พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเข้าสู่ชีวิต | บทตัดตอน 521

วันที่ 20 เดือน 01 ปี 2024

มีจุดเร้าใจสูงสุดอยู่ในประสบการณ์ทั้งหลายของเปโตร เมื่อตอนที่ร่างกายของเขาแตกหักแทบจะหมดทุกส่วน แต่พระเยซูยังคงทรงให้การหนุนใจแก่เขาอยู่ภายใน และครั้งหนึ่ง พระเยซูได้ทรงปรากฏต่อเปโตร เมื่อตอนที่เปโตรอยู่ในความทุกข์ทนแสนสาหัสและรู้สึกว่าหัวใจของเขาแตกสลายไปแล้ว พระเยซูได้ทรงแนะนำเขาว่า "ท่านได้อยู่กับเราบนแผ่นดินโลก และเราก็ได้อยู่ที่นี่กับท่าน และแม้ว่าก่อนหน้านั้นเราจะเคยได้อยู่ด้วยกันในสวรรค์ จะว่าไปแล้ว มันเป็นโลกฝ่ายจิตวิญญาณนั่นเอง บัดนี้เราได้กลับมายังโลกฝ่ายจิตวิญญาณ และท่านก็อยู่บนแผ่นดินโลก เพราะเราไม่ได้อยู่บนแผ่นดินโลก และแม้ว่าท่านก็ไม่ได้อยู่บนแผ่นดินโลกเช่นกัน ท่านก็ต้องทำหน้าที่ของท่านบนแผ่นดินโลกให้ลุล่วง เนื่องจากท่านเป็นผู้รับใช้ ท่านจำต้องทำหน้าที่ของท่านให้ลุล่วง" การได้ยินว่าเขาจะสามารถกลับไปอยู่ข้างพระเจ้าได้ให้ความชูใจแก่เปโตร ในเวลานั้น เปโตรอยู่ในความร้าวรานมากกระทั่งเขาแทบจะต้องล้มหมอนนอนเสื่อ เขารู้สึกผิดจนถึงจุดที่พูดว่า "ข้าพระองค์ถูกทำให้เสื่อมทรามมากจนกระทั่งข้าพระองค์ไม่สามารถทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้" พระเยซูได้ทรงปรากฏแก่เขาแล้วตรัสว่า "เปโตร อาจเป็นได้ไหมว่า ท่านลืมปณิธานที่ครั้งหนึ่งท่านได้ทำไว้ต่อหน้าเราไปแล้ว? ท่านลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้พูดไว้จริงๆ หรือ? ท่านลืมปณิธานที่ท่านทำไว้กับเราไปแล้วหรือ?" เมื่อได้เห็นว่านั่นเป็นพระเยซู เปโตรจึงลุกขึ้นจากเตียง และพระเยซูก็ทรงชูใจเขาดังนี้ "เราไม่ได้เป็นของแผ่นดินโลก เราได้บอกท่านไปแล้ว—ท่านจำต้องเข้าใจในเรื่องนี้ แต่ท่านลืมอะไรอย่างอื่นที่เราได้บอกท่านไปแล้วหรือ? 'ท่านก็ไม่ได้เป็นของแผ่นดินโลกด้วยเช่นกัน ไม่ได้เป็นของโลก' ณ ตอนนี้มีงานที่ท่านจำเป็นต้องทำ ท่านไม่สามารถตรอมใจเยี่ยงนี้ได้ ท่านไม่สามารถทุกข์ทนเยี่ยงนี้ได้ แม้ว่าพวกมนุษย์และพระเจ้าจะไม่สามารถดำรงอยู่ในโลกเดียวกันได้ เราก็มีงานของเราและท่านก็มีงานของท่าน และวันหนึ่งเมื่องานของท่านแล้วเสร็จ เราจะได้อยู่ร่วมกันในอาณาจักรเดียว และเราจะนำทางท่านให้อยู่กับเราตลอดกาล" เปโตรได้รับการชูใจและรู้สึกมั่นใจหลังจากที่ได้ยินพระวจนะเหล่านี้ เขารู้ว่าความทุกข์นี้เป็นบางสิ่งบางอย่างที่เขาต้องสู้ทนและได้รับประสบการณ์ และนับแต่นั้นมา เขาก็มีแรงบันดาลใจ พระเยซูทรงปรากฏต่อเขาเป็นการเฉพาะในช่วงเวลาที่สำคัญทุกครั้ง ทรงมอบความรู้แจ้งและการทรงนำเป็นพิเศษแก่เขา และพระองค์ก็ทรงพระราชกิจมากมายกับเขา แล้วอะไรเล่าคือสิ่งที่เปโตรเสียใจมากที่สุด? ไม่นานนักหลังจากที่เปโตรได้พูดว่า "พระองค์คือพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์" พระเยซูได้ทรงตั้งคำถามอีกคำถามหนึ่งกับเปโตร (แม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์อย่างนี้ก็ตาม) พระเยซูทรงถามเขาว่า "เปโตร! ท่านเคยรักเราหรือไม่?" เปโตรเข้าใจว่าพระองค์ทรงหมายความว่าอย่างไร และพูดว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า! ครั้งหนึ่งข้าพระองค์รักพระบิดาในสวรรค์ แต่ข้าพระองค์ยอมรับว่าข้าพระองค์ไม่เคยรักพระองค์เลย" พระเยซูจึงทรงตรัสว่า "หากผู้คนไม่รักพระบิดาในสวรรค์ พวกเขาจะสามารถรักพระบุตรบนแผ่นดินโลกได้อย่างไร? และหากผู้คนไม่รักบุตรที่ถูกส่งมาโดยพระเจ้าพระบิดา พวกเขาจะสามารถรักพระบิดาในสวรรค์ได้อย่างไร? หากผู้คนรักพระบุตรบนโลกอย่างแท้จริง เช่นนั้นแล้วพวกเขาย่อมรักพระบิดาในสวรรค์อย่างแท้จริง" เมื่อเปโตรได้ยินพระวจนะเหล่านี้ เขาก็ได้ตระหนักว่าเขาได้ขาดพร่องอะไรไป เขารู้สึกผิดอยู่เสมอจนถึงจุดที่น้ำตาไหลรินให้กับคำพูดของเขาที่ว่า "ครั้งหนึ่งข้าพระองค์รักพระบิดาในสวรรค์ แต่ข้าพระองค์ไม่เคยรักพระองค์เลย" หลังการคืนพระชนม์และการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระเยซู เขารู้สึกผิดและตรอมใจยิ่งขึ้นไปอีกกับคำพูดเหล่านี้ เมื่อหวนนึกถึงงานในอดีตของเขาและวุฒิภาวะในปัจจุบันของเขา บ่อยครั้งที่เขาจะมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเยซูในการอธิษฐาน รู้สึกอยู่เสมอว่าเสียใจและเป็นหนี้เนื่องมาจากการที่ไม่ได้ทำตามน้ำพระทัยพระเจ้าและการที่ไม่ดีพอที่จะไปถึงมาตรฐานของพระเจ้า ประเด็นปัญหาเหล่านี้กลายเป็นภาระใหญ่ที่สุดของเขา เขาพูดว่า "สักวันหนึ่งข้าพระองค์จะทุ่มเทอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพระองค์มีและทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพระองค์เป็นแด่พระองค์ และข้าพระองค์จะมอบอะไรก็ตามที่มีค่ามากที่สุดแด่พระองค์" เขาพูดว่า "พระเจ้า! ข้าพระองค์มีความเชื่อหนึ่งเดียวเท่านั้นและความรักหนึ่งเดียวเท่านั้น ชีวิตของข้าพระองค์ไม่มีค่าอะไรเลย และร่างกายของข้าพระองค์ก็ไม่มีค่าอะไรเลย ข้าพระองค์มีความเชื่อหนึ่งเดียวเท่านั้นและความรักหนึ่งเดียวเท่านั้น ข้าพระองค์มีความเชื่อในพระองค์ในจิตใจของข้าพระองค์และความรักสำหรับพระองค์ในหัวใจของข้าพระองค์ ข้าพระองค์มีเพียงสองสิ่งนี้เท่านั้นที่จะมอบแด่พระองค์ และไม่มีอะไรอื่นอีกแล้ว" เปโตรได้รับการหนุนใจอย่างมากจากพระวจนะของพระเยซู เนื่องจากก่อนที่พระเยซูจะทรงถูกตรึงกางเขน พระองค์ได้ทรงบอกกับเปโตรว่า "เราไม่ได้เป็นของพิภพนี้ และท่านก็ไม่ได้เป็นของพิภพนี้เช่นกัน" ต่อมา เมื่อเปโตรเข้าถึงจุดที่เจ็บปวดยิ่งนัก พระเยซูทรงเตือนความจำเขาว่า "เปโตร ท่านลืมแล้วหรือ? เราไม่เป็นของโลก และเป็นเพราะงานของเราเท่านั้นเองที่เราได้จากไปก่อน ท่านก็ไม่ได้เป็นของโลกเช่นกัน ท่านลืมไปแล้วจริงๆ หรือ? เราได้บอกท่านแล้วถึงสองครั้ง ท่านจำไม่ได้หรือ?" เมื่อได้ยินดังนี้ เปโตรจึงพูดว่า "ข้าพระองค์ยังไม่ลืม!" พระเยซูจึงตรัสว่า "ครั้งหนึ่งท่านได้ใช้เวลาอันมีความสุขอยู่ร่วมกับเราในสวรรค์และใช้ช่วงเวลาหนึ่งเคียงข้างเรา ท่านคิดถึงเรา และเราก็คิดถึงท่าน แม้ว่าสรรพสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหลายไม่คู่ควรกับการเอ่ยถึงในสายตาของเรา แต่เราจะไม่รักผู้ที่ไร้ความผิดและควรค่าที่จะรักได้อย่างไรเล่า? ท่านลืมสัญญาของเราแล้วหรือ? ท่านจำต้องยอมรับบัญชาของเราบนแผ่นดินโลก ท่านจำต้องลุล่วงในกิจที่เราได้วางใจให้ท่านทำ วันหนึ่งเราจะนำทางท่านให้มาอยู่เคียงข้างเราอย่างแน่นอน" หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ เปโตรจึงยิ่งรู้สึกชูใจมากขึ้นไปอีกและได้รับแรงบันดาลใจยิ่งขึ้นไปอีก จนถึงขนาดที่เมื่อเขาอยู่บนกางเขน เขาสามารถพูดได้ว่า "พระเจ้า! ข้าพระองค์ไม่สามารถรักพระองค์ได้มากพอ! ต่อให้พระองค์จะทรงขอให้ข้าพระองค์ตาย ข้าพระองค์ก็ยังคงไม่สามารถรักพระองค์ได้มากพอ ไม่ว่าพระองค์จะทรงส่งดวงจิตของข้าพระองค์ไปที่ใดก็ตาม ไม่ว่าพระองค์จะทรงลุล่วงพระสัญญาในอดีตของพระองค์หรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าพระองค์จะทรงทำอะไรก็ตามหลังจากนั้น ข้าพระองค์รักพระองค์และเชื่อในพระองค์" สิ่งที่เขายึดถือนั้นคือความเชื่อของเขา และความรักที่แท้จริง

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เปโตรได้มารู้จักพระเยซูได้อย่างไร

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger