พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน: การเข้าสู่ชีวิต | บทตัดตอน 385

วันที่ 20 เดือน 08 ปี 2021

ท่าทีเพียงอย่างเดียวที่สิ่งทรงสร้างควรมีต่อพระผู้สร้างของมันก็คือท่าทีของความเชื่อฟัง ท่าทีของความเชื่อฟังแบบปราศจากเงื่อนไข นี่คือบางสิ่งซึ่งผู้คนบางคนในทุกวันนี้อาจไร้ความสามารถที่จะยอมรับ นี่เป็นเพราะวุฒิภาวะของมนุษย์ด้อยเกินไปและพวกเขาปราศจากความจริงความเป็นจริง หากนี่พรรณนาสภาวะของเจ้า เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็ย่อมห่างไกลจากการที่จะสามารถเชื่อฟังพระเจ้า ในขณะที่มนุษย์ได้รับการจัดเตรียมให้และได้รับการให้น้ำโดยพระวจนะของพระเจ้า ในข้อเท็จจริงแล้ว มนุษย์ก็กำลังตระเตรียมสำหรับสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวอยู่เช่นกัน สิ่งนั้นก็คือ การมีความสามารถที่จะสัมฤทธิ์การนบนอบอันสมบูรณ์ปราศจากเงื่อนไขต่อพระเจ้าในท้ายที่สุด ซึ่ง ณ จุดนั้น ตัวเจ้าซึ่งเป็นสิ่งทรงสร้างนี้ย่อมจะได้ไปถึงมาตรฐานที่พึงประสงค์แล้ว บางคราว พระเจ้าทรงจงใจทำสิ่งทั้งหลายที่ไม่ลงรอยกับมโนคติที่หลงผิดของเจ้า ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่เจ้าต้องการ หรือซึ่งถึงขั้นปรากฏว่าสวนทางกับหลักการทั้งหลาย สวนทางกับความรู้สึกมนุษย์ สภาวะความเป็นมนุษย์ หรืออารมณ์อ่อนไหวทั้งหลาย ทิ้งให้เจ้าไร้ความสามารถที่จะยอมรับสิ่งที่พระเจ้าทรงทำ และไร้ความสามารถที่จะเข้าใจ ไม่ว่าเจ้ามองมันในหนทางใด มันก็ไม่ดูเหมือนว่าถูกต้อง เจ้าก็เพียงแค่ไม่สามารถยอมรับมัน และเจ้ารู้สึกว่า สิ่งที่พระองค์ทรงทำนั้นไม่สมเหตุสมผลก็เท่านั้นเอง ดังนั้นแล้วพระประสงค์ของพระเจ้าในการทำสิ่งเหล่านี้คืออะไรเล่า? นั่นก็คือเพื่อที่จะทดสอบเจ้า เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องเสวนาถึงวิธีและเหตุผลทั้งหลายของสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงทำไป ทั้งหมดที่เจ้าจำเป็นต้องทำก็คือธำรงรักษาความเชื่อของเจ้าที่ว่า พระองค์ทรงเป็นความจริง และระลึกรู้ว่า พระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างของเจ้า ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเจ้า นี่สูงส่งกว่าความจริงทั้งมวล สูงส่งกว่าสติปัญญาทางโลกทั้งมวล กว่าสิ่งที่เรียกว่าศีลธรรม จริยธรรมของมนุษย์ ความรู้ การศึกษา ปรัชญาหรือวัฒนธรรมตามประเพณีของมนุษย์ และถึงขั้นสูงส่งกว่าความเสน่หาหรือความเป็นเพื่อน หรือสิ่งที่เรียกว่าความรักระหว่างผู้คน—สูงส่งกว่าสิ่งอื่นใดโดยสมบูรณ์ หากเจ้าไม่สามารถเข้าใจการนี้ เช่นนั้นแล้วไม่ช้าก็เร็วเมื่อบางสิ่งเกิดขึ้นกับเจ้า เจ้าย่อมง่ายต่อการที่จะกบฏและออกนอกลู่นอกทางไปก่อนการกลับใจใหม่และการระลึกรู้ว่าพระเจ้าทรงควรค่าที่จะรักเพียงใด และนัยสำคัญของพระราชกิจที่พระองค์ทรงปฏิบัติต่อเจ้าในที่สุด หรือที่ยิ่งแย่กว่านั้นก็คือ เจ้าอาจจะสะดุดล้มเพราะมัน…โดยไม่คำนึงว่าบุคคลหนึ่งได้เชื่อในพระเจ้ามานานเท่าไร ถนนสายที่พวกเขาได้เดินทางล่องมานั้นยาวเท่าไร พวกเขาได้ทำงานไปมากเท่าไรและกี่หน้าที่แล้วที่พวกเขาได้ปฏิบัติไป คราวนี้ทั้งหมดล้วนได้กำลังตระเตรียมพวกเขาเพื่อสิ่งหนึ่งสิ่งเดียว นั่นคือ เพื่อให้เจ้ามีความสามารถที่จะสัมฤทธิ์การนบนอบอันสมบูรณ์ปราศจากเงื่อนไขต่อพระเจ้าในท้ายที่สุด ดังนั้นแล้ว "ปราศจากเงื่อนไข" หมายถึงสิ่งใดหรือ? มันหมายถึงการเพิกเฉยต่อการมีเหตุผลอันควรส่วนตัวทั้งหลายของเจ้า การเพิกเฉยต่อการให้เหตุผลตามข้อเท็จจริง และการไม่ต่อล้อต่อเถียงเกี่ยวกับสิ่งใด กล่าวคือ เจ้าเป็นสิ่งทรงสร้างหนึ่งและเจ้าไม่มีค่าคู่ควร เมื่อเจ้าต่อล้อต่อเถียงกับพระเจ้า เจ้าอยู่ในตำแหน่งที่ผิดไปแล้ว ครั้นเจ้าพยายามที่จะให้เหตุผลกับตัวเจ้าเองต่อพระเจ้า เจ้าก็อยู่ในตำแหน่งที่ผิดไปอีกครั้ง เมื่อเจ้าโต้เถียงกับพระเจ้า เมื่อเจ้าต้องการที่จะถามถึงเหตุผลว่าทำไม ต้องการที่จะคิดให้ออกว่าอันที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น หากเจ้าไม่สามารถเชื่อฟังโดยปราศจากความเข้าใจมาก่อน และจะนบนอบก็ต่อเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนสำหรับเจ้าเท่านั้น เจ้าย่อมอยู่ในตำแหน่งที่ผิดไปอีกครั้ง เมื่อตำแหน่งที่เจ้าอยู่ในนั้นมันผิด ความเชื่อฟังที่เจ้ามีต่อพระเจ้านั้นสมบูรณ์กระนั้นหรือ? เจ้ากำลังปฏิบัติต่อพระเจ้าดั่งที่พระเจ้าควรทรงได้รับการปฏิบัติหรือไม่? เจ้านมัสการพระองค์ในฐานะองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสรรพสิ่งทรงสร้างทั้งปวงหรือไม่? ไม่ เจ้าไม่ได้กำลังทำ ซึ่งในกรณีนั้นเองที่พระเจ้าไม่ทรงระลึกถึงเจ้า สิ่งใดหรือที่สามารถทำให้เจ้ามีความสามารถที่จะสัมฤทธิ์ความเชื่อฟังที่สมบูรณ์ปราศจากเงื่อนไขต่อพระเจ้า? การนี้สามารถได้รับประสบการณ์ได้อย่างไร? นัยหนึ่งนั้น พึงต้องมีมโนธรรมและสำนึกแห่งสภาวะความเป็นมนุษย์ที่ปกติอยู่สักนิด อีกนัยหนึ่งนั้น ในขณะที่เจ้ากำลังทำหน้าที่ของเจ้าให้ลุล่วง ทุกๆ แง่มุมของความจริงต้องได้รับความเข้าใจเพื่อที่เจ้าอาจเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า บางครั้ง ขีดความสามารถของมนุษย์นั้นตกหล่นไป และมนุษย์ไม่มีความแข็งแกร่งหรือกำลังวังชาที่จะเข้าใจความจริงทั้งหมด อย่างไรก็ตามมีอยู่สิ่งหนึ่ง นั่นก็คือ เจ้าต้องมีท่าทีที่เชื่อฟังเสมอและจงอย่าถามเหตุผลว่าทำไม โดยไม่คำนึงถึงสภาพแวดล้อม ผู้คน เหตุการณ์ และสิ่งทั้งหลายที่มาสู่เจ้าโดยไม่คาดฝันและที่พระเจ้าได้ทรงจัดการเตรียมการไว้แล้ว หากแม้แต่ท่าทีนี้ก็ยังเกินกว่าที่เจ้าจะมีได้ และเจ้าถึงขั้นสามารถไปไกลถึงขนาดที่ระแวดระวังพระเจ้า คาดเดาเกี่ยวกับพระเจ้า หรือไม่ก็คิดกับตัวเองว่า "ฉันจำเป็นต้องพิจารณาว่าสิ่งที่พระเจ้ากำลังทรงทำอยู่นั้นชอบธรรมตามความเป็นจริง พวกเขาพูดว่าพระเจ้าคือความรัก ถ้าเช่นนั้นก็มาดูกันว่ามีความรักอยู่ในสิ่งที่พระองค์กำลังทรงทำกับฉันหรือไม่ และอันที่จริงแล้ว นี่คือความรักหรือไม่" หากเจ้ากำลังตรวจสอบอยู่เสมอว่าสิ่งที่พระเจ้ากำลังทรงทำอยู่นั้นคล้อยตามมโนคติอันหลงผิดของเจ้าหรือไม่ กำลังมองตรงที่ว่าสิ่งที่พระเจ้ากำลังทรงทำนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าชอบหรือไม่ หรือถึงขั้นมองว่าสิ่งที่พระเจ้ากำลังทรงทำนั้นทำตามสิ่งที่เจ้าเชื่อว่าเป็นความจริงหรือไม่ เช่นนั้นแล้วตำแหน่งของเจ้าก็ผิด และนี่จะนำพาความเดือดร้อนมาสู่เจ้าและเจ้าจะหมิ่นเหม่ที่จะล่วงเกินพระอุปนิสัยของพระเจ้า

—พระวจนะฯ เล่ม 3 บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย, ภาคที่สาม

ดูเพิ่ม

ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ

Leave a Reply

แบ่งปัน

ยกเลิก

ติดต่อเราผ่าน Messenger