมัสการเรา เราจะมอบทั้งหมดนี้ให้แก่พระองค์" นี่ไม่ใช่การพลิกบทบาทโดยสิ้นเชิงหรอกหรือ? ซาตานไม่ไร้ยางอายหรอกหรือ? พระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง แต่พระองค์ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นมาเพื่อความชื่นชมยินดีของพระองค์เองกระนั้นหรือ? พระเจ้าได้ทรงมอบทุกสิ่งทุกอย่างแก่มวลมนุษย์ แต่ซาตานต้องการที่จะยึดมันทั้งหมดและครั้นได้ยึดมันทั้งหมดไปแล้ว มันก็มาบอกพระเจ้าว่า "จงนมัสการเรา! นมัสการเราแล้วเราจะมอบทั้งหมดนี้แก่พระองค์" นี่คือโฉมหน้าอันอัปลักษณ์ของซาตาน มันไร้ยางอายโดยสิ้นเชิง! ซาตานไม่รู้แม้กระทั่งความหมายของคำว่า "ละอาย" นี่เป็นแค่อีกตัวอย่างหนึ่งของความชั่วของมัน มันไม่รู้แม้กระทั่งว่าความละอายคืออะไร ซาตานรู้อย่างชัดเจนว่าพระเจ้าได้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งและว่าพระองค์ทรงบริหารจัดการและทรงมีอำนาจครอบครองเหนือทุกสรรพสิ่ง ทุกสรรพสิ่งไม่ใช่เป็นของมนุษย์ และนับประสาอะไรที่จะเป็นของซาตาน แต่เป็นของพระเจ้า แต่ถึงกระนั้นมารซาตานยังได้กล่าวอย่างหน้าไม่อายว่ามันจะให้ทุกสรรพสิ่งแก่พระเจ้า นี่มิใช่อีกตัวอย่างหนึ่งของการที่ซาตานกระทำการอย่างไร้สาระและอย่างไร้ยางอายอีกครั้งหนึ่งหรอกหรือ? การนี้เป็นเหตุให้พระเจ้าทรงเกลียดชังซาตานมากยิ่งขึ้นไปอีกมิใช่หรือ? ถึงกระนั้นไม่สำคัญว่าซาตานได้ลองพยายามสิ่งใด องค์พระเยซูเจ้าทรงถูกหลอกหรือไม่? องค์พระเยซูเจ้าได้ตรัสสิ่งใด? ("จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์แต่เพียงผู้เดียว") พระวจนะเหล่านี้มีความหมายที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงหรือไม่? (มี) ความหมายที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงจำพวกใด? พวกเรามองเห็นความชั่วและความไร้ยางอายของซาตานในวาทะของมัน ดังนั้นหากมนุษย์เคารพบูชาซาตาน บทอวสานจะเป็นอย่างไร? พวกเขาจะได้รับความอุดมด้วยโภคทรัพย์และความรุ่งโรจน์ของราชอาณาจักรทั้งหมดหรือไม่? (ไม่) พวกเขาจะได้รับสิ่งใด? มวลมนุษย์จะแค่กลายเป็นไร้ยางอายและน่าหัวเราะเหมือนซาตานหรือไม่? (ใช่) เช่นนั้นแล้วพวกเขาคงจะไม่แตกต่างไปจากซาตานเลย เพราะฉะนั้น องค์พระเยซูเจ้าจึงได้ตรัสพระวจนะเหล่านี้ ซึ่งสำคัญสำหรับมนุษย์ทุกคน นั่นคือ "จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว" นี่หมายความว่านอกจากองค์พระผู้เป็นเจ้า นอกจากพระเจ้าพระองค์เองแล้วนั้น หากเจ้ารับใช้สิ่งอื่น หากเจ้าเคารพบูชามารซาตาน เช่นนั้นแล้วเจ้าก็คงจะเกลือกกลิ้งอยู่ในความโสมมแบบเดียวกันกับซาตาน เมื่อนั้นเจ้าคงจะร่วมแบ่งปันความไร้ยางอายและความชั่วของซาตานไปกับมัน และเจ้าคงจะทดลองพระเจ้าและโจมตีพระเจ้าเช่นเดียวกันกับซาตาน เช่นนั้นแล้ว บทอวสานจะเป็นอย่างไรสำหรับเจ้า? เจ้าคงจะถูกพระเจ้าทรงเกลียด ถูกพระเจ้าทรงตีกระหน่ำลง ถูกพระเจ้าทำลาย หลังจากซาตานได้ทดลององค์พระเยซูเจ้าหลายครั้งโดยไม่สำเร็จแล้ว มันได้พยายามอีกครั้งหรือไม่? ซาตานไม่ได้พยายามอีกแล้วจากนั้นมันก็ได้จากไป การนี้พิสูจน์สิ่งใด? มันพิสูจน์ให้เห็นว่าธรรมชาติชั่วของซาตาน ความคิดร้ายของมัน และความไร้สาระกับความวิปริตของมันนั้นไม่มีคุณค่าคู่ควรแม้กระทั่งจะกล่าวเปรยถึงต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงทำให้ซาตานปราชัยด้วยสามประโยคเท่านั้น ซึ่งหลังจากนั้นมันก็โกยอ้าวหนีไปแบบหางจุกก้น อับอายเกินกว่าที่จะแสดงให้เห็นใบหน้าของมัน และมันไม่เคยทดลององค์พระเยซูเจ้าอีกเลย เนื่องจากองค์พระเยซูเจ้าได้ทรงทำให้การทดลองของซาตานครั้งนี้ปราชัยไปแล้ว บัดนี้พระองค์จึงทรงสามารถสานต่อพระราชกิจที่พระองค์จำเป็นต้องทรงกระทำและกิจทั้งหลายซึ่งวางอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ได้อย่างง่ายดาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงทำและได้ตรัสไปในสถานการณ์นี้มีความหมายซึ่งสัมพันธ์กับชีวิตจริงอันใดหรือไม่สำหรับมนุษย์ทุกคนหากนำมันมาใช้กับวันปัจจุบัน? (มี) ความหมายที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงจำพวกใด? การทำให้ซาตานปราชัยเป็นสิ่งง่ายที่จะทำกระนั้นหรือ? ผู้คนต้องมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับธรรมชาติชั่วของซาตานหรือไม่? ผู้คนต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องแม่นยำเกี่ยวกับการทดลองของซาตานหรือไม่? (ต้องมี) เมื่อเจ้าได้รับประสบการณ์กับการทดลองของซาตานในชีวิตของเจ้าเอง หากเจ้าสามารถมองทะลุถึงธรรมชาติชั่วของซาตาน เจ้าจะสามารถทำให้มันปราชัยได้หรือไม่? หากเจ้ารู้ถึงความไร้สาระและความวิปริตของซาตาน เจ้าจะยังคงยืนอยู่ข้างซาตานและโจมตีพระเจ้าหรือไม่? หากเจ้าเข้าใจว่าความคิดร้ายและความไร้ยางอายของซาตานกำลังถูกเปิดเผยโดยผ่านทางตัวเจ้าอย่างไร—หากเจ้าระลึกถึงสิ่งเหล่านี้ได้และเข้าใจอย่างชัดเจน—เจ้าจะยังคงโจมตีและทดลองพระเจ้าในหนทางนี้อยู่หรือไม่? (ไม่ พวกเราจะไม่ทำ) พวกเจ้าจะทำสิ่งใด? (พวกเราจะกบฏต่อซาตานและทิ้งมันไป) นั่นเป็นสิ่งง่ายดายที่จะทำกระนั้นหรือ? นั่นไม่ง่ายเลย ในการทำการนี้ ผู้คนต้องอธิษฐานบ่อยๆ พวกเขาต้องวางตัวเองเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและตรวจสอบตัวเอง และพวกเขาต้องยอมให้ความมีวินัยของพระเจ้าและการพิพากษากับการตีสอนของพระองค์เกิดขึ้นกับพวกเขา มีเพียงในหนทางนี้เท่านั้นที่ผู้คนจะค่อยๆ แกะตัวเองออกจากการหลอกลวงและการควบคุมของซาตานได้

บัดนี้ เมื่อดูที่คำพูดเหล่านี้ทั้งหมดที่ซาตานได้พูดไปนั้น พวกเราจะสรุปสิ่งทั้งหลายที่ประกอบขึ้นเป็นธาตุแท้ของซาตานกัน ก่อนอื่น ธาตุแท้ของซาตานสามารถกล่าวถึงได้โดยทั่วไปว่าเป็นสิ่งชั่ว ซึ่งตรงกันข้ามกับความบริสุทธิ์ของพระเจ้า เหตุใดเราจึงพูดว่าธาตุแท้ของซาตานนั้นชั่ว? เพื่อตอบคำถามนี้ คนเราต้องตรวจดูผลสืบเนื่องของสิ่งที่ซาตานทำกับผู้คน ซาตานทำให้มนุษย์เสื่อมทรามและควบคุมมนุษย์ และมนุษย์กระทำการภายใต้อุปนิสัยที่เสื่อมทรามของซาตาน และดำรงชีวิตอยู่ในพิภพหนึ่งซึ่งผู้คนถูกซาตานทำให้เสื่อมทราม มวลมนุษย์ถูกซาตานครอบงำและดูดซึมเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นมนุษย์จึงมีอุปนิสัยที่เสื่อมทรามของซาตาน ซึ่งเป็นธรรมชาติของซาตาน จากทุกสิ่งทุกอย่างที่ซาตานได้พูดและทำไปนั้น เจ้าได้เห็นความโอหังของมันแล้วหรือยัง? เจ้าได้เห็นความหลอกลวงและความคิดร้ายของมันแล้วหรือยัง? ความโอหังของซาตานส่วนใหญ่แล้วถูกแสดงออกมาอย่างไร? ซาตานเก็บงำความอยากที่จะยึดครองตำแหน่งของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลาหรือไม่? ซาตานต้องการที่จะฉีกทิ้งพระราชกิจของพระเจ้าและตำแหน่งของพระเจ้า และเอาสิ่งนั้นมาให้ตัวมันเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่ผู้คนจะได้ติดตาม สนับสนุน และเคารพบูชาซาตาน นี่คือธรรมชาติอันโอหังของซาตาน เมื่อซาตานทำให้ผู้คนเสื่อมทราม มันบอกพวกเขาตรงๆ หรือไม่ว่าพวกเขาควรทำสิ่งใด? เมื่อซาตานทดลองพระเจ้า มันออกมาพูดหรือไม่ว่า "ข้าพระองค์กำลังทดลองพระองค์ ข้าพระองค์กำลังจะโจมตีพระองค์"? มันไม่ทำเช่นนั้นโดยเด็ดขาด ดังนั้นซาตานใช้วิธีการใด? มันล่อลวง ทดลอง โจมตี และวางกับดัก และถึงขั้นอ้างพระวจนะจากคัมภีร์ ซาตานพูดและกระทำการในหนทางต่างๆ นานาเพื่อสัมฤทธิ์วัตถุประสงค์ที่ส่อแววร้ายของมันและทำให้เจตนาของมันลุล่วง หลังจากซาตานได้ทำการนี้แล้ว สามารถมองเห็นสิ่งใดจากสิ่งที่สำแดงอยู่ในตัวมนุษย์? ผู้คนกลายเป็นโอหังด้วยหรือไม่? มนุษย์ได้ทนทุกข์จากความเสื่อมทรามของซาตานมาเป็นเวลาหลายพันปี และดังนั้นมนุษย์จึงได้กลายเป็นโอหัง หลอกลวง คิดร้าย และอยู่เหนือเหตุผล ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากธรรมชาติของซาตาน ในเมื่อธรรมชาติของซาตานนั้นชั่ว มันจึงได้ให้ธรรมชาติชั่วนี้แก่มนุษย์และนำพาอุปนิสัยชั่วและเสื่อมทรามนี้มาให้มนุษย์ ดังนั้น มนุษย์จึงดำรงชีวิตอยู่ภายใต้อุปนิสัยอันเสื่อมทรามเยี่ยงซาตาน และต้านทานพระเจ้า โจมตีพระเจ้า และทดลองพระองค์เหมือนซาตาน จนถึงขั้นที่มนุษย์ไม่สามารถนมัสการพระเจ้าได้และไม่มีหัวใจที่เคารพพระองค์

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 5

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger