พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 144

วันที่ 29 เดือน 05 ปี 2021

การทดลองของซาตาน

มัทธิว 4:1-4 ครั้งนั้น พระวิญญาณทรงนำพระเยซูเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อมารจะได้มาทดลอง และพระองค์ทรงอดอาหารสี่สิบวันสี่สิบคืน ภายหลังพระองค์ก็ทรงหิว ส่วนผู้ทดลองมาหาพระองค์ทูลว่า "ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปัง" พระองค์ตรัสตอบว่า "มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า 'มนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องดำรงชีวิตด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า'"

เหล่านี้คือคำพูดที่มารใช้เพื่อพยายามทดลององค์พระเยซูเจ้าเป็นครั้งแรก เนื้อหาของสิ่งที่มารได้กล่าวไว้คืออะไร? ("ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปัง") คำพูดที่มารได้พูดไปเหล่านี้ช่างเรียบง่ายทีเดียว ว่าแต่มีปัญหาเกี่ยวกับแก่นแท้ของคำพูดเหล่านี้หรือไม่? มารกล่าวว่า "ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า" แต่ในหัวใจของมันนั้น มันรู้หรือมันไม่รู้ว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า? มันรู้หรือมันไม่รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระคริสต์ (มันรู้) เช่นนั้นแล้วเหตุใดมันจึงกล่าวว่า "ถ้าท่านเป็น"? (มันกำลังพยายามที่จะทดลองพระเจ้า) แต่จุดประสงค์ของมันในการทำเช่นนั้นคืออะไรหรือ? มันได้กล่าวว่า "ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า" ในหัวใจของมันนั้น มันรู้ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า มันรู้อยู่แก่ใจของมัน แต่ทั้งที่รู้การนี้ มันได้นบนอบต่อพระองค์และนมัสการพระองค์หรือไม่? (ไม่) มันต้องการทำสิ่งใด? มันต้องการที่จะใช้วิธีการนี้และคำพูดเหล่านี้เพื่อทำให้องค์พระเยซูเจ้ากริ้ว และจากนั้นจึงหลอกพระองค์ให้กระทำการอยู่ในแนวเดียวกับเจตนาของมัน นี่ไม่ใช่ความหมายเบื้องหลังคำพูดของมารหรอกหรือ? ในหัวใจของซาตาน มันรู้อย่างชัดเจนว่านี่คือองค์พระเยซูคริสต์เจ้า แต่อย่างไรก็ดีมันได้กล่าวคำพูดเหล่านี้ไป นี่ไม่ใช่ธรรมชาติของซาตานหรอกหรือ? ธรรมชาติของซาตานคือสิ่งใด? (กลับกลอก ชั่ว และไม่มีความเคารพต่อพระเจ้า) ผลสืบเนื่องใดที่จะส่งผลจากการไม่มีความเคารพต่อพระเจ้า? นั่นไม่ใช่การที่มันต้องการโจมตีพระเจ้าหรอกหรือ? มันได้ต้องการใช้วิธีการนี้โจมตีพระเจ้า และดังนั้นมันจึงได้กล่าวว่า "ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปัง" นี่ไม่ใช่เจตนาชั่วของซาตานหรอกหรือ? จริงๆ แล้วมันกำลังพยายามที่จะทำสิ่งใด? จุดประสงค์ของมันชัดแจ้งมาก กล่าวคือ มันกำลังพยายามที่จะใช้วิธีการนี้เพื่อปฏิเสธพระสถานภาพและพระอัตลักษณ์ขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า สิ่งที่ซาตานหมายถึงในคำพูดเหล่านั้นก็คือ "หากท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงแปรสภาพก้อนหินเหล่านี้ให้เป็นขนมปัง หากท่านไม่สามารถทำการนี้ได้ เช่นนั้นแล้วท่านก็ไม่ใช่พระบุตรของพระเจ้า ดังนั้น ท่านก็ไม่ควรดำเนินงานของท่านอีกต่อไป" การนี้ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกหรือ? มันต้องการที่จะใช้วิธีการนี้เพื่อโจมตีพระเจ้า มันต้องการที่จะรื้อถอนและทำลายพระราชกิจของพระเจ้า นี่คือความมุ่งร้ายของซาตาน การปองร้ายของมันเป็นการแสดงออกตามธรรมชาติถึงธรรมชาติของมัน ถึงแม้ว่ามันจะรู้ว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า เป็นการทรงจุติเป็นมนุษย์จริงๆ ของพระเจ้าพระองค์เอง แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะทำสิ่งประเภทนี้ โดยติดตามเบื้องหลังพระปฤษฎางค์ของพระเจ้าอย่างใกล้ชิด โจมตีพระองค์อย่างยืนกรานไม่ลดละและพยายามอย่างหนักที่จะก่อวินาศกรรมและทำให้พระราชกิจของพระเจ้าหยุดชะงัก

บัดนี้ พวกเรามาวิเคราะห์วลีนี้ที่ซาตานได้พูดกันเถิด นั่นคือ "จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปัง" การแปรสภาพก้อนหินให้เป็นขนมปัง—นี่หมายถึงสิ่งใดหรือไม่? หากมีอาหาร เหตุใดจึงไม่กินอาหาร? เหตุใดจึงจำเป็นต้องแปรสภาพก้อนหินให้เป็นอาหาร? สามารถกล่าวได้หรือว่า ตรงนี้ไม่มีความหมายอะไรอยู่เลย? ถึงแม้ว่าพระองค์กำลังทรงอดพระกระยาหารอยู่ ณ เวลานั้น แน่หรือว่าองค์พระเยซูเจ้าทรงมีพระกระยาหารเพื่อเสวย? (พระองค์ทรงมี) ดังนั้น ตรงนี้ พวกเราสามารถมองเห็นความวิปริตในคำพูดของซาตานได้ สำหรับการหักหลังและการคิดร้ายทั้งหมดของซาตานนั้น พวกเรายังคงสามารถมองเห็นความวิปริตและความไร้สาระของมัน ซาตานทำสิ่งทั้งหลายมากมายที่ทำให้พวกเจ้าสามารถมองเห็นธรรมชาติที่คิดร้ายของมัน เจ้าสามารถมองเห็นว่ามันทำสิ่งทั้งหลายที่ก่อวินาศกรรมต่อพระราชกิจของพระเจ้า และเมื่อเห็นการนี้ เจ้ารู้สึกว่ามันน่าเกลียดชังและน่าโกรธเกรี้ยว แต่ในทางตรงกันข้าม เจ้าไม่เห็นธรรมชาติที่เป็นเด็กไม่รู้จักโตและน่าขันเบื้องหลังคำพูดและการกระทำของมันหรอกหรือ? นี่เป็นการเปิดเผยหนึ่งเกี่ยวกับธรรมชาติของซาตาน ในเมื่อมันมีธรรมชาติประเภทนี้ มันก็จะทำสิ่งประเภทนี้ สำหรับผู้คนในวันนี้ คำพูดเหล่านี้ของซาตานวิปริตและน่าหัวเราะ แต่ซาตานก็มีความสามารถในการเปล่งคำพูดเช่นนั้นจริงๆ พวกเราพูดได้หรือไม่ว่ามันไม่รู้เท่าทันและไร้สาระ? ความชั่วของซาตานมีอยู่ทุกหนทุกแห่งและมันกำลังถูกเปิดเผยอยู่เนืองนิตย์ และองค์พระเยซูเจ้าตรัสตอบมันอย่างไรหรือ? ("มนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องดำรงชีวิตด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า") พระวจนะเหล่านี้มีพลังอำนาจอันใดบ้างหรือไม่? (พระวจนะเหล่านี้มีพลังอำนาจ) เหตุใดพวกเราจึงกล่าวว่าพระวจนะเหล่านี้มีพลังอำนาจ? นั่นก็เพราะว่าพระวจนะเหล่านี้เป็นความจริง บัดนี้ มนุษย์ดำรงชีวิตด้วยขนมปังเพียงอย่างเดียวหรือไม่? องค์พระเยซูเจ้าทรงอดพระกระยาหารเป็นเวลาสี่สิบวันและสี่สิบคืน พระองค์ไม่ได้ทรงอดอยากจนสิ้นพระชนม์หรอกหรือ? (ไม่) พระองค์ไม่ได้อดอยากจนสิ้นพระชนม์ ดังนั้นซาตานจึงได้เข้าหาพระองค์ กระตุ้นเตือนพระองค์ให้แปรสภาพก้อนหินให้เป็นอาหารโดยพูดสิ่งทั้งหลายเช่น "หากท่านแปรสภาพก้อนหินให้เป็นอาหารได้ เช่นนั้นแล้วท่านก็จะมีของให้กินไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นแล้วท่านก็จะไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องหิวอีกต่อไปไม่ใช่หรือ?" แต่องค์พระเยซูเจ้าได้ตรัสว่า "มนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้" ซึ่งหมายความว่า ถึงแม้มนุษย์มีชีวิตอยู่ในร่างทางกายภาพ แต่ก็ไม่ใช่อาหารที่ช่วยให้ร่างทางกายภาพของเขามีชีวิตอยู่หรือหายใจได้ แต่เป็นพระวจนะทุกคำที่ดำรัสจากพระโอษฐ์ของพระเจ้าต่างหาก ในด้านหนึ่ง พระวจนะเหล่านี้เป็นความจริง พระวจนะเหล่านี้ให้ความเชื่อแก่ผู้คน ทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาสามารถพึ่งพาอาศัยพระเจ้าได้ และว่าพระองค์ทรงเป็นความจริง ในอีกด้านหนึ่ง มีแง่มุมที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงต่อพระวจนะเหล่านี้หรือไม่? องค์พระเยซูเจ้ายังคงประทับยืนอยู่ ยังคงดำรงพระชนม์อยู่หลังการอดพระกระยาหารสี่สิบวันและสี่สิบคืนมิใช่หรือ? นี่มิใช่ตัวอย่างจริงหรอกหรือ? พระองค์มิได้เสวยพระกระยาหารมาเป็นเวลาสี่สิบวันและสี่สิบคืน แต่กระนั้นพระองค์ยังคงดำรงพระชนม์อยู่ นี่คือหลักฐานอันทรงพลังซึ่งยืนยันถึงความจริงแห่งพระวจนะของพระองค์ พระวจนะเหล่านั้นเรียบง่าย แต่สำหรับองค์พระเยซูเจ้าแล้วนั้น พระองค์ตรัสพระวจนะเหล่านั้นเฉพาะเมื่อซาตานทดลองพระองค์เท่านั้น หรือพระวจนะเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของพระองค์โดยธรรมชาติอยู่แล้ว? กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พระเจ้าทรงเป็นความจริง และพระเจ้าทรงเป็นชีวิต แต่ความจริงและชีวิตของพระเจ้านั้นเป็นการเพิ่มเติมในภายหลังหรือไม่? สิ่งเหล่านั้นเกิดจากประสบการณ์ในเวลาต่อมาหรือไม่? ไม่—สิ่งเหล่านั้นมีมาแต่เดิมในพระเจ้า กล่าวคือ ความจริงและชีวิตคือเนื้อแท้ของพระเจ้า ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นกับพระองค์ ทั้งหมดที่พระองค์ทรงเปิดเผยล้วนเป็นความจริง ความจริงนี้ พระวจนะเหล่านี้—ไม่ว่าเนื้อหาของพระดำรัสจะยาวหรือสั้น—ก็สามารถทำให้มนุษย์มีชีวิตและให้ชีวิตแก่มนุษย์ได้ พระวจนะเหล่านี้สามารถทำให้ผู้คนมีความสามารถที่จะได้รับความจริงและความกระจ่างแจ้งเกี่ยวกับเส้นทางแห่งชีวิตมนุษย์ และทำให้พวกเขามีความสามารถที่จะมีความเชื่อในพระเจ้าได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ที่มาของการที่พระเจ้าทรงใช้ประโยชน์จากพระวจนะเหล่านี้เป็นไปในเชิงบวก ดังนั้น พวกเราสามารถกล่าวได้หรือไม่ว่าสิ่งที่เป็นเชิงบวกนี้บริสุทธิ์? (ได้) คำพูดเหล่านั้นของซาตานมาจากธรรมชาติของซาตาน ซาตานเปิดเผยธรรมชาติชั่วและคิดร้ายของมันทุกหนแห่งอยู่เนืองนิตย์ บัดนี้ ซาตานทำการเปิดเผยเหล่านี้อย่างเป็นธรรมชาติหรือไม่? มีใครชี้นำให้มันทำการนี้หรือไม่? มีใครช่วยมันหรือไม่? มีใครบังคับขู่เข็ญมันหรือไม่? (ไม่มี) มันทำการเปิดเผยทั้งหมดเหล่านี้ด้วยความพร้อมใจของมันเอง นี่คือธรรมชาติชั่วของซาตาน สิ่งใดก็ตามที่พระเจ้าทรงทำ และพระองค์ทรงทำมันอย่างไรก็ตาม ซาตานตามติดทุกย่างพระบาทของพระองค์ สาระสำคัญและธรรมชาติที่แท้จริงของสิ่งเหล่านี้ที่ซาตานพูดและทำนั้นเป็นธาตุแท้ของซาตาน—ธาตุแท้ที่ชั่วและคิดร้าย

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 5

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger