พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 108

วันที่ 23 เดือน 05 ปี 2021

พระพิโรธของพระเจ้าคือการพิทักษ์กำลังบังคับแห่งความยุติธรรมทั้งหมดและสิ่งที่เป็นบวกทั้งหมด

ความไม่ยอมผ่อนปรนต่อการถูกล่วงเกินของพระเจ้าคือเนื้อแท้ที่เป็นเอกลักษณ์ของพระองค์ พระพิโรธของพระเจ้าคือพระอุปนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ของพระองค์ พระบารมีของพระเจ้าคือเนื้อแท้ที่เป็นเอกลักษณ์ของพระองค์ หลักธรรมเบื้องหลังพระโทสะของพระเจ้าคือการแสดงให้เห็นถึงพระอัตลักษณ์และสถานะของพระองค์ที่มีพระองค์ทรงเป็นผู้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าหลักธรรมนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของเนื้อแท้ของพระเจ้าผู้ทรงเอกลักษณ์พระองค์เองอีกด้วย พระอุปนิสัยของพระเจ้าคือเนื้อแท้ประจำพระองค์ของพระองค์เอง ซึ่งไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงจากการเปลี่ยนผันของเวลาเลย อีกทั้งไม่ได้รับการปรับเปลี่ยนจากการเปลี่ยนแปลงของสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ พระอุปนิสัยประจำพระองค์ของพระองค์คือเนื้อแท้ภายในของพระองค์ ไม่ว่าพระองค์ทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์กับผู้ใด เนื้อแท้ของพระองค์จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง และพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เมื่อมีผู้ทำให้พระเจ้ากริ้ว สิ่งที่พระเจ้าทรงส่งออกไปคือพระอุปนิสัยประจำพระองค์ ในขณะนี้หลักธรรมที่อยู่เบื้องหลังพระโทสะของพระองค์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งพระอัตลักษณ์และสถานะที่เป็นเอกลักษณ์ของพระองค์ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้วย พระองค์ไม่ได้ทรงเกิดพระโทสะเพราะการเปลี่ยนแปลงในเนื้อแท้ของพระองค์ หรือเพราะมีองค์ประกอบที่แตกต่างเกิดขึ้นจากพระอุปนิสัยของพระองค์ แต่เพราะการต่อต้านพระองค์ของมนุษย์ได้ล่วงเกินพระอุปนิสัยของพระองค์ การยั่วยุพระเจ้าอย่างเห็นได้ชัดของมนุษย์คือการท้าทายพระอัตลักษณ์และสถานะของพระเจ้าเองอันร้ายแรง ในทรรศนะของพระเจ้า เมื่อมนุษย์ท้าทายพระองค์ มนุษย์ก็กำลังแข่งขันกับพระองค์และทดสอบพระโทสะของพระองค์ เมื่อมนุษย์ต่อต้านพระเจ้า เมื่อมนุษย์แข่งขันกับพระเจ้า เมื่อมนุษย์ทดสอบพระโทสะของพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง—และช่วงเวลาเช่นนั้นคือเวลาที่บาปไร้การควบคุม—พระพิโรธของพระเจ้าจะเผยและแสดงตัวออกมาโดยธรรมชาติ ดังนั้น การแสดงออกของพระเจ้าถึงพระพิโรธของพระองค์จึงเป็นสัญลักษณ์ว่ากำลังบังคับแห่งความชั่วทั้งหมดจะไม่มีอยู่อีกต่อไป และเป็นสัญลักษณ์ว่ากำลังบังคับที่เป็นปรปักษ์ทั้งหมดจะถูกทำลาย นี่คือความเป็นเอกลักษณ์ของพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้า และของพระพิโรธของพระเจ้า เมื่อความทรงเกียรติและความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าถูกท้าทาย เมื่อกำลังบังคับแห่งความยุติธรรมถูกขัดขวางและมนุษย์มองไม่เห็น เมื่อนั้นพระเจ้าจะส่งพระพิโรธของพระองค์ออกไป เพราะเนื้อแท้ของพระเจ้า กำลังบังคับทั้งหมดเหล่านั้นบนแผ่นดินโลกที่แข่งขันกับพระเจ้า ต่อต้านพระองค์ และต่อสู้กับพระองค์จึงชั่ว เสื่อมทราม และไม่ยุติธรรม สิ่งเหล่านี้มาจากซาตานและเป็นของซาตาน เพราะพระเจ้าทรงยุติธรรมและทรงมีความสว่างและความบริสุทธิ์อันไร้ที่ติ ดังนั้นทุกสิ่งที่ชั่ว เสื่อมทราม และเป็นของซาตานจะหายไปเมื่อพระพิโรธของพระเจ้าถูกปล่อยออกมา

ถึงแม้ว่าการแสดงพระพิโรธของพระเจ้าโดยทันทีจะเป็นแง่มุมหนึ่งของการแสดงออกถึงพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ แต่ในแง่ของเป้าหมายแล้ว พระโทสะของพระเจ้าไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด อีกทั้งไม่ได้ปราศจากหลักธรรม ในทางตรงกันข้าม พระเจ้าไม่ได้ด่วนกริ้วเลย อีกทั้งพระองค์ไม่ทรงเผยพระพิโรธและพระบารมีของพระองค์อย่างไม่ใส่พระทัย ยิ่งไปกว่านั้น พระพิโรธของพระเจ้าอยู่ภายใต้การควบคุมและได้รับการไตร่ตรองอย่างรอบคอบอย่างยิ่ง พระพิโรธของพระองค์เทียบไม่ได้กับการที่มนุษย์เกิดความเดือดดาลหรือระบายความโกรธของตัวเองแบบเป็นนิสัยเลย การสนทนามากมายระหว่างมนุษย์และพระเจ้าถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ คำพูดของผู้คนบางคนที่เกี่ยวข้องกับการสนทนาเหล่านั้นตื้นเขิน ไม่รู้เท่าทัน และเหมือนเด็กทารก แต่พระเจ้าไม่ได้ทรงบดขยี้พวกเขา อีกทั้งพระองค์ไม่ได้ทรงกล่าวโทษพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างการทดสอบของโยบ พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงปฏิบัติต่อเพื่อนสามคนของโยบและคนอื่นๆ อย่างไรหลังจากที่พระองค์ทรงได้ยินคำพูดที่พวกเขาพูดกับโยบ? พระองค์ทรงกล่าวโทษพวกเขาหรือไม่? พระองค์ทรงเดือดดาลกับพวกเขาหรือไม่? พระองค์ไม่ได้ทรงทำอะไรเช่นนั้น! แต่พระองค์กลับทรงบอกโยบให้วอนขอในนามของพวกเขาและอธิษฐานเพื่อพวกเขาแทน และพระเจ้าพระองค์เองไม่ทรงเก็บเอาความผิดพลาดของพวกเขาไปใส่พระทัย เหตุการณ์เหล่านี้ทั้งหมดแสดงถึงท่าทีที่สำคัญที่สุดที่พระเจ้าทรงใช้ปฏิบัติต่อมนุษยชาติที่เสื่อมทรามและไม่รู้เท่าทันอย่างที่มนุษย์เป็น ดังนั้น การปลดปล่อยพระพิโรธของพระเจ้าไม่ได้เป็นการแสดงออกถึงอารมณ์ของพระองค์แต่อย่างใด อีกทั้งไม่ใช่วิธีที่พระองค์ทรงใช้ระบายความรู้สึกของพระองค์ พระพิโรธของพระเจ้าไม่ใช่การระเบิดความเดือดดาลออกอย่างหมดสิ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับความเข้าใจผิดของมนุษย์ พระเจ้าไม่ทรงปลดปล่อยพระพิโรธของพระองค์เนื่องเพราะพระองค์ไม่ทรงสามารถควบคุมอารมณ์ของพระองค์เองได้ หรือเพราะพระโทสะของพระองค์ได้มาถึงจุดเดือดและต้องมีการระบายออก ในทางตรงกันข้าม พระพิโรธของพระองค์คือการเผยให้เห็นและการแสดงออกอย่างจริงแท้ถึงพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระองค์ และเป็นการเผยในเชิงสัญลักษณ์ถึงเนื้อแท้ที่บริสุทธิ์ของพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นความพิโรธ และพระองค์ไม่ทรงทนยอมรับการล่วงเกิน—นี่ไม่ใช่การกล่าวว่าพระโทสะของพระเจ้าไม่แยกแยะสาเหตุหรือไม่มีหลักการ มนุษยชาติที่เสื่อมทรามนั่นเองที่ถือสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการระเบิดความเดือดดาลอย่างไร้หลักการตามอำเภอใจ ซึ่งเป็นความเดือดดาลประเภทที่ไม่แยกแยะสาเหตุ ทันทีที่มนุษย์มีสถานะ เขามักจะพบว่าการควบคุมอารมณ์ของเขาเป็นเรื่องยาก และดังนั้นเขาจะสุขสำราญกับการฉวยโอกาสที่จะแสดงความไม่พอใจและระบายอารมณ์ของเขา เขามักจะเกิดความเดือดดาลโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนเพื่อเผยความสามารถของเขา และให้คนอื่นรู้ว่าสถานะและอัตลักษณ์ของเขาแตกต่างจากสถานะและอัตลักษณ์ของผู้คนธรรมดา แน่นอนว่าผู้คนที่เสื่อมทรามที่ปราศจากสถานะใดๆ ก็มักจะสูญเสียการควบคุมด้วยเช่นกัน บ่อยครั้งที่ความโกรธของพวกเขาเกิดจากความเสียหายต่อผลประโยชน์ส่วนตัวของพวกเขา มวลมนุษย์ที่เสื่อมทรามจะระบายอารมณ์ของพวกเขาและเผยธรรมชาติที่โอหังของพวกเขาบ่อยครั้งเพื่อปกป้องสถานะและความมีเกียรติของพวกเขาเอง มนุษย์จะบันดาลโทสะและระบายอารมณ์ของตนเพื่อปกป้องและสนับสนุนการมีอยู่ของบาป และการกระทำเหล่านี้คือวิธีที่มนุษย์ใช้แสดงความไม่พอใจของเขา พวกเขาเต็มไปด้วยความไม่บริสุทธิ์ เต็มไปด้วยกลอุบายและเล่ห์กล เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามและความชั่วของมนุษย์ และเหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาเต็มไปด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูงและความอยากที่บ้าคลั่งของมนุษย์ เมื่อความยุติธรรมปะทะกับความชั่วร้าย ความโกรธของมนุษย์จะไม่ปะทุขึ้นเพื่อปกป้องการมีอยู่ของความยุติธรรมหรือสนับสนุนความยุติธรรม ในทางตรงกันข้าม เมื่อกำลังบังคับแห่งความยุติธรรมถูกคุกคาม ถูกข่มเหง และถูกโจมตี ท่าทีที่มนุษย์มีคือท่าทีที่เมินเฉย หลบเลี่ยง หรือถอยหนี อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับกำลังบังคับแห่งความชั่ว ท่าทีที่มนุษย์มีคือท่าทีของการโอนอ่อนผ่อนตาม ว่าง่ายและยอมรับใช้ ดังนั้น การระบายอารมณ์ของมนุษย์จึงเป็นทางหนีสำหรับกำลังบังคับแห่งความชั่ว ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการประพฤติชั่วที่ไร้การควบคุมและหยุดไม่ได้ของมนุษย์ที่มีเนื้อหนัง อย่างไรก็ตาม เมื่อพระเจ้าส่งพระพิโรธของพระองค์ออกไป กำลังบังคับแห่งความชั่วทั้งหมดจะถูกหยุด บาปทั้งหมดที่ทำร้ายมนุษย์จะถูกระงับ กำลังบังคับที่เป็นปรปักษ์ทั้งหมดที่ขัดขวางพระราชกิจของพระเจ้าจะถูกทำให้เห็นชัดเจน ถูกแยกออกมาต่างหาก และถูกสาปแช่ง ในขณะที่ผู้สมรู้ร่วมคิดของซาตานทั้งหมดที่ต่อต้านพระเจ้าจะถูกลงโทษและถอนรากถอนโคน แทนที่สิ่งเหล่านั้น พระราชกิจของพระเจ้าจะดำเนินไปโดยปราศจากอุปสรรคใดๆ แผนการบริหารจัดการของพระเจ้าจะพัฒนาต่อไปทีละขั้นตามกำหนดการ และประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรรจะปราศจากการรบกวนและการหลอกลวงของซาตาน ในขณะที่บรรดาผู้ที่ติดตามพระเจ้าจะชื่นชมการเป็นผู้นำและการจัดเตรียมของพระเจ้าท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่สงบเงียบและสงบสุข พระพิโรธของพระเจ้าคือการพิทักษ์ที่ป้องกันกำลังบังคับแห่งความชั่วทั้งหมดไม่ให้ทวีคูณและไร้การควบคุม และยังเป็นการพิทักษ์ที่ปกป้องการมีอยู่และการแพร่พันธุ์ของทุกสรรพสิ่งที่ยุติธรรมและเป็นบวก และคุ้มกันสิ่งเหล่านั้นจากการปราบปรามและการบ่อนทำลายชั่วนิรันดร์

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 2

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger