พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การทรงปรากฎและพระราชกิจของพระเจ้า | บทตัดตอน 66

วันที่ 08 เดือน 01 ปี 2024

เราครอบครองในราชอาณาจักร และที่มากกว่านั้น เราครอบครองทั่วจักรวาลทั้งปวง เราเป็นทั้งกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรและเป็นองค์หัวหน้าแห่งจักรวาล จากเวลานี้เป็นต้นไป เราจะรวบรวมพวกที่ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับการเลือกสรรทั้งหมดและจะเริ่มงานของเราท่ามกลางคนต่างชาติ และเราจะประกาศแสดงประกาศกฤษฎีกาบริหารของเราไปทั่วทั้งจักรวาล เพื่อที่เราอาจได้ริเริ่มงานของเราในขั้นตอนถัดไปให้สำเร็จ เราจะใช้การตีสอนเพื่อเผยแผ่งานของเราท่ามกลางคนต่างชาติ กล่าวคือ เราจะใช้กำลังบังคับกับพวกที่เป็นคนต่างชาติทั้งหมด โดยธรรมชาติแล้ว งานนี้จะถูกดำเนินการในเวลาเดียวกันกับงานของเราท่ามกลางบรรดาผู้ที่ได้รับการเลือกสรร เมื่อคนของเราปกครองและใช้อำนาจบนแผ่นดินโลก นั่นก็จะเป็นวันที่ผู้คนทั้งหมดบนแผ่นดินโลกได้รับการพิชิตด้วยเช่นกัน และที่มากกว่านั้น จะเป็นเวลาที่เราหยุดพัก—และเมื่อนั้นเท่านั้น เราจะปรากฏแก่บรรดาผู้ที่ได้รับการพิชิตแล้ว เราปรากฏแก่ราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ และซ่อนเร้นตัวเราเองจากแผ่นดินแห่งความโสมม บรรดาผู้ที่ได้รับการพิชิตแล้วและได้กลายเป็นเชื่อฟังเบื้องหน้าเราทั้งหมดมีความสามารถที่จะมองเห็นใบหน้าของเราด้วยดวงตาของพวกเขาเอง และมีความสามารถที่จะได้ยินเสียงของเราด้วยหูของพวกเขาเอง นี่คือพรของบรรดาผู้ที่เกิดในระหว่างยุคสุดท้าย นี่คือพรที่เราได้ลิขิตไว้ล่วงหน้า และนี่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้โดยมนุษย์ผู้ใด วันนี้เราทำงานในหนทางนี้เพื่อประโยชน์แห่งงานของอนาคต งานของเราทั้งหมดมีความสัมพันธ์กัน ในงานทั้งหมดมีการเรียกและการขานรับ กล่าวคือ ไม่เคยมีขั้นตอนใดได้หยุดชั่วคราวโดยฉับพลัน และไม่เคยมีขั้นตอนใดได้ถูกดำเนินการโดยอิสระจากขั้นตอนอื่นใด นี่ไม่เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ? งานในอดีตไม่ใช่รากฐานของงานในวันนี้หรอกหรือ? คำพูดในอดีตไม่ใช่ตัวตั้งต้นของคำพูดในวันนี้หรอกหรือ? ขั้นตอนในอดีตไม่ใช่ที่มาของขั้นตอนของวันนี้หรอกหรือ? เมื่อเราเปิดหนังสือม้วนอย่างเป็นกิจจะลักษณะ นั่นคือเวลาที่ผู้คนทั่วทั้งจักรวาลถูกตีสอน เวลาที่ผู้คนทั่วโลกอยู่ภายใต้การทดสอบ และมันเป็นจุดสำคัญสูงสุดของงานของเรา ผู้คนทั้งหมดใช้ชีวิตในแผ่นดินที่ปราศจากความสว่าง และผู้คนทั้งหมดมีชีวิตท่ามกลางการคุกคามที่เกิดจากสภาพแวดล้อมของพวกเขา กล่าวอีกนัยหนึ่ง นั่นเป็นชีวิตที่มนุษย์ไม่เคยได้มีประสบการณ์มาก่อนตั้งแต่เวลาของการสร้างโลกจนกระทั่งปัจจุบัน และไม่มีผู้ใดตลอดยุคทั้งหลายได้เคย "ชื่นชม" ชีวิตประเภทนี้เลย และดังนั้น เราจึงพูดว่าเราได้ทำงานที่ไม่เคยถูกทำมาก่อน นี่คือสถานการณ์ที่แท้จริง และนี่คือความหมายชั้นใน เพราะวันของเราเข้ามาใกล้มวลมนุษย์ทั้งปวง เพราะมันไม่ได้ปรากฏอยู่ห่างไกล แต่อยู่ต่อหน้าต่อตาของมนุษย์โดยตรง ผู้ใดเล่าจะไม่สามารถเกรงกลัวเนื่องจากการนั้น? และผู้ใดเล่าจะไม่สามารถปีติยินดีกับการนี้? ในท้ายที่สุด เมืองบาบิโลนที่โสมมก็ได้มาถึงบทอวสานของมันแล้ว มนุษย์ได้พบกับโลกใหม่เอี่ยมอีกครั้ง และสวรรค์และแผ่นดินโลกก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงและสร้างขึ้นใหม่แล้ว

เมื่อเราปรากฏแก่ประชาชาติและกลุ่มคนทั้งปวง เมฆสีขาวหมุนวนในท้องฟ้าและห่อหุ้มเรา ดังนั้น นกบนแผ่นดินโลกก็ร้องเพลงและเต้นรำด้วยความชื่นบานยินดีเพื่อเราด้วยเช่นกัน โดยสร้างความโดดเด่นให้กับบรรยากาศบนแผ่นดินโลก และด้วยเหตุนั้น ทำให้ทุกสรรพสิ่งบนแผ่นดินโลกมีชีวิตขึ้น ไม่ "ล่องลอยลงต่ำอย่างช้าๆ" อีกต่อไป แต่กลับมีชีวิตท่ามกลางบรรยากาศแห่งกำลังวังชาแทน เมื่อเราอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ มนุษย์ล่วงรู้ใบหน้าและดวงตาของเราโดยรางๆ และ ณ เวลานี้ เขารู้สึกเกรงกลัวเล็กน้อย ในอดีต เขาได้ยินบันทึกทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเราในตำนาน และผลก็คือ เขาเพียงแค่เชื่อครึ่งหนึ่งและคลางแคลงใจอีกครึ่งหนึ่งต่อเราเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าเราอยู่ที่ใด หรือใบหน้าของเราใหญ่เพียงใดกันแน่—ใบหน้าของเรากว้างพอกับทะเล หรือไร้เขตคั่นพอกับทุ่งหญ้าเขียวสดไหม? ไม่มีผู้ใดรู้สิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงเมื่อมนุษย์มองเห็นใบหน้าของเราในหมู่เมฆในวันนี้เท่านั้น มนุษย์จึงรู้สึกว่าตัวของเราแห่งตำนานนั้นเป็นจริง และดังนั้น เขาจึงกลายเป็นมีแนวโน้มที่จะรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยต่อเรา และมันก็เป็นเพียงเพราะกิจการของเรานั่นเอง การเลื่อมใสของเขาต่อเราจึงกลายเป็นยิ่งใหญ่ขึ้นเล็กน้อย แต่มนุษย์ยังคงไม่รู้จักเรา และเขาเพียงแค่มองเห็นส่วนหนึ่งของเราในหมู่เมฆ หลังจากนั้น เรายืดแขนของเราออกไปและแสดงแขนของเราให้มนุษย์เห็น มนุษย์ประหลาดใจ และปิดปากของเขาด้วยมือของเขา เกรงกลัวอยู่ลึกๆ ที่จะถูกมือของเราบดขยี้ลงไป และดังนั้น เขาจึงเพิ่มความเคารพเล็กน้อยลงในการเลื่อมใสของเขา มนุษย์ตรึงดวงตาของเขาไว้กับทุกการเคลื่อนไหวของเรา กลัวอย่างลุ่มลึกว่าเขาจะถูกเราบดขยี้จนคว่ำลงไปเมื่อเขากำลังไม่ให้ความสนใจ—ถึงกระนั้น เราก็ไม่ถูกจำกัดเพราะถูกมนุษย์เฝ้าดู และเราก็ทำงานในมือของเราต่อไป มันเป็นเพียงว่าในกิจการทั้งหมดที่เราทำนั้น มนุษย์มีความโปรดปรานต่อเราอยู่บ้าง และด้วยเหตุนั้น จึงค่อยๆ มาเบื้องหน้าเราเพื่อคบหาสมาคมกับเรา เมื่อเราได้รับการเปิดเผยแก่มนุษย์ในความครบถ้วนบริบูรณ์ของเรา มนุษย์จะมองเห็นใบหน้าของเรา และหลังจากนั้นเป็นต้นไป เราจะไม่ซ่อนเร้นหรือบดบังตัวเราเองจากมนุษย์อีกต่อไป ทั่วทั้งจักรวาล เราจะปรากฏอย่างเปิดเผยต่อผู้คนทั้งหมด และบรรดาผู้ที่มีเนื้อหนังและโลหิตทั้งหมดจะมองดูกิจการของเราทั้งหมด บรรดาผู้ที่มีจิตวิญญาณทั้งหมดจะอาศัยอยู่ในสันติสุขในนิเวศของเราอย่างแน่นอน และแน่ใจได้เลยว่าจะชื่นชมพรอันน่าอัศจรรย์ร่วมกันกับเรา บรรดาผู้ที่เราดูแลทั้งหมดจะหลีกหนีการตีสอนอย่างแน่นอนและจะหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดของจิตวิญญาณและความเจ็บปวดรวดร้าวของเนื้อหนังอย่างแน่นอน เราจะปรากฏอย่างเปิดเผยต่อกลุ่มชนทั้งหมดและปกครองและใช้อำนาจ เพื่อที่กลิ่นของซากศพจะไม่แผ่ไปทั่วจักรวาลอีกต่อไป แต่สุคนธรสอันสดชื่นของเราจะกระจายไปทั่วโลก เพราะวันของเรากำลังใกล้เข้ามา มนุษย์กำลังตื่นขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างบนแผ่นดินโลกอยู่ในระเบียบ และวันเวลาแห่งการอยู่รอดของแผ่นดินโลกจะไม่มีอีกแล้ว เพราะเราได้มาถึงแล้ว!

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระวจนะของพระเจ้าถึงทั้งจักรวาล บทที่ 29

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger