พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 115

วันที่ 26 เดือน 02 ปี 2024

โยนาห์ 3 แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงโยนาห์เป็นครั้งที่สองว่า "จงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และจงประกาศข่าวแก่เมืองนั้นตามที่เราบอกเจ้า" ดังนั้น โยนาห์จึงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์ ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ นีนะเวห์เป็นนครใหญ่โตมโหฬาร ถ้าจะเดินข้ามเมืองก็กินเวลาสามวัน โยนาห์ตั้งต้นเดินเข้าไปในเมืองได้ระยะทางเดินวันหนึ่ง และท่านก็ร้องประกาศว่า "อีกสี่สิบวัน นีนะเวห์จะถูกทำลาย" คนนีนะเวห์ได้เชื่อพระเจ้า พวกเขาได้ประกาศให้อดอาหาร และได้สวมผ้ากระสอบ ตั้งแต่ผู้ใหญ่ที่สุดจนถึงผู้น้อยที่สุด เมื่อข่าวนี้ลือไปถึงกษัตริย์แห่งนีนะเวห์ พระองค์ทรงลุกขึ้นจากพระที่นั่ง และเปลื้องฉลองพระองค์ออก แล้วทรงสวมผ้ากระสอบแทน และประทับบนกองขี้เถ้า พระองค์ทรงออกพระราชกฤษฎีกา ประกาศไปทั่วนครนีนะเวห์ว่า "โดยอำนาจกษัตริย์และขุนนางทั้งหลาย คนหรือสัตว์เลี้ยงไม่ว่าขนาดใหญ่หรือขนาดกลาง อย่าลิ้มรสสิ่งใด อย่ากินอาหาร และอย่าดื่มน้ำ ให้ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงนุ่งห่มผ้ากระสอบ ให้ร้องทูลต่อพระเจ้าอย่างจริงจัง เออ ให้ทุกคนหันกลับจากการประพฤติชั่ว และเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำ ใครจะรู้ได้? พระเจ้าอาจจะทรงหันและเปลี่ยนพระทัย พระองค์อาจจะทรงหันจากพระพิโรธอันรุนแรง เพื่อเราจะไม่พินาศ" เมื่อพระเจ้าทอดพระเนตรการกระทำของพวกเขาที่ได้หันจากการประพฤติชั่ว พระเจ้าก็เปลี่ยนพระทัยเรื่องความหายนะที่พระองค์ตรัสว่าจะนำมาสู่พวกเขา พระองค์ไม่ทรงลงโทษเขา

การกลับใจที่แท้จริงในหัวใจของชาวนีนะเวห์ทำให้พวกเขาได้รับความปรานีของพระเจ้า และเปลี่ยนแปลงบทอวสานของพวกเขาเอง

มีความขัดแย้งใดๆ ระหว่างการเปลี่ยนพระทัยของพระเจ้ากับพระพิโรธของพระองค์หรือไม่? แน่นอนว่าไม่! นี่เป็นเพราะว่าการทนยอมรับของพระเจ้าในเวลาเฉพาะนั้นๆ มีเหตุผลของมัน เหตุผลนี้คืออะไรกัน? เหตุผลนี้คือเหตุผลที่ได้รับการระบุไว้ในพระคัมภีร์ว่า "ทุกคนหันกลับจากการประพฤติชั่วของพวกเขา" และ "ละเลิกการทารุณซึ่งมือคนเราทำ"

"การประพฤติชั่ว" นี้ไม่ได้อ้างอิงถึงการกระทำชั่วหยิบมือหนึ่ง แต่อ้างอิงถึงแหล่งกำเนิดความชั่วที่ทำให้เกิดพฤติกรรมของผู้คน "หันกลับจากการประพฤติชั่วของคนเรา" หมายความว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะไม่มีวันกระทำการเหล่านี้อีก กล่าวคือ พวกเขาจะไม่มีวันประพฤติในหนทางชั่วนี้อีกครั้ง วิธีการ แหล่งกำเนิด จุดประสงค์ เจตนา และหลักการของการกระทำของพวกเขาทั้งหมดได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว พวกเขาจะไม่มีวันใช้วิธีการและหลักการเหล่านั้นเพื่อนำความสำราญและความสุขมายังหัวใจของพวกเขาอีก คำว่า "เลิก" ใน "ละเลิกการทารุณซึ่งมือคนเราทำ" หมายถึงการวางลงหรือละทิ้ง เพื่อตัดขาดกับอดีตอย่างสมบูรณ์และไม่มีวันหันกลับ เมื่อผู้คนเมืองนีนะเวห์เลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำ สิ่งนี้พิสูจน์และแสดงถึงการกลับใจที่แท้จริงของพวกเขา พระเจ้าทรงเฝ้าสังเกตรูปลักษณ์ภายนอกของผู้คนรวมถึงหัวใจของพวกเขา เมื่อพระเจ้าทรงสังเกตดูการกลับใจที่แท้จริงอย่างปราศจากคำถามในหัวใจของชาวนีนะเวห์ และยังได้ทรงเฝ้าสังเกตว่าพวกเขาได้ทิ้งการประพฤติชั่วของพวกเขาและเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำแล้ว พระองค์ก็ได้เปลี่ยนพระทัยของพระองค์ นี่จึงกล่าวได้ว่า การประพฤติและพฤติกรรมของผู้คนเหล่านี้ และวิธีการที่หลากหลายในการปฏิบัติสิ่งต่างๆ อีกทั้งการกลับใจและการสารภาพบาปอย่างจริงใจของพวกเขาในหัวใจของพวกเขา เป็นสาเหตุให้พระเจ้าเปลี่ยนพระทัยของพระองค์ เปลี่ยนเจตนารมณ์ของพระองค์ กลับการตัดสินพระทัยของพระองค์ และไม่ลงโทษหรือทำลายพวกเขา ด้วยเหตุนี้ ผู้คนเมืองนีนะเวห์จึงสัมฤทธิ์ผลในบทอวสานที่แตกต่างออกไปสำหรับตัวพวกเขาเอง พวกเขาไถ่ชีวิตของพวกเขาเอง และในเวลาเดียวกันก็ได้รับความปรานีและการทนยอมรับของพระเจ้า ซึ่งในจุดนั้นพระเจ้าก็ถอนพระพิโรธของพระองค์กลับเช่นกัน

ความปรานีและการทนยอมรับของพระเจ้านั้นหาไม่ยาก—การกลับใจที่แท้จริงของมนุษย์ต่างหากที่หายาก

ไม่ว่าพระเจ้ากริ้วชาวนีนะเวห์เพียงใดก็ตาม ทันทีที่พวกเขาประกาศเรื่องการอดอาหารและนุ่งห่มผ้ากระสอบและนั่งบนกองขี้เถ้า พระทัยของพระองค์ก็เริ่มอ่อนลง และพระองค์เริ่มเปลี่ยนพระทัย ในเวลาที่พระองค์ทรงกล่าวประกาศต่อพวกเขาว่าพระองค์จะทำลายเมืองนี้—ชั่วขณะก่อนการกลับใจและการสารภาพบาปของพวกเขานั้น—พระเจ้ายังคงกริ้วพวกเขา ทันทีที่พวกเขาได้ดำเนินลำดับการกระทำที่กลับใจต่างๆ แล้ว พระโทสะที่พระเจ้าทรงมีต่อผู้คนเมืองนีนะเวห์ก็ค่อยๆ แปลงรูปเป็นความปรานีและการทนยอมรับพวกเขา ไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับการเผยพระอุปนิสัยสองแง่มุมนี้ของพระเจ้าพร้อมกันในเหตุการณ์เดียวกัน ดังนั้นแล้ว คนเราควรเข้าใจและรู้ถึงการขาดพร่องความขัดแย้งนี้อย่างไร? พระเจ้าได้ทรงแสดงและเผยเนื้อแท้แต่ละอย่างที่ตรงข้ามกันสองขั้วนี้เป็นการตอบแทนเมื่อผู้คนเมืองนีนะเวห์กลับใจแล้ว ซึ่งทำให้ผู้คนมองเห็นความเป็นจริงและความมิอาจถูกล่วงเกินได้แห่งเนื้อแท้ของพระเจ้า พระเจ้าทรงใช้ท่าทีของพระองค์เพื่อบอกผู้คนดังนี้ว่า ไม่ใช่ว่าพระเจ้าไม่ทรงทนยอมรับผู้คนหรือว่าพระเจ้าไม่ทรงต้องประสงค์จะแสดงความปรานีต่อพวกเขา แต่เป็นเพราะพวกเขาแทบจะไม่กลับใจต่อพระเจ้าอย่างแท้จริง และเป็นสิ่งที่พบได้ยากที่ผู้คนจะหันกลับจากการประพฤติชั่วของพวกเขาและเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำอย่างแท้จริง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อพระเจ้ากริ้วมนุษย์ พระองค์ทรงหวังว่ามนุษย์จะสามารถกลับใจได้อย่างแท้จริง และพระองค์ทรงหวังโดยแท้ว่าจะมองเห็นการกลับใจที่แท้จริงของมนุษย์ ซึ่งในกรณีนั้น พระองค์ก็จะประทานความปรานีและการทนยอมรับให้กับมนุษย์อย่างโอบอ้อมอารีต่อไป นี่จึงกล่าวได้ว่าการประพฤติชั่วของมนุษย์ก่อให้เกิดพระพิโรธของพระเจ้า ในขณะที่ความปรานีและการทนยอมรับของพระเจ้าถูกประทานให้กับผู้ที่ฟังพระเจ้าและกลับใจเฉพาะพระพักตร์พระองค์อย่างแท้จริง ให้กับผู้ที่สามารถหันกลับจากการประพฤติชั่วของพวกเขาและเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำ ท่าทีของพระเจ้าได้รับการเผยอย่างชัดเจนมากในการปฏิบัติต่อชาวนีนะเวห์ของพระองค์ กล่าวคือ ความปรานีและการทนยอมรับของพระเจ้าไม่ได้ยากที่จะได้รับมาเลย และสิ่งที่พระองค์ทรงพึงประสงค์คือการกลับใจที่แท้จริงของคนเรา ตราบเท่าที่ผู้คนหันกลับจากการประพฤติชั่วของพวกเขาและเลิกการทารุณซึ่งมือพวกเขาทำ พระเจ้าจะเปลี่ยนพระทัยของพระองค์และท่าทีที่พระองค์ทรงมีต่อพวกเขา

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 2

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger