พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 92

วันที่ 09 เดือน 11 ปี 2023

พระพรของพระเจ้า

ปฐมกาล 17:4-6 นี่คือพันธสัญญาของเรากับเจ้า เจ้าจะเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย ชื่อของเจ้าจะไม่ใช่อับรามอีกต่อไป เจ้าจะมีชื่อใหม่คืออับราฮัม เพราะเราให้เจ้าเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย เราจะทำให้เจ้ามีพงศ์พันธุ์มากมายยิ่ง เราจะทำให้เจ้าเป็นชนหลายชาติ และกษัตริย์หลายองค์จะเกิดมาจากเจ้า

ปฐมกาล 18:18-19 แน่ทีเดียวอับราฮัมจะเป็นประชาชาติใหญ่โตและมีกำลังมาก และประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้รับพรก็เพราะเขา เพราะเราเลือกเขาแล้ว เพื่อเขาจะได้กำชับลูกหลาน และครอบครัวที่สืบต่อมาของเขา ให้รักษาพระมรรคาของพระยาห์เวห์ ให้ทำความชอบธรรมและความยุติธรรม เพื่อพระยาห์เวห์จะประทานแก่อับราฮัม ตามที่พระองค์ตรัสไว้แก่เขา

ปฐมกาล 22:16-18 พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราเองปฏิญาณว่า เพราะเจ้าทำอย่างนี้และไม่ได้หวงบุตรชายของเจ้า คือบุตรชายคนเดียวของเจ้า ดังนั้นเราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้ประตูเมืองศัตรูทั้งหลายของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ ประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า เพราะว่าเจ้าเชื่อฟังเรา

โยบ 42:12 และพระยาห์เวห์ทรงอวยพรชีวิตตอนปลายของโยบมากยิ่งกว่าตอนต้นของท่าน และท่านมีแกะ 14,000 ตัว อูฐ 6,000 ตัว วัวผู้ 1,000 คู่ และลาตัวเมีย 1,000 ตัว

ลักษณะและคุณลักษณะเฉพาะอันทรงเอกลักษณ์ของถ้อยดำรัสของพระผู้สร้าง เป็นสัญลักษณ์ของพระอัตลักษณ์และสิทธิอำนาจอันทรงเอกลักษณ์ของพระผู้สร้าง (บทตอนที่คัดมา)

มีมากมายที่ปรารถนาจะแสวงหาและได้รับพระพรของพระเจ้า แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถได้รับพระพรเหล่านี้ได้ เพราะพระเจ้าทรงมีหลักธรรมของพระองค์เอง และทรงอวยพรให้มนุษย์ในหนทางของพระองค์เอง พระสัญญาที่พระเจ้าทรงทำต่อมนุษย์ และปริมาณพระคุณที่พระองค์ประทานแก่มนุษย์ได้รับการจัดสรรไปตามความคิดและการกระทำของมนุษย์ ดังนั้น พระพรของพระเจ้าแสดงให้เห็นถึงสิ่งใด? ผู้คนสามารถมองเห็นสิ่งใดหรือ ภายในพระพรเหล่านั้น? ณ จุดนี้ พวกเรามาพักการเสวนาเกี่ยวกับเรื่องผู้คนประเภทใดที่พระเจ้าจะทรงอวยพร และหลักธรรมในการอวยพรมนุษย์ของพระเจ้าเอาไว้ก่อน แล้วขอให้พวกเรามาดูการอวยพรของพระเจ้าแก่มนุษย์ด้วยวัตถุประสงค์ในการรู้จักสิทธิอำนาจของพระเจ้า จากมุมมองของการรู้จักสิทธิอำนาจของพระเจ้าแทนกันเถิด

สี่บทตอนของบทคัมภีร์ข้างต้นล้วนเป็นบันทึกเกี่ยวกับการอวยพรมนุษย์ของพระเจ้า คัมภีร์เหล่านั้นจัดเตรียมการพรรณนาที่ละเอียดเกี่ยวกับผู้รับพระพรของพระเจ้า อาทิ อับราฮัมและโยบ ตลอดจนเกี่ยวกับเหตุผลที่ว่า เหตุใดพระเจ้าจึงได้ประทานพระพรของพระองค์ และเกี่ยวกับว่าสิ่งใดที่บรรจุอยู่ภายในพระพรเหล่านี้ พระกระแสเสียงและลักษณะของถ้อยดำรัสของพระเจ้า และมุมมองและตำแหน่งที่พระองค์ได้ตรัส เปิดโอกาสให้ผู้คนได้ซาบซึ้งว่า องค์หนึ่งเดียวผู้ซึ่งประทานพระพรและผู้รับพระพรดังกล่าวนั้น มีอัตลักษณ์ สถานะ และแก่นแท้ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด พระกระแสเสียงและลักษณะของถ้อยดำรัสเหล่านี้ และตำแหน่งที่ถ้อยดำรัสเหล่านี้ถูกตรัสออกมา มีเอกลักษณ์เฉพาะของพระเจ้า ผู้ทรงครองพระอัตลักษณ์ของพระผู้สร้าง พระองค์ทรงมีสิทธิอำนาจและพระอิทธิฤทธิ์ ตลอดจนพระเกียรติของพระผู้สร้าง และพระบารมีที่ไม่ยอมทนต่อความกังขาจากมนุษย์คนใดเลย

ก่อนอื่น พวกเรามาดูปฐมกาล 17:4-6 กันเถิด ความว่า "นี่คือพันธสัญญาของเรากับเจ้า เจ้าจะเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย ชื่อของเจ้าจะไม่ใช่อับรามอีกต่อไป เจ้าจะมีชื่อใหม่คืออับราฮัม เพราะเราให้เจ้าเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย เราจะทำให้เจ้ามีพงศ์พันธุ์มากมายยิ่ง เราจะทำให้เจ้าเป็นชนหลายชาติ และกษัตริย์หลายองค์จะเกิดมาจากเจ้า" พระวจนะเหล่านี้คือพันธสัญญาที่พระเจ้าได้ทรงตั้งไว้กับอับราฮัม ตลอดจนเป็นการอวยพรของพระเจ้าที่มีต่ออับราฮัมว่า พระเจ้าจะทรงทำให้อับราฮัมเป็นบิดาของประชาชาติ จะทรงทำให้เขามีพงศ์พันธุ์อย่างมากมายยิ่ง และจะทรงทำให้เขาเป็นชนหลายชาติ และกษัตริย์หลายองค์จะเกิดมาจากเขา เจ้าเห็นสิทธิอำนาจของพระเจ้าในพระวจนะเหล่านี้หรือไม่? เจ้าเห็นว่าสิทธิอำนาจเช่นนั้นเป็นอย่างไร? เจ้ามองเห็นแก่นแท้แห่งสิทธิอำนาจของพระเจ้าในแง่มุมใด? จากการอ่านพระวจนะเหล่านี้อย่างใกล้ชิด ย่อมไม่ยากเลยที่จะค้นพบว่า สิทธิอำนาจและพระอัตลักษณ์ของพระเจ้าได้ถูกเปิดเผยอย่างชัดเจนในรูปแบบการใช้คำของถ้อยดำรัสของพระเจ้า ยกตัวอย่างเช่น เมื่อพระเจ้าตรัสว่า "นี่คือพันธสัญญาของเรากับเจ้า เจ้าจะ…เราให้เจ้าเป็น…เราจะทำให้เจ้า…" วลีอย่างเช่น "เจ้าจะ" และ "เราจะ" ซึ่งเป็นรูปแบบการใช้คำยืนยันของพระองค์ที่มีพระอัตลักษณ์และสิทธิอำนาจของพระเจ้าอยู่นั้น ในแง่มุมหนึ่งก็เป็นการบ่งชี้ถึงความสัตย์ซื่อของพระผู้สร้าง และในอีกแง่มุมหนึ่งนั้น คำเหล่านี้เป็นคำพิเศษที่ใช้โดยพระเจ้า ผู้ทรงครองพระอัตลักษณ์ของพระผู้สร้าง—เช่นเดียวกับที่เป็นส่วนหนึ่งของคำศัพท์ทั่วไป หากใครบางคนกล่าวว่า พวกเขาหวังจะให้อีกบุคคลหนึ่งมีพงศ์พันธุ์อย่างมากมายยิ่ง จะให้ประชาชาติมาจากพวกเขา และจะให้กษัตริย์เกิดจากพวกเขา เช่นนั้นแล้ว ก็ไม่ต้องกังขาเลยว่านั่นคือความปรารถนาประเภทหนึ่ง ไม่ใช่สัญญาหรือพร ดังนั้น ผู้คนจึงไม่กล้าพูดว่า "เราจะทำให้เจ้าเป็นเช่นนั้นและเช่นนี้ เจ้าจะเป็นเช่นนั้นและเช่นนี้…" เพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่มีพลังอำนาจเช่นนั้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขา และต่อให้พวกเขากล่าวสิ่งทั้งหลายเช่นนั้น คำพูดของพวกเขาก็คงจะเป็นความเหลวไหลว่างเปล่าที่ถูกขับเคลื่อนโดยความอยากและความทะเยอทะยานของพวกเขา มีใครบ้างเล่าที่กล้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ใหญ่โตเช่นนั้น หากพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถทำความปรารถนาของพวกเขาให้สำเร็จลุล่วงได้? ทุกคนปรารถนาดีต่อพงศ์พันธุ์ของตนเอง และหวังว่าพวกเขาจะเป็นเลิศและชื่นชมกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ "มันจะเป็นโชคลาภยิ่งใหญ่กระไรเช่นนั้น สำหรับการที่หนึ่งในพวกเขาจะกลายเป็นจักรพรรดิ! หากคนเราจะได้เป็นเจ้าเมืองนั่นก็คงจะดีเช่นกัน—ตราบเท่าที่พวกเขาเป็นใครบางคนที่สำคัญก็เท่านั้นเอง!" เหล่านี้คือ ความปรารถนาของผู้คนทุกคน แต่ผู้คนก็ทำได้เพียงปรารถนาพระพรสำหรับพงศ์พันธุ์ของพวกเขาเท่านั้น และไม่สามารถทำให้สัญญาอันใดของพวกเขาลุล่วงหรือกลายเป็นจริงขึ้นมาได้ ทุกคนรู้อย่างชัดเจนในหัวใจของพวกเขาว่า พวกเขาไม่ครองพลังอำนาจที่จะสัมฤทธิ์สิ่งทั้งหลายเช่นนั้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขานั้นอยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขา และดังนั้นแล้วพวกเขาจะสามารถบัญชาชะตากรรมของผู้อื่นได้อย่างไรกัน? เหตุผลที่พระเจ้าทรงสามารถตรัสพระวจนะเช่นพระวจนะเหล่านี้ได้นั้น ก็เป็นเพราะว่าพระเจ้าทรงครองสิทธิอำนาจเช่นนั้น และทรงสามารถทำให้พระสัญญาทั้งหมดที่พระองค์ทรงทำกับมนุษย์นั้นสำเร็จลุล่วงและเป็นจริงได้ และทรงสามารถทำให้พระพรทั้งหมดที่พระองค์ประทานแก่มนุษย์กลายเป็นจริงได้ มนุษย์ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า และสำหรับการที่พระเจ้าจะทรงทำให้ใครสักคนมีพงศ์พันธุ์อย่างมากมายยิ่งนั้นก็คงจะง่ายราวกับการละเล่นของเด็ก กล่าวคือ การที่จะทรงทำให้พงศ์พันธุ์ของใครสักคนมีความจำเริญนั้นพึงจะต้องมีแต่เพียงพระวจนะหนึ่งจากพระองค์เท่านั้น พระองค์คงไม่มีวันที่ทรงจำเป็นต้องให้พระองค์เองทรงพระราชกิจจนพระเสโทหลั่งเพื่อสิ่งหนึ่งเช่นนั้น หรือทรงต้องยุ่งยากพระหฤทัย หรือทรงต้องเอาพระองค์เองไปผูกไว้กับมัน นี่คือฤทธานุภาพอย่างยิ่งของพระเจ้า สิทธิอำนาจอย่างยิ่งของพระเจ้า

หลังจากได้อ่านในปฐมกาล 18:18 ที่มีความว่า "แน่ทีเดียวอับราฮัมจะเป็นประชาชาติใหญ่โตและมีกำลังมาก และประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้รับพรก็เพราะเขา" แล้วนั้น พวกเจ้าสามารถรู้สึกได้หรือไม่ ถึงสิทธิอำนาจของพระเจ้า? พวกเจ้าสามารถสำนึกรับรู้ได้หรือไม่ ถึงความเหนือธรรมดาของพระผู้สร้าง? พระวจนะของพระเจ้านั้นแน่นอน พระเจ้าตรัสพระวจนะเช่นนั้นมิใช่เพราะความมั่นใจในความสำเร็จของพระองค์ หรือมิใช่เป็นตัวแทนความมั่นใจในความสำเร็จของพระองค์ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พระวจนะเหล่านั้นกลับเป็นข้อพิสูจน์ถึงสิทธิอำนาจแห่งถ้อยดำรัสของพระเจ้า และเป็นพระบัญญัติที่ทำให้พระวจนะของพระเจ้าลุล่วง มีอยู่สองการแสดงออกในที่นี้ที่พวกเจ้าควรให้ความสนใจ เมื่อพระเจ้าตรัสว่า "แน่ทีเดียวอับราฮัมจะเป็นประชาชาติใหญ่โตและมีกำลังมาก และประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้รับพรก็เพราะเขา" นั้น มีองค์ประกอบใดของความกำกวมอยู่ในพระวจนะเหล่านี้หรือไม่? มีองค์ประกอบใดของความกังวลหรือไม่? มีองค์ประกอบใดของความเกรงกลัวหรือไม่? เป็นเพราะคำว่า "แน่ทีเดียว" และคำว่า "จะได้" ในถ้อยดำรัสของพระเจ้า องค์ประกอบเหล่านี้ซึ่งเป็นองค์ประกอบเฉพาะของมนุษย์และแสดงออกบ่อยครั้งในตัวเขานั้น จึงไม่เคยมีความสัมพันธ์อันใดกับพระผู้สร้างเลย คงจะไม่มีผู้ใดกล้าใช้คำพูดเช่นนั้นเมื่อปรารถนาให้ผู้อื่นได้ดี คงจะไม่มีผู้ใดกล้าอวยพรผู้อื่นด้วยความแน่นอนเช่นนั้นที่จะให้พวกเขามีชนชาติที่ยิ่งใหญ่และทรงพละกำลัง หรือสัญญาว่าประชาชาติทั้งปวงบนแผ่นดินโลกจะได้รับการอวยพรก็เพราะเขา ยิ่งพระวจนะของพระเจ้าแน่นอนมากขึ้นเท่าใด พระวจนะเหล่านั้นก็ยิ่งพิสูจน์บางอย่างมากขึ้นเท่านั้น—แล้วบางอย่างนั้นคือสิ่งใดเล่า? พระวจนะเหล่านั้นพิสูจน์ว่าพระเจ้ามีสิทธิอำนาจเช่นนั้น ว่าสิทธิอำนาจของพระองค์สามารถทำให้สิ่งเหล่านี้สำเร็จลุล่วงได้ และว่าความสำเร็จลุล่วงของสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ พระเจ้าทรงมีความแน่นอนในพระทัยของพระองค์โดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่นิดเดียวในทั้งหมดที่พระองค์ได้ทรงอวยพรอับราฮัม ยิ่งไปกว่านั้น ความครบถ้วนบริบูรณ์ของการนี้ย่อมจะสำเร็จลุล่วงไปโดยสอดคล้องกับพระวจนะของพระองค์ และไม่มีกำลังบังคับใดที่จะสามารถปรับเปลี่ยน เป็นอุปสรรค ลดคุณค่า หรือรบกวนการลุล่วงของมันได้ ไม่ว่าสิ่งอื่นใดจะได้เกิดขึ้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถเพิกถอนหรือมีอิทธิพลเหนือการทำให้ลุล่วงและความสำเร็จลุล่วงของพระวจนะของพระเจ้าได้ นี่คือพระอิทธิฤทธิ์อย่างยิ่งของพระวจนะที่ดำรัสจากพระโอษฐ์ของพระผู้สร้าง และสิทธิอำนาจของพระผู้สร้างซึ่งไม่ยอมทนการปฏิเสธของมนุษย์! เมื่อได้อ่านพระวจนะเหล่านี้แล้ว เจ้ายังรู้สึกกังขาอยู่หรือไม่? พระวจนะเหล่านี้ได้ตรัสจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า และมีฤทธานุภาพ พระบารมี และสิทธิอำนาจในพระวจนะของพระเจ้า พระอิทธิฤทธิ์และสิทธิอำนาจเช่นนั้น และความหลีกเลี่ยงไม่ได้ของความสำเร็จลุล่วงของข้อเท็จจริงนั้น ไม่สามารถบรรลุได้โดยสิ่งมีชีวิตทรงสร้างหรือที่มิได้ทรงสร้างใดๆ และไม่สามารถก้าวล้ำได้โดยสิ่งมีชีวิตทรงสร้างหรือที่มิได้ทรงสร้างใดๆ มีเพียงพระผู้สร้างเท่านั้นที่ทรงสามารถสนทนากับมวลมนุษย์ด้วยพระกระแสเสียงและทำนองเสียงเช่นนั้น และข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่า พระสัญญาของพระองค์มิใช่คำพูดที่ว่างเปล่า หรือคำอวดตัวที่ไร้ผล แต่เป็นการแสดงออกถึงสิทธิอำนาจอันทรงเอกลักษณ์ที่ไม่สามารถก้าวล้ำได้โดยบุคคล เหตุการณ์ หรือสิ่งอันใด

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 1

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger