พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 69

วันที่ 22 เดือน 02 ปี 2024

เจ้าสามารถมองเห็นอีกแง่มุมหนึ่งของสิ่งที่พระเจ้าทรงมีและทรงเป็นได้ในขอบเขตของพระราชกิจที่องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ในยุคพระคุณ แง่มุมนี้ได้รับการแสดงออกโดยผ่านทางเนื้อหนังของพระองค์ และผู้คนสามารถมองเห็นและซึ้งคุณค่าในแง่มุมนี้เพราะสภาวะความเป็นมนุษย์ของพระองค์ ผู้คนมองเห็นในบุตรมนุษย์ว่าพระเจ้าในเนื้อหนังดำรงพระชนม์ชีพตามสภาวะความเป็นมนุษย์ของพระองค์อย่างไร และพวกเขามองเห็นเทวสภาพของพระองค์ซึ่งแสดงออกโดยผ่านทางเนื้อหนังนั้น การแสดงออกสองประเภทนี้ทำให้ผู้คนสามารถมองเห็นพระเจ้าจริงๆ และทำให้ผู้คนสามารถสร้างมโนคติที่แตกต่างเกี่ยวกับพระเจ้า อย่างไรก็ตาม ในระหว่างช่วงเวลาระหว่างการทรงสร้างโลกและการสิ้นสุดยุคธรรมบัญญัติ นั่นคือ ก่อนยุคพระคุณ แง่มุมเดียวเกี่ยวกับพระเจ้าที่ผู้คนมองเห็น ได้ยิน และได้รับประสบการณ์นั้นมีเพียงเทวสภาพของพระเจ้า สิ่งต่างๆ ที่พระเจ้าทรงทำและตรัสในอาณาจักรที่ไม่ใช่ทางวัตถุ และสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ทรงแสดงออกจากตัวตนจริงของพระองค์ที่ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ สิ่งเหล่านี้มักทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพระเจ้าทรงสูงส่งในความยิ่งใหญ่ของพระองค์จนพวกเขาไม่อาจเข้าใกล้พระองค์ได้ โดยปกติแล้ว ความประทับใจที่พระเจ้าทรงทำให้เกิดกับผู้คนคือ การที่พระเจ้าทรงปรากฏวาบเข้ามาแล้วก็ออกไปจากความสามารถในการล่วงรู้ของพวกเขา และผู้คนรู้สึกกระทั่งว่าทุกๆ พระดำริและแนวความคิดของพระองค์ช่างลึกลับและยากจะอธิบายจนไม่มีวิธีที่จะเอื้อมถึงสิ่งเหล่านั้น แล้วนับประสาอะไรกับการพยายามที่จะเข้าใจและซึ้งคุณค่าสิ่งเหล่านั้น สำหรับผู้คนแล้ว ทุกสิ่งเกี่ยวกับพระเจ้าช่างไกลห่างอย่างยิ่ง ช่างไกลห่างจนผู้คนไม่สามารถมองเห็นได้ ไม่สามารถสัมผัสได้ ดูเหมือนว่าพระองค์ประทับอยู่สูงขึ้นไปบนฟ้า และดูเหมือนว่าไม่ทรงดำรงอยู่เลย ดังนั้นสำหรับผู้คนแล้ว การเข้าใจพระทัยและจิตใจของพระเจ้า หรือพระดำริใดๆ ของพระองค์จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจสัมฤทธิ์ผลได้ และอาจถึงขั้นอยู่ไกลเกินที่พวกเขาจะเอื้อมถึง ถึงแม้ว่าพระเจ้าทรงดำเนินพระราชกิจที่เป็นรูปธรรมอยู่บ้างในยุคธรรมบัญญัติ และพระองค์ยังได้ทรงออกพระวจนะที่เฉพาะเจาะจงอยู่บ้างและได้ทรงแสดงออกถึงพระอุปนิสัยที่เฉพาะเจาะจงอยู่บ้างเพื่อให้ผู้คนสามารถซึ้งคุณค่าและล่วงรู้ถึงความรู้อันแท้จริงเกี่ยวกับพระองค์ แต่ในท้ายที่สุด การแสดงออกถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงมีและทรงเป็นเหล่านี้มาจากอาณาจักรที่ไม่ใช่ทางวัตถุ และสิ่งที่ผู้คนเข้าใจ สิ่งที่ผู้คนรู้ยังคงเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็นในแง่มุมที่เป็นเทวสภาพ มวลมนุษย์ไม่สามารถได้รับมโนคติที่เป็นรูปธรรมจากการแสดงออกถึงสิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็นนี้ และความประทับใจที่พวกเขามีเกี่ยวกับพระเจ้ายังคงติดอยู่ภายในขอบเขตของ "กายฝ่ายวิญญาณที่ยากจะเข้าใกล้ ที่ปรากฏวาบเข้ามาแล้วก็ออกไปจากการล่วงรู้" เพราะพระเจ้าไม่ได้ทรงใช้วัตถุที่เฉพาะเจาะจงหรือพระฉายาที่เป็นของอาณาจักรทางวัตถุในการทรงปรากฏต่อหน้าผู้คน พวกเขาจึงยังคงไม่สามารถที่จะนิยามพระองค์โดยใช้ภาษาของมนุษย์ได้ ในหัวใจและจิตใจของผู้คนนั้น พวกเขามักต้องการที่จะใช้ภาษาของพวกเขาเองในการกำหนดมาตรฐานของพระเจ้า ที่จะทำให้พระองค์ทรงเป็นที่จับต้องได้ และที่จะทำให้พระองค์ทรงเป็นมนุษย์เสมอ เช่น พระองค์ทรงสูงเท่าใด พระองค์ทรงมีพระกายใหญ่เพียงใด พระองค์ทรงดูเป็นอย่างไร พระองค์ทรงชอบสิ่งใด และบุคลิกของพระองค์เป็นอย่างไรกันแน่ อันที่จริง ในพระทัยของพระองค์ พระเจ้าทรงรู้ว่าผู้คนกำลังคิดในลักษณะนี้ พระองค์เข้าพระทัยอย่างชัดเจนยิ่งเกี่ยวกับความต้องการของผู้คน และแน่นอนว่าพระองค์ทรงรู้เช่นกันว่าพระองค์ควรทรงทำสิ่งใด ดังนั้น พระองค์จึงทรงดำเนินพระราชกิจของพระองค์ในวิธีที่แตกต่างออกไปในยุคพระคุณ วิธีใหม่นี้เป็นทั้งเทวสภาพและเป็นมนุษย์ ในช่วงเวลาที่องค์พระเยซูเจ้ากำลังทรงพระราชกิจอยู่นั้น ผู้คนสามารถมองเห็นว่าพระเจ้าทรงมีการแสดงออกแบบมนุษย์มากมาย ตัวอย่างเช่น พระองค์ทรงสามารถเต้นรำ พระองค์ทรงสามารถเข้าร่วมงานแต่งงาน พระองค์ทรงสามารถประชาคมกับผู้คน ตรัสกับพวกเขา และหารือสิ่งต่างๆ กับพวกเขา นอกเหนือจากนั้น องค์พระเยซูเจ้ายังได้ทรงทำให้พระราชกิจมากมายที่เป็นสิ่งแทนเทวสภาพของพระองค์ครบบริบูรณ์ด้วย และแน่นอนว่าทั้งหมดของพระราชกิจนี้เป็นการแสดงออกและการเปิดเผยถึงพระอุปนิสัยของพระเจ้า ในช่วงระหว่างเวลานี้ เมื่อเทวสภาพของพระเจ้าได้รับการทำให้เป็นจริงขึ้นในเนื้อหนังธรรมดาในแบบที่ผู้คนสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ พวกเขาก็ไม่รู้สึกอีกต่อไปว่าพระองค์ทรงปรากฏวาบเข้ามาแล้วก็ออกไปจากการล่วงรู้ หรือว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้พระองค์ได้ ในทางตรงกันข้าม พวกเขาสามารถพยายามจับความเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า หรือทำความเข้าใจกับเทวสภาพของพระองค์โดยผ่านทางทุกการเคลื่อนไหว โดยผ่านทางพระวจนะ และโดยผ่านทางพระราชกิจของบุตรมนุษย์ บุตรมนุษย์ที่พระเจ้าทรงจุติมาทรงแสดงถึงเทวสภาพของพระเจ้าโดยผ่านทางสภาวะความเป็นมนุษย์ของพระองค์ และสื่อสารน้ำพระทัยของพระเจ้าต่อมวลมนุษย์ และพระองค์ยังทรงเผยให้ผู้คนเห็นพระเจ้าที่ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ที่ประทับอยู่ในอาณาจักรฝ่ายวิญญาณโดยผ่านทางการแสดงออกของพระองค์ถึงน้ำพระทัยและพระอุปนิสัยของพระเจ้าด้วยเช่นกัน สิ่งที่ผู้คนมองเห็นคือพระเจ้าพระองค์เองในรูปแบบที่จับต้องได้และมาจากเนื้อและเลือด ดังนั้น บุตรมนุษย์ที่พระเจ้าทรงจุติมาทรงทำให้สิ่งต่างๆ ได้เป็นรูปธรรมและเป็นมนุษย์ขึ้น เช่น พระอัตลักษณ์ของพระเจ้าพระองค์เอง สถานะของพระเจ้า พระฉายา พระอุปนิสัย และสิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็น ถึงแม้ว่าการทรงปรากฏภายนอกของบุตรมนุษย์จะมีขีดจำกัดบางอย่างเกี่ยวกับพระฉายาของพระเจ้า แต่เนื้อแท้ของพระองค์และสิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็นทั้งหมดสามารถเป็นสิ่งแทนพระอัตลักษณ์และสถานะของพระเจ้าพระองค์เองได้—มีความแตกต่างอยู่บ้างในรูปของการแสดงออกเท่านั้น พวกเราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าบุตรมนุษย์ได้ทรงเป็นตัวแทนพระอัตลักษณ์และสถานะของพระเจ้าพระองค์เองทั้งในรูปของสภาวะความเป็นมนุษย์ของพระองค์และเทวสภาพของพระองค์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงระหว่างเวลานี้ พระเจ้าได้ทรงพระราชกิจโดยผ่านทางเนื้อหนัง ตรัสจากมุมมองของเนื้อหนัง และทรงยืนต่อหน้ามวลมนุษย์ด้วยพระอัตลักษณ์และสถานะของบุตรมนุษย์ และนี่ทำให้ผู้คนมีโอกาสได้ประสบและรับประสบการณ์กับพระวจนะและพระราชกิจที่แท้จริงของพระเจ้าท่ามกลางมวลมนุษย์ นอกจากนี้ยังให้ผู้คนมีความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับเทวสภาพของพระองค์และความยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่ามกลางความถ่อมพระทัย อีกทั้งได้รับความเข้าใจและการจำกัดความในเบื้องต้นเกี่ยวกับความเป็นของแท้และความเป็นจริงของพระเจ้า ถึงแม้ว่าพระราชกิจที่องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงทำให้ครบบริบูรณ์ วิธีการทรงพระราชกิจของพระองค์ และมุมมองที่พระองค์ตรัสจะแตกต่างจากตัวตนจริงของพระเจ้าในอาณาจักรฝ่ายวิญญาณ แต่ทุกสิ่งเกี่ยวกับพระองค์ก็ได้เป็นสิ่งแทนพระเจ้าพระองค์เองอย่างแท้จริง ผู้ซึ่งมวลมนุษย์ไม่เคยเห็นมาก่อน—นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้! นั่นจึงกล่าวได้ว่าไม่ว่าพระเจ้าทรงปรากฏในรูปร่างใดก็ตาม ไม่ว่าพระองค์ตรัสจากมุมมองใดก็ตาม หรือไม่ว่าพระองค์ทรงเผชิญกับมวลมนุษย์ในพระฉายาใดก็ตาม พระเจ้าไม่ทรงเป็นตัวแทนสิ่งใดเว้นแต่พระองค์เองเท่านั้น พระองค์ไม่ทรงสามารถเป็นตัวแทนมนุษย์คนหนึ่งคนใด หรือมวลมนุษย์ที่เสื่อมทรามคนใด พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เอง และนี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้า พระอุปนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าพระองค์เอง 3

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger