พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเปิดโปงมโนคติอันหลงผิดทางศาสนา | บทตัดตอน 284

วันที่ 03 เดือน 01 ปี 2021

พระราชกิจของพระเจ้ากำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเสมอ และแม้ว่าเป้าประสงค์ของพระราชกิจของพระองค์ไม่เปลี่ยนแปลง วิธีการซึ่งพระองค์ทรงใช้ในการปฏิบัติพระราชกิจนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหมายความว่าบรรดาผู้ที่ติดตามพระเจ้าก็กำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ยิ่งพระเจ้าทรงปฏิบัติพระราชกิจมากขึ้นเท่าใด ความรู้ของมนุษย์เกี่ยวกับพระเจ้าก็ยิ่งละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงทั้งหลายซึ่งสอดคล้องกันก็เกิดขึ้นในอุปนิสัยของมนุษย์โดยเป็นผลมาจากพระราชกิจของพระเจ้าเช่นกัน อย่างไรก็ดี นั่นเป็นเพราะว่าพระราชกิจของพระเจ้านั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จนบรรดาผู้ที่ไม่รู้จักพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์และบรรดาผู้คนสิ้นคิดซึ่งไม่รู้จักความจริงเริ่มต่อต้านพระเจ้า พระราชกิจของพระเจ้าไม่เคยสอดคล้องกับมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์เลย ด้วยเหตุที่พระราชกิจของพระองค์นั้นใหม่เสมอและไม่เคยเก่า และพระองค์ไม่เคยทรงปฏิบัติพระราชกิจเดิมซ้ำเลย แต่กลับทรงทะยานไปข้างหน้าด้วยพระราชกิจใหม่ซึ่งไม่เคยถูกทำมาก่อน เนื่องจากพระเจ้าไม่ทรงปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ซ้ำ และมนุษย์ตัดสินพระราชกิจปัจจุบันของพระเจ้าอยู่เป็นนิจสินจากพระราชกิจที่พระองค์ทรงปฏิบัติไปในอดีต มันได้กลายเป็นยากเหลือเกินสำหรับพระเจ้าที่จะทรงดำเนินการแต่ละช่วงระยะของพระราชกิจของยุคใหม่ มนุษย์มีความลำบากยากเย็นมากมายเกินไป! เขามีความคิดเชิงอนุรักษ์นิยมมากเกินไป! ไม่มีใครรู้จักพระราชกิจของพระเจ้า แต่กระนั้นทุกคนกลับจำกัดเขตพระราชกิจนั้น เมื่อเขาละทิ้งพระเจ้า มนุษย์สูญเสียชีวิต ความจริง และพระพรของพระเจ้า แต่กระนั้นเขาก็ไม่ยอมรับชีวิตและความจริง นับประสาอะไรที่เขาจะยอมรับพระพรที่ยิ่งใหญ่กว่าซึ่งพระเจ้าประทานให้แก่มวลมนุษย์ พวกมนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาที่จะได้รับพระเจ้า แต่กระนั้นกลับไม่สามารถยอมผ่อนปรนต่อการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในพระราชกิจของพระเจ้าได้ พวกที่ไม่ยอมรับพระราชกิจใหม่ของพระเจ้าเชื่อว่าพระราชกิจของพระเจ้านั้นไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เชื่อว่ามันจะยังคงหยุดนิ่งตลอดกาล ในการเชื่อของพวกเขา ทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อที่จะได้รับความรอดชั่วนิรันดร์จากพระเจ้าคือการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ และตราบเท่าที่พวกเขากลับใจและสารภาพบาปของพวกเขา น้ำพระทัยของพระเจ้าจะเป็นที่พึงพอใจเสมอ พวกเขามีความคิดเห็นว่าพระเจ้าทรงสามารถเป็นได้เพียงพระเจ้าภายใต้ธรรมบัญญัติและพระเจ้าผู้ทรงถูกตรึงบนกางเขนเพื่อมนุษย์เท่านั้น มันเป็นความคิดเห็นของพวกเขาอีกเช่นกันว่าพระเจ้าไม่ทรงควรและไม่ทรงสามารถกระทำเกินกว่าพระคัมภีร์ได้ ความคิดเห็นเหล่านี้นี่เองที่ได้ตีตรวนจองจำพวกเขาอย่างแน่นหนาเข้ากับธรรมบัญญัติยุคเก่า และตอกตรึงพวกเขาเข้ากับกฎเกณฑ์ทั้งหลายที่ตายไปแล้ว มีผู้คนมากกว่านี้ด้วยซ้ำที่เชื่อว่า ไม่ว่าพระราชกิจใหม่ของพระเจ้าจะเป็นอะไรก็ตาม มันต้องได้รับการยืนยันโดยการเผยพระวจนะ และเชื่อว่าในแต่ละช่วงระยะของพระราชกิจดังกล่าว บรรดาทุกคนที่ติดตามพระองค์ด้วยหัวใจ "ที่แท้จริง" ก็จะต้องได้รับการเผยให้เห็นวิวรณ์เช่นกัน หากไม่เช่นนั้นแล้ว พระราชกิจดังกล่าวก็คงไม่สามารถเป็นพระราชกิจของพระเจ้าไปได้ มันไม่ใช่งานง่ายอยู่แล้วสำหรับมนุษย์ที่จะได้มารู้จักพระเจ้า เมื่อรวมเข้ากับหัวใจที่ไร้สาระของมนุษย์และธรรมชาติอันเป็นกบฏของเขาในความคิดว่าตนเองสำคัญเหนือผู้อื่นและความทะนงตนแล้ว ก็ยิ่งกลายเป็นยากขึ้นไปอีกสำหรับเขาที่จะยอมรับพระราชกิจใหม่ของพระเจ้า มนุษย์นั้นทั้งไม่พิจารณาพระราชกิจใหม่ของพระเจ้าอย่างถี่ถ้วนและไม่ยอมรับมันด้วยความถ่อมใจ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เขากลับนำท่าทีของการดูหมิ่นมาใช้ขณะที่เขารอคอยวิวรณ์และการทรงนำจากพระเจ้า นี่ไม่ใช่พฤติกรรมของพวกที่เป็นกบฏต่อและต่อต้านพระเจ้าหรอกหรือ? ผู้คนดังกล่าวสามารถได้รับการรับรองจากพระเจ้าได้อย่างไร?

พระเยซูได้ตรัสว่าพระราชกิจของพระยาห์เวห์ได้หมดสมัยไปในยุคพระคุณ เหมือนดั่งเราที่พูดวันนี้ ว่าพระราชกิจของพระเยซูก็หมดสมัยไปแล้วเช่นกัน หากมีเพียงยุคธรรมบัญญัติเท่านั้นและไม่มียุคพระคุณ เช่นนั้นแล้วพระเยซูก็คงจะไม่ได้ทรงถูกตอกตรึงบนกางเขนและคงจะมิได้ทรงไถ่มวลมนุษย์ทั้งมวล หากมีเพียงยุคธรรมบัญญัติเท่านั้น มวลมนุษย์จะสามารถมาไกลได้ถึงทุกวันนี้หรือ? ประวัติศาสตร์เคลื่อนไปข้างหน้า และกฎธรรมชาติแห่งพระราชกิจของพระเจ้านั้น หาใช่ประวัติศาสตร์หรอกหรือ? นี่ไม่ใช่เป็นการบรรยายภาพของการบริหารจัดการมนุษย์ของพระองค์ทั่วทั้งจักรวาลหรอกหรือ? ประวัติศาสตร์เคลื่อนไปข้างหน้า และพระราชกิจของพระเจ้าก็เคลื่อนไปข้างหน้าเช่นกัน น้ำพระทัยของพระเจ้ากำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พระองค์ไม่อาจทรงคงไว้ที่พระราชกิจเพียงระยะเดียวได้เป็นเวลาถึงหกพันปี ด้วยเหตุดังที่ทุกคนรู้ พระเจ้าทรงใหม่เสมอและไม่เคยทรงเก่าเลย และคงเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะทรงปฏิบัติพระราชกิจเช่นการถูกตรึงบนกางเขนต่อไป ถูกตอกตรึงบนกางเขนหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง ต่อไปเรื่อยๆ…มันคงจะไร้สาระน่าขันที่จะคิดดังนั้น พระเจ้าไม่ทรงปฏิบัติพระราชกิจเดิมต่อไปเรื่อยๆ พระราชกิจของพระองค์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและใหม่เสมอ มากมายเท่ากับที่เรากล่าวถ้อยคำใหม่ๆ กับพวกเจ้าและทำงานใหม่ทุกวัน นี่คืองานที่เราทำ และกุญแจสำคัญก็คือคำว่า "ใหม่" และ "มหัศจรรย์" "พระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนแปลง และพระเจ้าจะทรงเป็นพระเจ้าเสมอ": คำกล่าวนี้ เป็นจริงโดยแท้ แก่นแท้ของพระเจ้าไม่มีวันเปลี่ยนแปลง พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเสมอ และพระองค์ไม่มีวันที่จะทรงกลายเป็นซาตานไปได้ แต่นี่ไม่ได้พิสูจน์ว่าพระราชกิจของพระองค์นั้นเกิดขึ้นตลอดเวลาและไม่มีวันปรวนแปรเช่นเดียวกับแก่นแท้ของพระองค์ เจ้าประกาศแถลงว่าพระเจ้าไม่ทรงมีวันเปลี่ยนแปลง ว่าแต่ว่าเช่นนั้นแล้ว เจ้าสามารถอธิบายได้หรือไม่ว่าพระเจ้าทรงใหม่เสมอและไม่เคยทรงเก่าเลยอย่างไร? พระราชกิจของพระเจ้าเผยแพร่ไปอย่างต่อเนื่องและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และน้ำพระทัยของพระองค์จะทรงถูกสำแดงและถูกทำให้เป็นที่รู้จักต่อมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ขณะที่มนุษย์ได้รับประสบการณ์กับพระราชกิจของพระเจ้า อุปนิสัยของเขาเปลี่ยนแปลงโดยไม่หยุดหย่อน เช่นเดียวกับความรู้ของเขา เช่นนั้นแล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นมาจากทางไหนกัน? มันไม่ได้มาจากพระราชกิจของพระเจ้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาหรอกหรือ? หากอุปนิสัยของมนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เหตุใดมนุษย์จึงไม่สามารถยอมให้งานของเราและถ้อยคำของเราเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องด้วยเล่า? เราจะต้องตกอยู่ภายใต้ข้อจำกัดทั้งหลายของมนุษย์ด้วยหรือ? ในการนี้ เจ้าไม่ได้กำลังใช้ข้อโต้แย้งแกมบังคับและตรรกะที่ผิดประหลาดอยู่หรอกหรือ?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, มนุษย์ผู้ที่ได้จำกัดเขตพระเจ้าไว้ในมโนคติที่หลงผิดของเขาสามารถได้รับวิวรณ์ของพระเจ้าได้อย่างไร?

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger