พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 47

วันที่ 13 เดือน 02 ปี 2024

โยบสาปแช่งวันที่เขาเกิดเพราะเขาไม่ต้องการให้พระเจ้าทรงเจ็บปวดเพราะเขา

เราพูดบ่อยครั้งว่าพระเจ้าทรงมองภายในหัวใจของผู้คน ในขณะที่ผู้คนมองที่ภายนอกของผู้คน เนื่องจากพระเจ้าทอดพระเนตรภายในหัวใจของผู้คน พระองค์จึงเข้าพระทัยเนื้อแท้ของพวกเขา ในขณะที่ผู้คนกำหนดนิยามเนื้อแท้ของผู้คนอื่นๆ บนพื้นฐานภายนอกของพวกเขา เมื่อโยบเปิดปากของเขาและสาปแช่งวันที่เขาเกิด การกระทำนี้ได้ทำให้บุคคลสำคัญฝ่ายวิญญาณทั้งหมดประหลาดใจ รวมทั้งเพื่อนสามคนของโยบ มนุษย์มาจากพระเจ้า และควรจะขอบคุณสำหรับชีวิตและเนื้อหนัง ตลอดจนวันที่เขาเกิด ซึ่งพระเจ้าได้ประทานให้แก่เขา และเขาไม่ควรสาปแช่งสิ่งเหล่านั้น นี่คือบางสิ่งบางอย่างที่ผู้คนธรรมดาสามารถเข้าใจและคิดฝันได้ สำหรับใครก็ตามที่ติดตามพระเจ้า การเข้าใจนี้ศักดิ์สิทธิ์และไม่อาจฝ่าฝืนได้ และมันเป็นความจริงที่ไม่มีวันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ในทางกลับกันนั้น โยบได้แหกกฎเหล่านี้ กล่าวคือ เขาได้สาปแช่งวันที่เขาเกิด นี่คือการกระทำที่ผู้คนธรรมดาพิจารณาว่าเป็นการข้ามไปสู่ดินแดนต้องห้าม โยบไม่เพียงแค่ไม่ได้รับความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจของผู้คนเท่านั้น เขายังไม่มีสิทธิได้รับการอภัยโทษของพระเจ้าด้วย ในขณะเดียวกัน ผู้คนมากยิ่งขึ้นด้วยซ้ำที่กลายมาสงสัยต่อความชอบธรรมของโยบ เพราะดูเหมือนว่าความโปรดปรานที่พระเจ้าทรงมีต่อโยบนั้นได้ทำให้โยบเป็นคนเห็นแก่ตัว มันทำให้เขาเหิมเกริมและไม่ยั้งคิดจนกระทั่งเขาไม่เพียงไม่ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงอวยพรเขาและใส่พระทัยเขาในระหว่างชั่วชีวิตของเขาเท่านั้น แต่เขายังประณามสาปแช่งวันที่เขาเกิดให้พบกับความย่อยยับ นี่คืออะไร หากว่าไม่ใช่การต่อต้านพระเจ้า? ความฉาบฉวยเช่นนั้นจัดเตรียมหลักฐานให้ผู้คนกล่าวโทษการกระทำนี้ของโยบ แต่ผู้ใดเล่าสามารถรู้สิ่งที่โยบกำลังคิดอย่างแท้จริง ณ เวลานั้นได้? ผู้ใดเล่าสามารถรู้เหตุผลว่าทำไมโยบจึงได้กระทำในลักษณะนั้น? มีเพียงพระเจ้าและตัวโยบเองเท่านั้นที่รู้เรื่องราวภายในและเหตุผลทั้งหลายในที่นี้

เมื่อซาตานได้ยื่นมือของมันออกไปเพื่อทำความเจ็บปวดให้กระดูกของโยบ โยบก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของมัน โดยไม่มีวิธีที่จะหนีรอดหรือเรี่ยวแรงที่จะต้านทาน ร่างกายและวิญญาณของเขาทนทุกข์กับความเจ็บปวดแสนสาหัส และความเจ็บปวดนี้ทำให้เขาตระหนักรู้อย่างลึกซึ้งถึงความไม่สำคัญ ความอ่อนแอ และความไร้พลังอำนาจของมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ในเนื้อหนัง ในเวลาเดียวกันนั้น เขายังได้รับความซึ้งคุณค่าและความเข้าใจที่ล้ำลึกว่าเหตุใดพระเจ้าจึงทรงมีพระทัยที่ห่วงใยและดูแลมวลมนุษย์อีกด้วย ในเงื้อมมือของซาตาน โยบได้ตระหนักว่ามนุษย์ที่มีเลือดเนื้อนั้นแท้ที่จริงแล้วช่างไร้พลังอำนาจและอ่อนแอยิ่งนัก เมื่อเขาคุกเข่าลงและอธิษฐานต่อพระเจ้า เขารู้สึกราวกับว่าพระเจ้ากำลังทรงปิดบังพระพักตร์ของพระองค์และกำลังทรงซ่อนเร้น เพราะพระเจ้าได้ทรงวางเขาไว้ในมือของซาตานโดยสิ้นเชิง ในเวลาเดียวกันนั้น พระเจ้าก็ทรงกรรแสงเพราะเขา และยิ่งไปกว่านั้น ทรงโทมนัสเพราะเขา พระเจ้าทรงปวดร้าวด้วยความปวดร้าวของเขา และทรงเจ็บด้วยความเจ็บของเขา…โยบรู้สึกถึงความเจ็บปวดของพระเจ้า รวมทั้งมันไม่อาจทนได้เพียงใดสำหรับพระเจ้า…โยบไม่ต้องการที่จะนำความเศร้าโศกมาให้พระเจ้ามากขึ้นไปอีก และเขาไม่ต้องการให้พระเจ้าทรงกรรแสงเพราะเขา นับประสาอะไรที่เขาจะต้องการเห็นพระเจ้าทรงเจ็บปวดเพราะเขา ณ ชั่วขณะนั้น โยบเพียงต้องการที่จะพรากตัวเขาเองไปจากเนื้อหนังของเขา ที่จะไม่ทนฝ่าความเจ็บปวดที่เนื้อหนังนี้นำมาให้เขาอีกต่อไป เพราะนี่คงจะหยุดพระเจ้าจากการทรงทรมานด้วยความเจ็บปวดของเขา—ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถทำได้ และเขาต้องทนยอมรับไม่เพียงแค่ความเจ็บปวดของเนื้อหนังเท่านั้น แต่เป็นความทรมานของการที่ไม่ปรารถนาจะทำให้พระเจ้ากังวลพระทัยด้วย ความเจ็บปวดสองอย่างนี้—หนึ่งจากเนื้อหนัง และหนึ่งจากจิตวิญญาณ—ได้นำความเจ็บปวดจากหัวใจและบีบเค้นข้างในมาสู่โยบ และทำให้เขารู้สึกว่าขีดจำกัดของมนุษย์ผู้ซึ่งมีเลือดเนื้อสามารถทำให้คนเรารู้สึกผิดหวังและหมดหนทางเพียงใด ภายใต้รูปการณ์แวดล้อมเหล่านี้ ความโหยหาพระเจ้าของเขาเริ่มแรงกล้าขึ้น และความเกลียดชังซาตานของเขาก็ได้กลายมาเป็นหนักแน่นยิ่งขึ้น ในเวลานั้น โยบคงจะเลือกที่จะไม่ได้เกิดมาในโลกมนุษย์มากกว่า อยากที่จะให้เขาไม่มีอยู่มากกว่าเห็นพระเจ้าทรงหลั่งน้ำพระเนตรหรือรู้สึกเจ็บปวดเพื่อเห็นแก่เขา เขาเริ่มเกลียดชังเนื้อหนังของเขาอย่างลึกซึ้ง เริ่มรำคาญและเบื่อหน่ายตัวเขาเอง วันที่เขาเกิด และแม้กระทั่งทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับเขา เขาไม่ปรารถนาให้มีการกล่าวถึงวันที่เขาเกิดหรือสิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวกับมันอีก และดังนั้นเขาจึงได้เปิดปากของเขาและสาปแช่งวันที่เขาเกิดว่า "ขอให้วันที่ข้าเกิดมานั้นพินาศ อีกทั้งคืนที่พูดว่า 'ตั้งครรภ์เด็กชายคนหนึ่งแล้ว' นั้นด้วย ขอให้วันนั้นเป็นความมืด ขอพระเจ้าจากเบื้องบนอย่าเอาพระทัยใส่วันนั้น หรืออย่าให้แสงสว่างส่องในวันนั้น" (โยบ 3:3-4) คำพูดของโยบมีความเกลียดชังตัวเองของเขา "ขอให้วันที่ข้าเกิดมานั้นพินาศ อีกทั้งคืนที่พูดว่า 'ตั้งครรภ์เด็กชายคนหนึ่งแล้ว' นั้นด้วย" รวมทั้งคำตำหนิที่เขารู้สึกต่อตัวเขาเองและสำนึกรับรู้ของเขาเกี่ยวกับการเป็นหนี้ที่ได้ทำให้เกิดความเจ็บปวดแก่พระเจ้า "ขอให้วันนั้นเป็นความมืด ขอพระเจ้าจากเบื้องบนอย่าเอาพระทัยใส่วันนั้น หรืออย่าให้แสงสว่างส่องในวันนั้น" สองบทตอนเหล่านี้คือการแสดงออกมากที่สุดว่าโยบรู้สึกอย่างไรในขณะนั้น และแสดงให้เห็นถึงความเพียบพร้อมและความเที่ยงธรรมของเขาอย่างเต็มที่แก่ทุกคน ในเวลาเดียวกันนั้น ในขณะที่โยบได้ปรารถนา ความเชื่อและการเชื่อฟังพระเจ้าของเขา ตลอดจนความยำเกรงพระเจ้าของเขาก็ได้รับการยกระดับขึ้นอย่างแท้จริง แน่นอนว่าการยกระดับนี้เป็นผลที่พระเจ้าได้ทรงคาดหวังไว้อย่างแม่นยำ

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระราชกิจของพระเจ้า พระอุปนิสัยของพระเจ้า และพระเจ้าพระองค์เอง 2

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger