พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การรู้จักพระเจ้า | บทตัดตอน 196

วันที่ 25 เดือน 10 ปี 2023

หัวข้อถัดไปนี้เกี่ยวโยงกับวัฏจักรแห่งชีวิตและความตายของบรรดาคนปรนนิบัติ พวกเราเพิ่งได้พูดถึงต้นกำเนิดของบรรดาคนปรนนิบัติไป นั่นคือข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขามาเกิดใหม่หลังจากที่เคยเป็นผู้ไม่เชื่อและสัตว์ในชีวิตทั้งหลายก่อนหน้านั้นของพวกเขา ด้วยการมาถึงของพระราชกิจช่วงระยะสุดท้าย พระเจ้าได้ทรงคัดเลือกผู้คนเช่นนั้นกลุ่มหนึ่งมาจากบรรดาผู้ไม่เชื่อ และคนกลุ่มนี้มีความพิเศษ จุดมุ่งหมายของพระเจ้าในการเลือกสรรประชากรเหล่านี้ก็คือเพื่อให้พวกเขามารับใช้พระราชกิจของพระองค์ "การปรนนิบัติ" ไม่ใช่คำที่ฟังดูสง่างามมากนักและไม่สอดคล้องกับความปรารถนาของทุกคน แต่พวกเราควรดูว่ามันมุ่งไปที่ใคร การมีอยู่ของบรรดาคนปรนนิบัติของพระเจ้ามีนัยสำคัญพิเศษอย่างหนึ่ง ไม่มีใครอื่นที่สามารถแสดงบทบาทของพวกเขาได้ เพราะพระเจ้าทรงเลือกสรรพวกเขามา และบทบาทของคนปรนนิบัติเหล่านี้คืออะไร? นั่นคือการรับใช้บรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร โดยส่วนใหญ่แล้ว บทบาทของพวกเขาคือการให้การปรนนิบัติแก่พระราชกิจของพระเจ้า การให้ความร่วมมือกับพระราชกิจ และการอำนวยความสะดวกแก่พระเจ้าในการทำให้บรรดาผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรรมีความครบบริบูรณ์ ไม่ว่าพวกเขาจะกำลังทำงานหนัก กำลังดำเนินงานในบางแง่มุม หรือกำลังรับหน้าที่ทำภารกิจบางอย่างอยู่หรือไม่ก็ตาม อะไรคือข้อพึงประสงค์ของพระเจ้าเกี่ยวกับบรรดาคนปรนนิบัติเหล่านี้? พระองค์ทรงเรียกร้องอย่างมากในข้อพึงประสงค์ของพระองค์ต่อพวกเขาหรือไม่? (ไม่ พระองค์ทรงขอเพียงว่าให้พวกเขาจงรักภักดี) บรรดาคนปรนนิบัติก็ต้องจงรักภักดีด้วยเช่นกัน ไม่ว่าต้นกำเนิดของเจ้าเป็นอย่างไรหรือเหตุใดพระเจ้าจึงได้ทรงเลือกเจ้า เจ้าต้องจงรักภักดีต่อพระเจ้า ต่อพระบัญชาใดๆ ที่พระเจ้าไว้วางพระทัยมอบหมายแก่เจ้า และต่องานที่เจ้ารับผิดชอบ และหน้าที่ที่เจ้าปฏิบัติ สำหรับคนปรนนิบัติที่สามารถจงรักภักดีและทำให้พระเจ้าพึงพอพระทัยได้นั้น บทอวสานของพวกเขาจะเป็นอย่างไร? พวกเขาจะสามารถคงอยู่ได้ การได้เป็นคนปรนนิบัติผู้ซึ่งยังคงอยู่นับเป็นพระพรใช่หรือไม่? การยังคงอยู่หมายความถึงสิ่งใด? อะไรคือนัยสำคัญของพระพรนี้? ในด้านสถานะ พวกเขาดูไม่เหมือนกับบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร พวกเขาดูแตกต่างไป แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว สิ่งที่พวกเขาชื่นชมในชีวิตนี้มิใช่เป็นแบบเดียวกันกับของบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรหรอกหรือ? อย่างน้อยที่สุด มันเป็นแบบเดียวกันในชั่วชีวิตนี้ พวกเจ้าไม่ปฏิเสธการนี้ใช่หรือไม่? ถ้อยดำรัสของพระเจ้า พระคุณของพระเจ้า การจัดเตรียมของพระเจ้า พระพรของพระเจ้า—ใครเล่าไม่ชื่นชมกับสิ่งเหล่านี้? ทุกคนชื่นชมกับความอุดมเช่นนั้น อัตลักษณ์ของคนปรนนิบัติคือผู้ซึ่งทำการปรนนิบัติ แต่สำหรับพระเจ้าแล้ว พวกเขาเป็นเพียงหนึ่งในท่ามกลางสรรพสิ่งทั้งมวลที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้น เพียงแต่ว่าบทบาทของพวกเขาคือการเป็นคนปรนนิบัติ ในฐานะที่ทั้งสองเป็นสิ่งทรงสร้างของพระเจ้า มีความแตกต่างอันใดระหว่างคนปรนนิบัติกับผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรหรือไม่? ในด้านผลกระทบแล้วไม่มี เมื่อกล่าวถึงในนามแล้ว มีความแตกต่างอย่างหนึ่ง ในเนื้อแท้และในแง่ของบทบาทที่พวกเขาแสดงก็มีความแตกต่างอย่างหนึ่ง—แต่พระเจ้ามิได้ทรงปฏิบัติต่อผู้คนกลุ่มนี้อย่างไม่ยุติธรรม ดังนั้นเหตุใดผู้คนเหล่านี้จึงได้รับการนิยามว่าเป็นคนปรนนิบัติ? พวกเจ้าต้องมีความเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับการนี้! คนปรนนิบัติมาจากท่ามกลางบรรดาผู้ไม่เชื่อ ทันทีที่เราระบุว่าพวกเขามาจากท่ามกลางผู้ไม่เชื่อ มันปรากฏชัดว่าพวกเขามีภูมิหลังที่ไม่ดีเหมือนๆ กัน กล่าวคือ พวกเขาล้วนเป็นพวกอเทวนิยม และเคยเป็นเช่นนั้นในอดีตด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่เชื่อในพระเจ้า และเป็นปรปักษ์กับพระองค์ กับความจริง และกับทุกสรรพสิ่งที่เป็นเชิงบวก พวกเขาไม่เชื่อในพระเจ้าหรือในการมีอยู่ของพระองค์ เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาสามารถที่จะเข้าใจพระวจนะของพระเจ้าได้หรือ? มันสมควรแล้วที่จะกล่าวว่า พวกเขาจำนวนมากไม่สามารถ เช่นเดียวกับที่สัตว์ทั้งหลายไม่สามารถที่จะเข้าใจคำพูดแบบมนุษย์ได้ บรรดาคนปรนนิบัติก็ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่พระเจ้ากำลังตรัส สิ่งที่พระองค์ทรงพึงประสงค์ หรือเหตุผลที่ทำให้พระองค์ทรงทำข้อเรียกร้องเช่นนั้นได้ พวกเขาไม่เข้าใจ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจจับใจความได้ และพวกเขายังคงไม่ได้รับความรู้แจ้ง ด้วยเหตุผลนี้เอง ผู้คนเหล่านี้จึงไม่มีชีวิตอย่างที่พวกเราได้กล่าวถึงไปแล้ว หากไม่มีชีวิตนั้น ผู้คนจะสามารถเข้าใจความจริงได้หรือ? พวกเขาจะมีความจริงกระนั้นหรือ? พวกเขามีประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับพระวจนะของพระเจ้าหรือไม่? (ไม่มี) เช่นนั้นเองคือต้นกำเนิดของบรรดาคนปรนนิบัติ อย่างไรก็ตาม ในเมื่อพระเจ้าทรงทำให้ผู้คนเหล่านี้เป็นคนปรนนิบัติ ยังคงมีมาตรฐานทั้งหลายในข้อพึงประสงค์ของพระองค์ต่อพวกเขา พระองค์มิทรงดูแคลนพวกเขา และพระองค์มิได้ทรงทำแบบพอเป็นพิธีกับพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่จับใจความพระวจนะของพระองค์และไม่มีการถือครองชีวิต แต่พระเจ้าก็ยังคงทรงปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างกรุณา และยังคงมีมาตรฐานทั้งหลายอยู่เมื่อกล่าวถึงข้อพึงประสงค์ของพระองค์ต่อพวกเขา พวกเจ้าเพิ่งกล่าวถึงมาตรฐานเหล่านี้ นั่นคือ การจงรักภักดีต่อพระเจ้าและการทำสิ่งที่พระองค์ตรัส ในการปรนนิบัติของเจ้านั้น เจ้าต้องรับใช้ในที่ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรนนิบัติ และเจ้าต้องรับใช้จนถึงที่สุด หากเจ้าสามารถเป็นคนปรนนิบัติที่จงรักภักดีได้ สามารถรับใช้ไปตลอดจนถึงที่สุด และสามารถปฏิบัติพระบัญญัติที่พระเจ้าไว้วางพระทัยมอบหมายแก่เจ้าจนสำเร็จลุล่วงได้ เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็จะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า หากเจ้าสามารถทำการนี้ได้ เจ้าก็จะสามารถคงอยู่ หากเจ้าใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นอีกสักนิด หากเจ้าพยายามให้หนักขึ้นอีกสักนิด สามารถเพิ่มความมุมานะของเจ้าในการรู้จักพระเจ้าขึ้นอีกเท่าตัว สามารถพูดถึงการรู้จักพระเจ้าได้เล็กน้อย สามารถเป็นคำพยานให้กับพระองค์ได้ และยิ่งไปกว่านั้น หากเจ้าสามารถเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับน้ำพระทัยของพระองค์ สามารถร่วมมือในพระราชกิจของพระเจ้าได้ และสามารถใส่ใจในเจตนารมณ์ของพระเจ้าได้บ้าง เช่นนั้นแล้ว เจ้า ในฐานะคนปรนนิบัติ ก็จะได้รับประสบการณ์กับการเปลี่ยนโชค และการเปลี่ยนโชคนี้จะเป็นเช่นไร? เจ้าก็จะเพียงแค่ไม่สามารถคงอยู่อีกต่อไป พระเจ้าจะทรงทำให้เจ้าเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ได้รับการเลือกสรร โดยขึ้นอยู่กับการประพฤติและความทะเยอทะยานและการไล่ตามเสาะหาส่วนตัวของเจ้า นี่จะเป็นการเปลี่ยนโชคของเจ้า สำหรับบรรดาคนปรนนิบัติแล้วนั้น อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการนี้? นั่นก็คือว่าพวกเขาสามารถกลายเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรได้ หากพวกเขาเป็นดังนั้น นั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่มาเกิดใหม่เป็นสัตว์อย่างที่บรรดาผู้ไม่เชื่อเป็นอีกต่อไป การนั้นดีใช่หรือไม่? การนั้นดีและยังเป็นข่าวดีอีกด้วย กล่าวคือ นั่นหมายความว่าบรรดาคนปรนนิบัติสามารถได้รับการหล่อหลอมได้ มันไม่ใช่กรณีที่ว่า สำหรับคนปรนนิบัติแล้ว เมื่อพระเจ้าได้ทรงลิขิตไว้ล่วงหน้าให้พวกเขารับใช้ พวกเขาก็จะรับใช้ตลอดไป ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น พระเจ้าจะทรงรับมือกับพวกเขาและตอบสนองพวกเขาในหนทางที่เหมาะสมกับการประพฤติส่วนตัวของบุคคลนี้

อย่างไรก็ตาม มีคนปรนนิบัติที่ไม่สามารถรับใช้ไปจนถึงที่สุดได้ มีบรรดาผู้ซึ่งล้มเลิกกลางคันและละทิ้งพระเจ้าในระหว่างการปรนนิบัติของพวกเขา รวมทั้งผู้คนที่กระทำความผิดมากมายหลายอย่าง มีแม้กระทั่งบรรดาผู้ที่ก่อให้เกิดอันตรายใหญ่หลวงและนำมาซึ่งความสูญเสียใหญ่หลวงต่อพระราชกิจของพระเจ้า และมีแม้กระทั่งคนปรนนิบัติที่สาปแช่งพระเจ้า และอื่นๆ ผลพวงที่ไม่อาจแก้ไขได้เหล่านี้บ่งบอกถึงสิ่งใด? การกระทำชั่วใดๆ เช่นนั้นจะบ่งชี้ถึงการสิ้นสุดการปรนนิบัติของพวกเขา เนื่องจากการประพฤติของเจ้าในระหว่างการปรนนิบัติของเจ้าแย่จนเกินไปและเพราะเจ้าทำตัวเหลือที่จะรับได้ ทันทีที่พระเจ้าทรงเห็นว่าการปรนนิบัติของเจ้าไม่ได้มาตรฐาน พระองค์จะทรงเพิกถอนสิทธิ์ในการรับใช้ของเจ้า พระองค์จะไม่ทรงอนุญาตให้เจ้ารับใช้อีกต่อไป พระองค์จะทรงลบเจ้าออกไปจากสายพระเนตรของพระองค์และจากพระนิเวศของพระเจ้า เป็นอันว่าเจ้าไม่ต้องการรับใช้ใช่หรือไม่? เจ้าไม่ใช่ต้องการที่จะทำความชั่วอยู่เนืองนิตย์หรอกหรือ? เจ้ามิใช่ไม่สัตย์ซื่ออยู่เนืองนิตย์หรอกหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็มีทางออกง่ายๆ นั่นคือ เจ้าจะต้องถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการรับใช้ สำหรับพระเจ้าแล้ว การเพิกถอนสิทธิ์ในการรับใช้ไปจากคนปรนนิบัติคนหนึ่งหมายความว่าบทอวสานของคนปรนนิบัติคนนี้ได้รับการประกาศแล้ว และพวกเขาจะไม่มีสิทธิ์รับใช้พระเจ้าอีกต่อไป พระเจ้าไม่จำเป็นต้องทรงมีการปรนนิบัติของบุคคลผู้นี้อีกต่อไปแล้ว และไม่ว่าพวกเขาอาจจะพูดสิ่งดีๆ อันใด คำพูดเหล่านั้นจะสูญเปล่า เมื่อสิ่งต่างๆ ได้มาถึงจุดนี้แล้ว สถานการณ์จะกลายเป็นมิอาจแก้ไขได้แล้ว บรรดาคนปรนนิบัติเยี่ยงนี้จะไม่มีหนทางให้กลับมา และพระเจ้าทรงจัดการกับคนปรนนิบัติเช่นนี้อย่างไร? พระองค์เพียงทรงหยุดพวกเขาจากการรับใช้กระนั้นหรือ? หามิได้ พระองค์เพียงแค่ทรงขัดขวางไม่ให้พวกเขาคงอยู่เท่านั้นหรือ? หรือว่าพระองค์จะทรงวางพวกเขาเอาไว้ก่อนแล้วคอยให้พวกเขากลับตัว? พระองค์ไม่ทรงทำเช่นนั้น แท้จริงแล้ว พระเจ้าไม่ทรงมีความรักเช่นนั้นเมื่อเป็นเรื่องของคนปรนนิบัติ หากบุคคลหนึ่งมีท่าทีแบบนี้ในการปรนนิบัติพระเจ้าของเขา พระเจ้าก็จะทรงเพิกถอนพวกเขาจากสิทธิ์ในการรับใช้ของพวกเขา อันเป็นผลจากท่าทีนี้ และจะทรงโยนพวกเขากลับไปอยู่ท่ามกลางบรรดาผู้ไม่เชื่ออีกครั้งหนึ่ง และชะตากรรมของคนปรนนิบัติที่ถูกโยนกลับไปอยู่ท่ามกลางผู้ไม่เชื่อนั้นจะเป็นอย่างไร? มันจะเป็นแบบเดียวกับชะตากรรมของผู้ไม่เชื่อ กล่าวคือ พวกเขาจะมาเกิดใหม่เป็นสัตว์และได้รับการลงโทษแบบเดียวกันในโลกฝ่ายวิญญาณในฐานะผู้ไม่เชื่อคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น พระเจ้าจะไม่ทรงให้ความสนพระทัยส่วนพระองค์ใดๆ ในการลงโทษบุคคลผู้นี้ เพราะบุคคลเช่นนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับพระราชกิจของพระเจ้าอีกต่อไป นี่ไม่ใช่เป็นเพียงบทอวสานแห่งชีวิตที่มีความเชื่อในพระเจ้าของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นบทอวสานของชะตากรรมของพวกเขาเองด้วยเช่นกัน รวมถึงเป็นการประกาศชะตากรรมของพวกเขา ด้วยเหตุนี้เอง หากคนปรนนิบัติรับใช้อย่างไม่ดีพอ พวกเขาจะต้องแบกรับผลพวงที่ตามมาด้วยตัวพวกเขาเอง หากคนปรนนิบัติไม่สามารถทำการรับใช้จนถึงที่สุดได้ หรือถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการรับใช้ของพวกเขาไปในระหว่างทาง เช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็จะถูกขว้างให้ไปอยู่ท่ามกลางผู้ไม่เชื่อ—และหากเกิดการนี้ขึ้น บุคคลเช่นนั้นจะได้รับการจัดการด้วยวิธีเดียวกันกับปศุสัตว์ ด้วยวิธีเดียวกันกับผู้คนที่ไม่มีสติปัญญาหรือไร้ความมีเหตุผล เมื่อเราอธิบายเช่นนี้ เจ้าสามารถเข้าใจได้ใช่ไหม?

สิ่งที่กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้คือวิธีที่พระเจ้าทรงจัดการกับวัฏจักรแห่งชีวิตและความตายของบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรรและบรรดาคนปรนนิบัติ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องนี้แล้ว พวกเจ้ารู้สึกอย่างไร? เราเคยกล่าวถึงหัวข้อนี้มาก่อนหรือไม่? เราเคยกล่าวในหัวเรื่องที่เกี่ยวกับบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรและบรรดาคนปรนนิบัติแล้วหรือยัง? แท้ที่จริงเราเคยกล่าวถึงแล้ว แต่พวกเจ้าไม่จำ พระเจ้าทรงชอบธรรมต่อประชากรที่พระองค์ทรงเลือกสรรและบรรดาคนปรนนิบัติ พระองค์ทรงชอบธรรมในทุกๆ ด้าน เราพูดถูกหรือไม่? มีที่ใดที่เจ้าสามารถพบความเท็จในการนี้หรือไม่? มีบ้างไหมผู้คนที่จะกล่าวว่า "เหตุใดพระเจ้าจึงทรงผ่อนปรนต่อบรรดาผู้ที่ได้รับการเลือกสรรถึงเพียงนั้น? และเหตุใดพระองค์จึงทรงอดกลั้นต่อบรรดาคนปรนนิบัติเพียงน้อยนิดเท่านั้น?" มีใครบ้างไหมที่ปรารถนาจะยืนขึ้นเพื่อคนปรนนิบัติ? "พระเจ้าทรงสามารถให้เวลาแก่คนปรนนิบัติมากขึ้น อดกลั้นและทนยอมรับพวกเขาให้มากขึ้นได้หรือไม่?" มันถูกต้องหรือไม่ที่จะถามคำถามเช่นนั้น? (ไม่ มันไม่ถูกต้อง) และเหตุใดจึงไม่ถูกต้องเล่า? (เพราะแท้ที่จริงแล้ว เพียงผ่านทางการให้เป็นคนปรนนิบัติก็แสดงให้พวกเราเห็นถึงความโปรดปรานแล้ว) แท้ที่จริงแล้ว เพียงโดยการได้รับอนุญาตให้รับใช้ บรรดาคนปรนนิบัติก็ได้รับการแสดงให้เห็นถึงความโปรดปราน! หากไม่มีชื่อว่า "คนปรนนิบัติ" และหากไม่มีงานที่พวกเขาทำ ผู้คนเหล่านี้จะอยู่ที่ใด? พวกเขาคงจะอยู่ท่ามกลางบรรดาผู้ไม่เชื่อ โดยมีชีวิตและตายไปกับปศุสัตว์ ช่างเป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาได้ชื่นชมในวันนี้ ที่ได้รับอนุญาตให้มาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและมายังพระนิเวศของพระเจ้า! นี่ช่างเป็นพระคุณอันใหญ่หลวง! หากพระเจ้ามิได้ทรงมอบโอกาสในการรับใช้ให้แก่เจ้า เจ้าก็คงจะไม่มีทางมีโอกาสได้มาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ ไม่ต้องกล่าวถึงเลยว่า ต่อให้เจ้าเป็นใครบางคนที่เป็นคนพุทธและได้บรรลุการเกิดผล อย่างมากที่สุดเจ้าก็คงเป็นแต่เพียงเด็กวิ่งงานในโลกฝ่ายวิญญาณ เจ้าจะไม่มีวันได้พบพระเจ้า ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์หรือพระวจนะของพระองค์ หรือสัมผัสความรักและพระพรของพระองค์ อีกทั้งเจ้าไม่อาจจะมาประจันหน้ากับพระองค์ได้เลย สิ่งทั้งหลายที่ชาวพุทธมีอยู่เบื้องหน้าพวกเขานั้นเป็นเพียงภารกิจง่ายๆ เท่านั้น พวกเขาไม่อาจจะรู้จักพระเจ้าได้ และพวกเขาเพียงทำตามและเชื่อฟัง ในขณะที่บรรดาคนปรนนิบัติได้รับมากมายหลายอย่างยิ่งนักในระหว่างช่วงระยะของพระราชกิจนี้! ประการแรก พวกเขาสามารถมาประจันหน้ากับพระเจ้าได้ ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ ได้ยินพระวจนะของพระองค์ และได้รับประสบการณ์กับพระคุณและพระพรต่างๆ ที่พระองค์ประทานแก่ผู้คน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาสามารถชื่นชมพระวจนะและความจริงทั้งหลายที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ คนปรนนิบัติทั้งหลายได้รับมากมายยิ่งนักอย่างแท้จริง! ด้วยเหตุนี้ หากในฐานะคนปรนนิบัติแล้วเจ้าไม่สามารถแม้กระทั่งใช้ความมานะพยายามอย่างถูกต้องเหมาะสม เช่นนั้นแล้ว พระเจ้าจะยังคงทรงสามารถเก็บเจ้าไว้ได้อีกหรือ? พระองค์ไม่ทรงสามารถเก็บเจ้าไว้ได้ พระองค์มิได้ทรงขอจากเจ้ามากมาย กระนั้นเจ้าก็ไม่ได้ทำสิ่งใดที่พระองค์ทรงขออย่างถูกต้องเหมาะสมเลย เจ้าไม่ยึดมั่นในหน้าที่ของเจ้า เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พระเจ้าไม่ทรงสามารถเก็บเจ้าไว้ได้ เช่นนั้นคือพระอุปนิสัยอันชอบธรรมของพระเจ้า พระเจ้าไม่ทรงพะเน้าพะนอเจ้า แต่พระองค์ก็ไม่ทรงเลือกปฏิบัติกับเจ้า เหล่านี้คือหลักการที่พระเจ้าทรงใช้กระทำการ พระเจ้าทรงปฏิบัติต่อผู้คนและสิ่งทรงสร้างทั้งปวงในลักษณะนี้

—พระวจนะฯ เล่ม 2 ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า, พระเจ้าพระองค์เอง พระผู้ทรงเอกลักษณ์ 10

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger