พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การพิพากษาในยุคสุดท้าย | บทตัดตอน 88

วันที่ 20 เดือน 10 ปี 2020

ในมโนคติอันหลงผิดแบบดั้งเดิมของมนุษย์นั้น เขาเชื่อว่าความรักของพระเจ้าคือพระคุณ ความปรานี และพระกรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อความอ่อนแอของมนุษย์ ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้คือความรักของพระเจ้าด้วยเช่นกัน ทว่าพวกมันเป็นข้างเดียวเกินไป และไม่ใช่วิถีทางขั้นพื้นฐานที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม ผู้คนบางคนเริ่มที่จะเชื่อในพระเจ้าเพราะโรคภัยไข้เจ็บ โรคภัยไข้เจ็บนี้คือพระคุณของพระเจ้าที่ให้แก่เจ้า หากปราศจากมันแล้ว เจ้าก็คงจะไม่เชื่อในพระเจ้า และหากเจ้าไม่เชื่อในพระเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็คงจะไม่ได้มาไกลถึงเพียงนี้—และด้วยเหตุนี้เอง แม้แต่พระคุณนี้ก็เป็นความรักของพระเจ้า ในยุคแห่งการเชื่อในพระเยซู ผู้คนได้ทำหลายอย่างที่พระเจ้าไม่ทรงรัก เพราะพวกเขาไม่เข้าใจความจริง แต่ทว่าพระเจ้าทรงมีความรักและความปรานี และพระองค์ได้ทรงนำมนุษย์มาไกลถึงเพียงนี้ และถึงแม้ว่ามนุษย์จะไม่เข้าใจสิ่งใดเลย พระเจ้าก็ยังคงทรงเปิดโอกาสให้มนุษย์ติดตามพระองค์ และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ได้ทรงนำทางมนุษย์มาจนถึงวันนี้ นี่มิใช่ความรักของพระเจ้าหรอกหรือ? สิ่งที่ถูกสำแดงในพระอุปนิสัยของพระเจ้าคือความรักของพระเจ้า—การนี้ถูกต้องที่สุด! เมื่อการสร้างคริสตจักรได้มาถึงจุดสูงสุดของมันแล้ว พระเจ้าได้ทรงพระราชกิจในขั้นตอนของคนปรนนิบัติ และโยนมนุษย์ลงไปในบาดาลลึก พระวจนะในยุคของคนปรนนิบัติล้วนเป็นคำสาปแช่งทั้งหมด ได้แก่ คำสาปแช่งเนื้อหนังของเจ้า คำสาปแช่งอุปนิสัยเยี่ยงซาตานที่เสื่อมทรามของเจ้า และคำสาปแช่งสิ่งทั้งหลายเกี่ยวกับเจ้าที่ไม่ทำให้สมดังน้ำพระทัยของพระเจ้า พระราชกิจที่พระเจ้าทรงกระทำในขั้นตอนนั้นถูกสำแดงออกมาในฐานะพระบารมี ทันทีหลังจากที่พระเจ้าได้ทรงดำเนินขั้นตอนพระราชกิจแห่งการตีสอน และการทดสอบแห่งความตายก็มาถึง ในพระราชกิจเช่นนั้น มนุษย์ได้เห็นพระพิโรธ พระบารมี การพิพากษา และการตีสอนของพระเจ้า แต่ทว่าเขายังได้เห็นพระสิริของพระเจ้า ความรักของพระองค์ และความปรานีของพระองค์อีกด้วย ทั้งหมดที่พระเจ้าได้ทรงทำ และทั้งหมดที่ได้ถูกสำแดงออกมาเป็นพระอุปนิสัยของพระองค์ ล้วนเป็นความรักต่อมนุษย์ของพระเจ้า และทั้งหมดที่พระเจ้าได้ทรงทำล้วนมีความสามารถที่จะทำให้ความจำเป็นของมนุษย์ลุล่วงได้ พระองค์ทรงทำไปเพื่อที่จะทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม และพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมเพื่อมนุษย์ตามวุฒิภาวะของเขา หากพระเจ้ามิได้ทรงทำการนี้ มนุษย์ก็คงจะไม่สามารถมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้ และคงจะไม่มีหนทางที่จะรู้จักพระพักตร์แท้จริงของพระเจ้าได้ จากเวลาที่มนุษย์ได้เริ่มเชื่อในพระเจ้าเป็นครั้งแรกจนกระทั่งถึงวันนี้ พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมให้แก่มนุษย์โดยสอดคล้องกับวุฒิภาวะของมนุษย์ทีละน้อย เพื่อที่มนุษย์จะได้มารู้จักพระองค์ทีละน้อยภายใน ด้วยการได้มาถึงวันนี้เท่านั้นมนุษย์จึงระลึกได้ว่าการพิพากษาของพระเจ้านั้นน่าอัศจรรย์เพียงใด ขั้นตอนของพระราชกิจแห่งคนปรนนิบัติคือการบังเกิดขึ้นครั้งแรกของพระราชกิจแห่งการสาปแช่งตั้งแต่เวลาแห่งการทรงสร้างจนถึงวันนี้ มนุษย์ถูกสาปแช่งให้ลงไปสู่บาดาลลึก หากพระเจ้ามิได้ทรงทำเช่นนั้น วันนี้มนุษย์ก็คงจะไม่มีความรู้แท้จริงเกี่ยวกับพระเจ้า มีเพียงโดยผ่านทางการสาปแช่งของพระเจ้าเท่านั้นมนุษย์จึงจะเผชิญกับพระอุปนิสัยของพระองค์อย่างเป็นทางการ มนุษย์ถูกเปิดเผยโดยผ่านทางบททดสอบของพวกคนปรนนิบัติ เขามองเห็นว่าความจงรักภักดีของเขาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ ว่าวุฒิภาวะของเขาต่ำเกินไป ว่าเขาไม่มีความสามารถในการทำให้สมดังน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ และว่าคำอ้างของเขาเกี่ยวกับการทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยตลอดเวลานั้นมิใช่สิ่งใดที่มากไปกว่าคำพูด ถึงแม้ว่าพระเจ้าทรงสาปแช่งมนุษย์ในขั้นตอนของพระราชกิจแห่งคนปรนนิบัติ เมื่อมองย้อนกลับไป ณ ตอนนี้ ขั้นตอนนั้นของพระราชกิจของพระเจ้าช่างน่าอัศจรรย์ กล่าวคือ พระราชกิจขั้นตอนนั้นได้นำมาซึ่งจุดเปลี่ยนอันยิ่งใหญ่สำหรับมนุษย์ และได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอุปนิสัยชีวิตของเขา ก่อนหน้าเวลาแห่งคนปรนนิบัตินั้น มนุษย์ไม่มีความเข้าใจใดเลยเกี่ยวกับการไล่ตามเสาะหาชีวิต ไม่เข้าใจว่าการเชื่อในพระเจ้าหมายถึงสิ่งใด หรือไม่เข้าใจเกี่ยวกับพระปรีชาญาณแห่งพระราชกิจของพระเจ้า และเขาไม่เข้าใจว่าพระราชกิจของพระเจ้าสามารถทดสอบมนุษย์ได้ จากเวลาแห่งคนปรนนิบัติตลอดมาจนถึงวันนี้ มนุษย์มองเห็นว่าพระราชกิจของพระเจ้าน่าอัศจรรย์เพียงใด—มันเป็นสิ่งที่มนุษย์มิอาจหยั่งรู้ได้—มนุษย์ไร้ความสามารถที่จะคิดฝันได้ว่าพระเจ้าทรงพระราชกิจโดยการใช้สมองของเขาได้อย่างไร และเขายังมองเห็นว่าวุฒิภาวะของเขาต่ำเพียงใดและเห็นว่าเขานั้นไม่เชื่อฟังมากเกินไป เมื่อพระเจ้าทรงสาปแช่งมนุษย์ ก็เป็นไปเพื่อให้สัมฤทธิ์ประสิทธิผล และพระองค์มิได้ทรงทำให้มนุษย์ถึงแก่ความตาย แม้ว่าพระองค์ได้ทรงสาปแช่งมนุษย์ พระองค์ก็ทรงทำเช่นนั้นโดยผ่านทางพระวจนะ และคำสาปแช่งทั้งหลายของพระองค์มิได้บังเกิดกับมนุษย์อย่างแท้จริง เพราะสิ่งที่พระเจ้าทรงสาปแช่งคือความไม่เชื่อฟังของมนุษย์ และดังนั้น พระวจนะแห่งการสาปแช่งของพระองค์จึงได้ถูกตรัสไปเพื่อที่จะทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อมด้วยเช่นกัน ไม่ว่าพระเจ้าทรงพิพากษามนุษย์หรือทรงสาปแช่งเขา ทั้งสองสิ่งนั้นทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม กล่าวคือ ทั้งสองถูกกระทำไปเพื่อที่จะทำให้สิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ภายในมนุษย์มีความเพียบพร้อม มนุษย์ได้รับการถลุงโดยผ่านทางวิถีทางนี้ และเป็นวิธีซึ่งทำให้สิ่งที่ขาดหายไปภายในมนุษย์มีความเพียบพร้อมโดยผ่านทางพระวจนะและพระราชกิจของพระองค์ พระราชกิจของพระเจ้าทุกขั้นตอน—ไม่ว่าจะเป็นพระวจนะที่เกรี้ยวกราด หรือการพิพากษา หรือการตีสอน—ทำให้มนุษย์มีความเพียบพร้อม และถูกต้องเหมาะสมอย่างแน่นอน ตลอดยุคทั้งหลายพระเจ้ามิเคยได้ทรงพระราชกิจเหมือนเช่นนี้เลย วันนี้ พระองค์ทรงพระราชกิจภายในตัวพวกเจ้า เพื่อที่พวกเจ้าจะซึ้งคุณค่าในพระปรีชาญาณของพระองค์ ถึงแม้ว่าพวกเจ้าได้ทนทุกข์กับความเจ็บปวดบางอย่างภายในตัวพวกเจ้า แต่หัวใจของพวกเจ้ารู้สึกมั่นคงและอยู่อย่างสงบ มันเป็นพรของพวกเจ้าที่มีความสามารถชื่นชมกับพระราชกิจช่วงระยะนี้ของพระเจ้าได้ ไม่ว่าสิ่งที่พวกเจ้ามีความสามารถที่จะได้รับในอนาคตจะเป็นอะไร แต่ทั้งหมดที่พวกเจ้ามองเห็นจากพระราชกิจของพระเจ้าในตัวพวกเจ้าวันนี้คือความรัก หากมนุษย์ไม่ได้รับประสบการณ์กับการพิพากษาและกระบวนการถลุงของพระเจ้า การกระทำทั้งหลายและความเร่าร้อนของเขาก็จะคงอยู่ในระดับผิวเผินตลอดเวลา และอุปนิสัยของเขาก็จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สิ่งนี้นับว่าเป็นการได้ถูกพระเจ้ารับไว้กระนั้นหรือ? วันนี้ ถึงแม้ว่าภายในมนุษย์ยังคงโอหังและทะนงตนอยู่มาก แต่อุปนิสัยของมนุษย์ก็มั่นคงมากกว่าแต่ก่อนมากนัก การจัดการกับเจ้าของพระเจ้ากระทำไปเพื่อที่จะช่วยเจ้าให้รอด และถึงแม้ว่าเจ้าอาจจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดบ้าง ณ เวลานั้น แต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในอุปนิสัยของเจ้าจะมาถึง ณ เวลานั้น เจ้าจะมองกลับไปและเห็นว่าพระราชกิจของพระเจ้าชาญฉลาดเพียงใด และ ณ เวลานั้น เจ้าจะมีความสามารถที่จะเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าได้อย่างแท้จริง วันนี้ มีผู้คนบางคนซึ่งกล่าวว่าพวกเขาเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า แต่นั่นไม่เหมือนจริงมาก แท้ที่จริงแล้ว พวกเขากำลังพูดความเท็จ เพราะในปัจจุบันพวกเขายังไม่เข้าใจว่าน้ำพระทัยของพระเจ้าคือเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดหรือเพื่อสาปแช่งมนุษย์กันแน่ อาจเป็นได้ว่าเจ้าไม่สามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน ณ ตอนนี้ แต่วันนั้นจะมาถึงเมื่อเจ้ามองเห็นว่าวันแห่งการถวายเกียรติของพระเจ้าได้มาถึงแล้ว และเจ้าจะมองเห็นว่าการรักพระเจ้ามีความหมายมากเพียงใด เพื่อที่เจ้าจะมารู้จักชีวิตมนุษย์ และเนื้อหนังของเจ้าจะดำรงชีวิตอยู่ในโลกแห่งการรักพระเจ้า เพื่อที่วิญญาณของเจ้าจะได้เป็นอิสระ ชีวิตของเจ้าจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นบานยินดี และเจ้าจะได้ใกล้ชิดกับพระเจ้าและจับตามองที่พระองค์ ณ เวลานั้น เจ้าจะรู้อย่างแท้จริงว่าพระราชกิจของพระเจ้าวันนี้มีคุณค่าเพียงใด

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าสามารถรู้จักความน่ารักของพระเจ้าได้โดยการรับประสบการณ์กับบททดสอบอันเจ็บปวดเท่านั้น

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger