พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเข้าสู่ชีวิต | บทตัดตอน 472

วันที่ 02 เดือน 10 ปี 2021

พระเจ้าทรงทำให้เจ้าผ่านประสบการณ์กับพายุ ความยากลำบาก ความลำบากยากเย็น และความล้มเหลวและการเสื่อมถอยมากมายทุกลักษณะ เพื่อที่ในท้ายที่สุดแล้ว ในครรลองของการผ่านประสบการณ์กับสิ่งเหล่านี้ เจ้ามาค้นพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พระเจ้าตรัสนั้นถูกต้อง และว่าการเชื่อ มโนคติที่หลงผิด จินตนาการ ความรู้ ทฤษฎีเชิงปรัชญา หลักปรัชญาต่างๆ ของเจ้า สิ่งที่เจ้าได้เรียนรู้แล้วในโลกและที่เจ้าได้รับการสอนแล้วโดยบิดามารดาของเจ้าแล้วล้วนผิดทั้งสิ้น สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถนำเจ้าไปสู่เส้นทางที่ถูกต้องในชีวิตได้ สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถนำเจ้าให้เข้าใจความจริงและมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้ และเส้นทางที่เจ้าเดินอยู่เป็นเส้นทางแห่งความล้มเหลว นี่คือสิ่งที่พระเจ้าจะทรงทำให้เจ้าตระหนักในท้ายที่สุด สำหรับเจ้าแล้ว นี่เป็นกระบวนการที่จำเป็น และสิ่งที่เจ้าควรได้รับในระหว่างกระบวนการผ่านประสบการณ์กับความรอด ถึงกระนั้นการนี้ก็ทำให้พระเจ้าทรงโศกเศร้าเช่นกัน กล่าวคือ เพราะผู้คนเป็นกบฏ และถูกครอบงำด้วยอุปนิสัยอันเสื่อมทราม พวกเขาจึงต้องก้าวผ่านกระบวนการนี้ และผ่านประสบการณ์กับการเสื่อมถอยเหล่านี้ แต่หากใครบางคนรักความจริงอย่างแท้จริง หากพวกเขาเต็มใจอย่างแท้จริงที่จะได้รับการช่วยให้รอดโดยพระเจ้า หากพวกเขาเต็มใจยอมรับวิธีการต่างๆ ของความรอดของพระเจ้า—ยกตัวอย่างเช่น การทดสอบ การบ่มวินัย การพิพากษา และการตีสอน—หากพวกเขามุ่งมั่นที่จะทนทุกข์เช่นนี้ หากพวกเขาเต็มใจที่จะจ่ายราคานี้ โดยข้อเท็จจริงแล้ว พระเจ้าไม่ทรงปรารถนาให้พวกเขาต้องทนทุกข์กับความยากลำบากมากเพียงนี้ อีกทั้งพระองค์ไม่ทรงปรารถนาให้พวกเขาก้าวผ่านการเสื่อมถอยและความล้มเหลวมากมายเพียงนี้ แต่ผู้คนเป็นกบฏเกินไป พวกเขาต้องการใช้เส้นทางที่คด พวกเขาเต็มใจที่จะทนทุกข์กับความยากลำบากเหล่านี้ นั่นเป็นเพียงแค่ประเภทของสิ่งที่มนุษย์เป็น และพระเจ้าไม่มีทางเลือกนอกจากส่งมอบผู้คนให้แก่ซาตาน ให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้นอยู่เนืองนิตย์ เพื่อให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ทุกประเภท และเรียนรู้บทเรียนต่างๆ จากสถานการณ์เหล่านี้ และระลึกรู้แก่นแท้ของสิ่งที่ชั่วทุกประเภท หลังจากนั้น พวกเขาก็มองย้อนกลับไปและค้นพบว่าพระวจนะของพระเจ้าคือความจริง พวกเขายอมรับรู้ว่าพระวจนะของพระเจ้าคือความจริง ว่ามีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงเป็นความเป็นจริงของสิ่งต่างๆ ที่เป็นบวกทั้งหมด และว่ามีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงเป็นองค์หนึ่งเดียวที่ทรงรักมนุษย์อย่างแท้จริง และไม่มีผู้ใดดีกับมนุษย์มากกว่าพระเจ้า หรือห่วงใยมากกว่า ผู้คนได้รับการทำให้สงบลงจนถึงขอบข่ายใดในท้ายที่สุด? จนถึงขอบข่ายที่เจ้าพูดว่า "ฉันได้ผ่านประสบการณ์กับสถานการณ์ทุกประเภทแล้ว และไม่มีสถานการณ์เดียว บุคคล เรื่อง หรือวัตถุเดียวที่สามารถทำให้ฉันเข้าใจความจริง ที่สามารถทำให้ฉันชื่นชมความจริง ที่สามารถทำให้ฉันเข้าสู่ความจริงความเป็นจริง ฉันเพียงแค่สามารถปฏิบัติอย่างเชื่อฟังโดยสอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้า คงอยู่ในที่ของมนุษย์อย่างเชื่อฟัง ปฏิบัติตามสถานะและหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตทรงสร้าง ยอมรับอธิปไตยและการจัดการเตรียมการของพระเจ้าอย่างเชื่อฟัง และมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระผู้สร้างโดยไม่มีการร้องทุกข์คร่ำครวญใดๆ หรือตัวเลือกใดๆ และโดยไม่มีข้อเรียกร้องหรือความพึงปรารถนาของฉันเอง" เมื่อพวกเขาได้มาถึงระดับนี้แล้ว ผู้คนก็โค้งคำนับเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าอย่างแท้จริง และพระเจ้าไม่จำเป็นต้องทรงสร้างสถานการณ์เพิ่มเติมใดๆ เพื่อให้พวกเขาได้ผ่านประสบการณ์ ดังนั้นแล้วเส้นทางใดที่พวกเจ้าปรารถนาที่จะใช้? ในความพึงปรารถนาส่วนตัวของพวกเขา ไม่มีผู้ใดปรารถนาที่จะทนทุกข์กับความยากลำบาก และไม่มีผู้ใดต้องการผ่านประสบการณ์กับการเสื่อมถอย ความล้มเหลว ความทุกข์ยาก ความขัดข้องใจ และพายุ แต่ไม่มีหนทางอื่น สิ่งต่างๆ ในตัวมนุษย์—แก่นแท้ธรรมชาติของเขา ความเป็นกบฏของเขา ความคิดและมุมมองของเขา—ซับซ้อนเกินไป ในแต่ละวันสิ่งเหล่านั้นกลายเป็นผสมปะปนกันและสานพันกันในตัวเจ้า และพวกมันก็ก่อกวนภายในตัวเจ้า เจ้าเข้าสู่ความจริงความเป็นจริงน้อยนิด เจ้าเข้าใจความจริงน้อยนิด และเจ้าขาดพร่องพลังอำนาจที่จะชนะแก่นแท้ของอุปนิสัยอันเสื่อมทรามของเจ้า มโนคติที่หลงผิด และจินตนาการของเจ้า เพราะฉะนั้นเจ้าจึงไม่มีตัวเลือกนอกจากการยอมรับวิธีเข้าหาอื่น นั่นคือการผ่านประสบการณ์กับความล้มเหลวและความขัดข้องใจอยู่เนืองนิตย์ และการล้มลงอยู่เนืองนิตย์ ถูกความยากลำบากโยนไปรอบๆ ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในโคลนตม จนกระทั่งวันหนึ่งมาถึงเมื่อเจ้าพูดว่า "ฉันเหนื่อย ฉันเบื่อ ฉันไม่ต้องการมีชีวิตแบบนี้ ฉันไม่ต้องการก้าวผ่านความล้มเหลวเหล่านี้ ฉันต้องการมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระผู้สร้างด้วยการเชื่อฟัง ฉันจะฟังพระวจนะของพระเจ้า ฉันจะทำสิ่งที่พระองค์ตรัส นี่เท่านั้นเป็นเส้นทางที่ถูกต้องในชีวิต" เฉพาะในวันที่เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงเท่านั้นเจ้าจึงจะมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เจ้ามารู้จักบางสิ่งเกี่ยวกับพระอุปนิสัยของพระเจ้าจากการนี้หรือไม่? สิ่งใดเป็นท่าทีของพระเจ้าต่อมนุษย์? ไม่สำคัญว่าพระเจ้าทรงทำสิ่งใด พระองค์ก็ทรงปรารถนาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ ไม่สำคัญว่าพระองค์ทรงกำหนดสภาพแวดล้อมใด หรือพระองค์ทรงขอให้เจ้าทำสิ่งใด แต่พระองค์ก็ทรงปรารถนาที่จะเห็นผลที่ดีที่สุดเสมอ สมมุติว่าเจ้าก้าวผ่านบางสิ่ง และเผชิญกับการเสื่อมถอยและความล้มเหลว พระเจ้าไม่ทรงปรารถนาที่จะเห็นเจ้าล้มเหลวและแล้วก็คิดว่าตัวเจ้าเองจบสิ้นแล้ว ว่าเจ้าได้ถูกซาตานคว้ากระชากไปแล้ว ซึ่งจากจุดนี้เจ้าจะไม่มีวันเข้าที่เข้าทางอีกเลย และจะดำดิ่งลงสู่ความหดหู่ใจ—พระเจ้าไม่ทรงปรารถนาที่จะเห็นผลนี้ พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะเห็นสิ่งใด? เจ้าอาจได้ล้มเหลวในเรื่องนี้แล้ว แต่เจ้ามีความสามารถที่จะแสวงหาความจริง ที่จะหาเหตุผลสำหรับความล้มเหลวของเจ้า เจ้ายอมรับข้อเท็จจริงของความล้มเหลวนี้ และรับบทเรียนจากความล้มเหลวนี้ เจ้าเรียนรู้บทเรียนหนึ่ง เจ้าตระหนักว่ามันผิดที่กระทำตัวในหนทางนั้น ว่าการกระทำตัวให้สอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้นถูกต้อง เจ้าตระหนักว่า "ฉันเลว และฉันมีอุปนิสัยอันเสื่อมทรามเยี่ยงซาตาน มีความเป็นกบฏในตัวฉัน ฉันอยู่ห่างพอควรจากผู้คนชอบธรรมที่พระเจ้าตรัสถึง และฉันไม่มีหัวใจที่ยำเกรงพระเจ้า" เจ้าตระหนักถึงปรากฏการณ์หนึ่ง ข้อเท็จจริงที่แท้จริงของเรื่อง และเจ้าเข้าใจสิ่งต่างๆ และเติบโตขึ้นโดยผ่านทางการเสื่อมถอยและความล้มเหลวนี้ นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะเห็น สิ่งใดคือความหมายของการ "เติบโตขึ้น"? การนี้หมายความว่าพระเจ้าทรงมีความสามารถที่จะได้รับเจ้าไว้ และเจ้ามีความสามารถที่จะบรรลุความรอดได้ หมายความว่าเจ้ามีความสามารถที่จะเข้าสู่ความจริงความเป็นจริงได้ ว่าเจ้าได้มาใกล้ขึ้นอีกหนึ่งขั้นกับการเริ่มก้าวไปบนเส้นทางแห่งการยำเกรงพระเจ้าและหลบเลี่ยงความชั่ว นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะเห็น พระเจ้าทรงกระทำด้วยเจตนารมณ์อันดีงาม และการกระทำของพระองค์ล้วนแต่บรรจุความรักอันซ่อนเร้นของพระองค์ ซึ่งบ่อยครั้งที่ผู้คนไม่สามารถซึ้งคุณค่าได้ มนุษย์นั้นใจแคบและหยุมหยิม และหัวใจของเขาก็แคบเท่ากับรูเข็ม เมื่อพระเจ้าไม่ทรงยอมรับรู้เขาหรือไม่ทรงมีพระคุณหรือพระพรสำหรับเขา เขาก็ติเตียนพระเจ้า กระนั้นพระเจ้าก็ไม่ทรงต่อล้อต่อเถียงกับมนุษย์ พระองค์ทรงจัดวางสภาพแวดล้อมซึ่งปล่อยให้มนุษย์รู้วิธีที่จะได้มาซึ่งพระคุณและผลประโยชน์ พระคุณมีความหมายอะไรต่อมนุษย์ และมนุษย์สามารถดึงดูดสิ่งใดจากพระคุณได้ ยกตัวอย่างว่า เจ้าชอบที่จะกินสิ่งที่ดีบางอย่างที่พระเจ้าตรัสว่าแย่สำหรับสุขภาพของเจ้าเมื่อกินมากเกินไป เจ้าก็ไม่ฟัง แต่ดึงดันที่จะกินสิ่งนั้น และพระเจ้าทรงอนุญาตให้เจ้าทำการเลือกตัวเลือกนั้นได้อย่างเป็นอิสระ ผลก็คือ เจ้าเจ็บป่วย หลังจากได้รับประสบการณ์กับการนี้หลายครั้ง เจ้ามาเข้าใจว่า เป็นพระวจนะของพระเจ้านั่นเองที่ถูกต้อง ว่าทั้งหมดที่พระองค์ตรัสนั้นถูกต้อง และว่าเจ้าต้องปฏิบัติโดยสอดคล้องกับพระวจนะของพระองค์ นี่เองคือเส้นทางที่ถูกต้อง และดังนั้นแล้ว การเสื่อมถอย ความล้มเหลว และความโศกเศร้าเหล่านี้ที่ผู้คนก้าวผ่านจะกลายเป็นสิ่งใด? เจ้าซาบซึ้งในเจตนารมณ์อันอุตสาหะของพระเจ้า และเจ้าก็เชื่อและแน่ใจอีกด้วยว่าพระวจนะของพระเจ้าถูกต้อง ความเชื่อของเจ้าในพระเจ้าก็เติบโต ยังมีสิ่งอื่นอีกด้วย นั่นคือ โดยผ่านทางการมีประสบการณ์กับช่วงเวลาแห่งความล้มเหลวนี้ เจ้ามาตระหนักถึงความสัตย์จริงและความถูกต้องแม่นยำของพระวจนะของพระเจ้า เจ้ามองเห็นว่าพระวจนะของพระเจ้าคือความจริง และเจ้าเข้าใจหลักการของการปฏิบัติความจริง และดังนั้นจึงเป็นการดีที่ผู้คนจะผ่านประสบการณ์กับความล้มเหลว—แม้นี่จะเป็นบางสิ่งที่เจ็บปวดเช่นกัน แต่ก็เป็นบางสิ่งที่ทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้น แต่หากในท้ายที่สุด การถูกทำให้สงบลงแบบนั้นทำให้เจ้ากลับมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ยอมรับพระวจนะของพระองค์ และถือว่าพระวจนะเหล่านั้นคือความจริง เช่นนั้นแล้วการทำให้สงบลง การเสื่อมถอย และความล้มเหลวเช่นนั้นก็ไม่ได้ถูกผ่านประสบการณ์อย่างสูญเปล่า นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะเห็น

—พระวจนะฯ เล่ม 3 บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย, วิธีระบุธรรมชาติและแก่นแท้ของเปาโล

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger