พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเข้าสู่ชีวิต | บทตัดตอน 394

วันที่ 25 เดือน 08 ปี 2020

ในความเชื่อที่ผู้คนมีในพระเจ้า ความผิดอันใหญ่หลวงที่สุดของพวกเขาคือพวกเขาเชื่อด้วยวาจาเท่านั้น และพระเจ้าไม่อยู่ในชีวิตทุกๆ วันของพวกเขาเลย ทุกคนเชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้าจริงๆ แต่พระเจ้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตทุกๆ วันของพวกเขา ปากของผู้คนพูดคำอธิษฐานมากมายต่อพระเจ้า แต่พระเจ้าทรงมีพื้นที่น้อยนิดในหัวใจของพวกเขา และดังนั้นพระเจ้าจึงทรงทดสอบพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นเพราะว่าผู้คนไม่บริสุทธิ์ พระเจ้าจึงทรงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทดสอบพวกเขา เพื่อที่พวกเขาอาจรู้สึกละอาย และมารู้จักตัวเองท่ามกลางการทดสอบเหล่านี้ หากไม่เป็นเช่นนั้น มนุษยชาติจะกลายเป็นพงศ์พันธุ์ของทูตสวรรค์ และกลับเสื่อมทรามลงเรื่อยๆ ในกระบวนความเชื่อที่พวกเขามีในพระเจ้า แต่ละคนละทิ้งเจตนาและวัตถุประสงค์ส่วนตัวของตนมากมายภายใต้การชำระล้างอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระเจ้า หากไม่เป็นเช่นนั้น พระเจ้าจะทรงไม่มีหนทางที่จะใช้บุคคลใด และจะทรงไม่มีหนทางที่จะทรงงานซึ่งพระองค์ควรทำในผู้คน พระองค์ทรงชำระล้างผู้คนเป็นอันดับแรก และผู้คนอาจมารู้จักตัวเองผ่านกระบวนการนี้ และพระเจ้าอาจเปลี่ยนแปลงพวกเขา ณ เวลานั้นเท่านั้นที่พระเจ้าจะทรงงานในชีวิตของพระองค์ในพวกเขา และด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่หัวใจของพวกเขาจะหันมาหาพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ได้ ดังนั้นเราจึงกล่าวว่า การเชื่อในพระเจ้าไม่ได้เรียบง่ายเหมือนกับที่ผู้คนพูดกัน ตามที่พระเจ้าทอดพระเนตร หากเจ้ามีเพียงความรู้แต่ไม่มีพระวจนะของพระองค์เป็นชีวิต และหากเจ้าถูกจำกัดเพียงความรู้ของเจ้าเองเท่านั้น แต่ไม่สามารถปฏิบัติตามความจริงหรือใช้ชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้า นี่ก็คือข้อพิสูจน์ว่าเจ้ายังคงไม่มีหัวใจที่รักพระเจ้า และแสดงให้เห็นว่าหัวใจของเจ้าไม่ได้เป็นของพระเจ้า คนเราสามารถรู้จักพระเจ้าได้โดยการเชื่อในพระองค์: นี่คือเป้าหมายสุดท้าย และเป้าหมายของการเสาะแสวงของมนุษย์ เจ้าต้องใช้ความพยายามในการใช้ชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้า เพื่อให้พระวจนะของพระองค์ผลิดอกออกผลในการปฏิบัติของเจ้าได้ หากเจ้ามีเพียงความรู้เกี่ยวกับหลักคำสอน ความเชื่อในพระเจ้าของเจ้าจะสูญเปล่า ต่อเมื่อเจ้าปฏิบัติและใช้ชีวิตตามพระวจนะของพระองค์เท่านั้นที่ความเชื่อของเจ้าจะได้รับการพิจารณาว่าสมบูรณ์และเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า บนถนนสายนี้ ผู้คนมากมายสามารถพูดถึงความรู้มากมาย แต่เมื่อถึงเวลาตายของพวกเขา ดวงตาของพวกเขาปริ่มไปด้วยน้ำตา และพวกเขาเกลียดตัวเองที่เสียเวลาไปทั้งชีวิตและใช้ชีวิตจนแก่เฒ่าเพื่อความสูญเปล่า พวกเขาเพียงเข้าใจหลักคำสอน แต่ไม่สามารถนำความจริงมาปฏิบัติหรือเป็นพยานต่อพระเจ้าได้ แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาเพียงวิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ที ยุ่งราวกับผึ้ง และเมื่อหมิ่นเหม่ใกล้ความตายเท่านั้นที่พวกเขามองเห็นในที่สุดว่าพวกเขาขาดคำพยานที่แท้จริง ว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักพระเจ้าเลย และนี่ไม่สายเกินไปหรือ? เหตุใดเจ้าจึงไม่ใช้วันนี้ให้คุ้มค่าและไล่ตามเสาะหาความจริงที่เจ้ารัก? เหตุใดจึงรอจนกระทั่งวันพรุ่งนี้เล่า? หากในชีวิตเจ้าไม่ทุกข์ทรมานเพื่อความจริงหรือแสวงหาที่จะได้รับความจริง อาจเป็นได้หรือไม่ว่า เจ้าปรารถนาที่จะรู้สึกเสียใจในโมงยามแห่งตายของเจ้า? หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดหรือจึงเชื่อในพระเจ้า? ในความเป็นจริง หากพวกเขาใช้ความทุ่มเทพยายามเพียงแผ่วบางที่สุด ก็มีเรื่องมากมายที่ผู้คนสามารถนำความจริงมาปฏิบัติได้และด้วยการนั้นพระองค์ย่อมทรงพึงพอพระทัย นี่เป็นเพียงเพราะหัวใจของผู้คนถูกครอบงำด้วยปีศาจ จนพวกเขาไม่สามารถปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของพระเจ้าได้ และรีบเร่งสาละวนอยู่เสมอเพื่อประโยชน์ของเนื้อหนังของตนเอง และไม่สัมฤทธิ์สิ่งใดเลยในท้ายที่สุด ด้วยเหตุผลนี้ ผู้คนจึงทุกข์ร้อนจากปัญหาและความลำบากยากเย็นอยู่เสมอ เหล่านี้ไม่ใช่การทรมานของซาตานหรือ? นี่ไม่ใช่ความเสื่อมทรามของเนื้อหนังหรอกหรือ? เจ้าไม่ควรพยายามที่จะหลอกลวงพระเจ้าโดยลมปาก แต่เจ้ากลับต้องปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม อย่าหลอกตัวเจ้าเอง—นั่นทำไปเพื่ออะไร? เจ้าสามารถได้รับสิ่งใดหรือ จากการใช้ชีวิตเพื่อประโยชน์ของเนื้อหนังของเจ้าและการดิ้นรนเพื่อผลกำไรและชื่อเสียง?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เจ้าควรมีชีวิตเพื่อความจริงเพราะเจ้าเชื่อในพระเจ้า

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger