พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเข้าสู่ชีวิต | บทตัดตอน 430

วันที่ 07 เดือน 02 ปี 2024

พระเจ้าไม่ได้ทรงพึงประสงค์ให้ผู้คนเพียงแต่มีความสามารถในการพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นจริง นั่นคงจะง่ายเกินไปไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นแล้ว เหตุใดพระเจ้าจึงตรัสถึงการเข้าสู่ชีวิต? เหตุใดพระองค์จึงทรงพูดคุยเกี่ยวกับการแปลงสภาพ? หากผู้คนมีความสามารถเพียงแค่การพูดคุยอันว่างเปล่าเกี่ยวกับความเป็นจริง เมื่อนั้นพวกเขาจะสามารถสัมฤทธิ์การแปลงสภาพในอุปนิสัยของพวกเขาได้อย่างไร? ทหารที่ดีแห่งราชอาณาจักรไม่ได้รับการฝึกอบรมให้เป็นกลุ่มผู้คนที่เพียงแค่สามารถพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นจริงหรืออวดตัวได้ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาได้รับการฝึกอบรมให้ใช้ชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้าตลอดเวลา เพื่อที่จะยังคงมีใจเด็ดเดี่ยวต่อไป ไม่ว่าจะเผชิญกับความพลั้งพลาดอันใด และดำเนินชีวิตโดยสอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้าอยู่เป็นนิตย์ และไม่กลับคืนสู่ทางโลก นี่คือความเป็นจริงที่พระเจ้าตรัส นี่คือข้อพึงประสงค์ที่พระเจ้าทรงมีต่อมนุษย์ ฉะนั้น อย่ามองว่าความเป็นจริงที่พระเจ้าตรัสนั้นเรียบง่ายเกินไป แค่ความรู้แจ้งจากพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นไม่เทียบเท่ากับการครองความเป็นจริง เช่นนั้นไม่ใช่วุฒิภาวะของมนุษย์—นั่นเป็นพระคุณของพระเจ้า ซึ่งมนุษย์ไม่มีส่วนร่วมสนับสนุนอันใดเลย แต่ละบุคคลต้องสู้ทนความทุกข์ของเปโตร และยิ่งกว่านั้นคือ ครองสง่าราศีของเปโตรที่พวกเขาใช้ดำเนินชีวิตหลังจากที่พวกเขาได้รับพระราชกิจของพระเจ้าแล้ว การนี้เท่านั้นจึงสามารถเรียกได้ว่าความเป็นจริง จงอย่าคิดว่าเจ้าครองความเป็นจริงเพียงเพราะว่าเจ้าสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นจริงได้ เพราะนั่นคือเหตุผลวิบัติ ความคิดเช่นนั้นไม่ได้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า และไม่มีนัยสำคัญแท้จริงอันใดเลย จงอย่ากล่าวสิ่งทั้งหลายเช่นนั้นในอนาคต—จงดับคำกล่าวทั้งหลายเช่นนั้นเสียให้สิ้น! ผู้คนเหล่านั้นทั้งหมดที่มีความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับพระวจนะของพระเจ้าคือพวกผู้ไม่เชื่อ พวกเขาไม่มีความรู้ที่เป็นจริงอันใด นับประสาอะไรที่จะมีวุฒิภาวะที่เป็นจริงอันใด พวกเขาเป็นผู้คนที่ไม่รู้เท่าทันซึ่งขาดความเป็นจริง อีกนัยหนึ่ง คนเหล่านั้นทั้งหมดที่ดำเนินชีวิตอยู่ภายนอกแก่นแท้แห่งพระวจนะของพระเจ้าคือผู้ไม่เชื่อ พวกที่ผู้คนถือว่าเป็นผู้ไม่เชื่อคือสัตว์ร้ายในสายพระเนตรพระเจ้า และพวกที่พระเจ้าทรงถือว่าเป็นผู้ไม่เชื่อคือผู้คนที่ไม่มีพระวจนะของพระเจ้าเป็นชีวิตของพวกเขา ดังนั้นเอง จึงกล่าวได้ว่าพวกที่ไม่ได้ครองความเป็นจริงแห่งพระวจนะของพระเจ้า และผู้ที่ล้มเหลวต่อการใช้ชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้าก็คือผู้ไม่เชื่อ เจตนารมณ์ของพระเจ้าคือการทำให้ทุกคนใช้ชีวิตตามความเป็นจริงแห่งพระวจนะของพระองค์—ไม่ใช่แค่ให้ทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นจริง แต่ยิ่งกว่านั้นก็คือทำให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตตามความเป็นจริงจากพระวจนะของพระองค์ ความเป็นจริงที่มนุษย์ล่วงรู้นั้นผิวเผินเกินไป มันไม่มีคุณค่าอันใดเลย และไม่สามารถทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าลุล่วงได้ นั่นต่ำต้อยเกินไป และไม่ควรค่าที่จะพาดพิงถึงด้วยซ้ำ นั่นขาดพร่องเกินไป และต่ำกว่ามาตรฐานแห่งข้อพึงประสงค์ของพระเจ้ามากเกินไป เจ้าแต่ละคนจะต้องตกอยู่ภายใต้การตรวจสอบครั้งใหญ่ เพื่อดูว่าผู้ใดท่ามกลางเจ้าที่เพียงแต่รู้วิธีพูดคุยเกี่ยวกับความเข้าใจของเจ้า โดยที่ไม่มีความสามารถที่จะชี้ชัดถึงเส้นทางได้ รวมถึงเพื่อค้นพบว่าผู้ใดในเจ้าที่เป็นชิ้นขยะที่ไร้ประโยชน์ จงจดจำการนี้ไว้นับจากนี้เป็นต้นไป! จงอย่าพูดคุยเกี่ยวกับความรู้อันว่างเปล่า จงพูดคุยเกี่ยวกับเส้นทางแห่งการปฏิบัติเท่านั้นและพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นจริงเท่านั้น การเปลี่ยนผ่านจากความรู้ที่เป็นจริงไปสู่การปฏิบัติที่แท้จริง และจากนั้นก็เป็นการเปลี่ยนผ่านจากการปฏิบัติไปสู่การใช้ชีวิตที่เป็นจริง จงอย่าสั่งสอนผู้อื่นและอย่าพูดคุยเกี่ยวกับความรู้ที่เป็นจริง หากความเข้าใจของเจ้าคือเส้นทางหนึ่ง เช่นนั้นแล้วก็จงปล่อยคำพูดของเจ้าออกมาอย่างอิสระ แต่ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น ก็โปรดปิดปากของเจ้าและหยุดพูดคุยเสีย! สิ่งที่เจ้าพูดนั้นไร้ประโยชน์ เจ้าพูดถึงความเข้าใจเพื่อที่จะหลอกลวงพระเจ้า และทำให้ผู้อื่นอิจฉาเจ้า นั่นไม่ใช่ความทะเยอทะยานของเจ้าหรอกหรือ? เจ้าไม่ได้จงใจหลอกผู้อื่นเล่นหรอกหรือ? มีคุณค่าอันใดในการนี้บ้างหรือไม่? หากเจ้าพูดคุยเกี่ยวกับความเข้าใจหลังจากที่เจ้าได้รับประสบการณ์แล้ว เจ้าก็จะไม่ถูกมองว่ากำลังอวดตัว มิฉะนั้นแล้ว เจ้าก็คือใครบางคนที่พ่นคำพูดอันโอหังออกมา มีหลายสิ่งหลายอย่างในประสบการณ์จริงของเจ้า ที่เจ้าไม่สามารถเอาชนะได้ และเจ้าไม่สามารถกบฏต่อเนื้อหนังของเจ้าเองได้ เจ้ากำลังทำสิ่งใดก็ตามที่เจ้าต้องการเสมอ โดยไม่เคยทำให้สมดังน้ำพระทัยของพระเจ้า—ทว่าเจ้ายังมีหน้ามาพูดคุยเกี่ยวกับความเข้าใจในเชิงทฤษฎี เจ้าช่างไร้ความละอาย! เจ้ายังหาญกล้าพอที่จะมาพูดถึงความเข้าใจของเจ้าต่อพระวจนะของพระเจ้า เจ้าช่างไร้ความละอายอะไรเช่นนี้! การกล่าวสำนวนโวหารและการอวดตัวได้กลายเป็นธรรมชาติวิสัยของเจ้า และเจ้าได้กลายเป็นเคยชินแล้วกับการทำเช่นนั้น เมื่อใดก็ตามที่เจ้าปรารถนาที่จะพูด เจ้าก็ทำเช่นนั้นอย่างง่ายดาย ราบรื่น แต่เมื่อมาถึงการปฏิบัติ เจ้าหลงระเริงอยู่กับความหรูหราอลังการ นี่ไม่ใช่หนทางหนึ่งที่จะหลอกผู้อื่นหรอกหรือ? เจ้าอาจมีความสามารถที่จะใช้เพทุบายกับพวกมนุษย์ แต่พระเจ้านั้นไม่อาจทรงถูกหลอกลวงได้ พวกมนุษย์ไม่ตระหนักรู้และไม่มีวิจารณญาณ แต่พระเจ้าทรงจริงจังเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้ และพระองค์จะไม่ทรงละเว้นเจ้า บรรดาพี่น้องชายหญิงของเจ้าอาจจะให้การสนับสนุนเจ้า ด้วยการสรรเสริญความเข้าใจของเจ้า และเลื่อมใสเจ้า แต่หากเจ้าไม่ได้ครองความเป็นจริงเลย พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะไม่ทรงละเว้นเจ้า ลางทีพระเจ้าผู้ทรงภาคชีวิตจริงจะไม่แสวงหาความผิดของเจ้า แต่พระวิญญาณของพระเจ้าจะทรงเพิกเฉยต่อเจ้า และนั่นจะลำบากยากเย็นพอแล้วที่เจ้าจะทนรับ เจ้าเชื่อเรื่องนี้หรือไม่? จงพูดคุยให้มากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นจริงแห่งการปฏิบัติ เจ้าได้ลืมไปเรียบร้อยแล้วหรือยัง? จงพูดคุยให้มากขึ้นเกี่ยวกับเส้นทางแห่งการปฏิบัติ เจ้าได้ลืมไปเรียบร้อยแล้วหรือยัง? "จงเสนอทฤษฎีอันสูงส่งเลิศเลอทั้งหลายและการพูดคุยฟุ้งเฟ้อไร้คุณค่าให้น้อยลง เป็นการดีที่สุดที่จะเริ่มการปฏิบัติโดยเริ่มเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย" เจ้าได้ลืมวจนะเหล่านี้ไปแล้วหรือไร? เจ้าไม่เข้าใจเลยหรือ? เจ้าไม่มีการจับใจความน้ำพระทัยของพระเจ้าเลยหรือ?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เฉพาะการนำความเป็นจริงมาปฏิบัติเท่านั้นที่เป็นการครองความเป็นจริง

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger