พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์และองค์พระเยซูเจ้าคือพระเจ้าหนึ่งเดียว
เมื่อมวลมนุษย์ถูกซาตานทำให้เสื่อมทราม พระเจ้าได้ทรงเริ่มแผนการบริหารจัดการของพระองค์เพื่อความรอดของมวลมนุษย์ พระเจ้าได้ทรงดำเนินพระราชกิจสามช่วงระยะแห่งความรอดของมวลมนุษย์ เหล่านั้นคือพระราชกิจของพระยาห์เวห์พระเจ้าในยุคพระธรรม พระราชกิจขององค์พระเยซูเจ้าในยุคพระคุณ และพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ในยุคแห่งราชอาณาจักร ในระหว่างยุคธรรมบัญญัติ พระยาห์เวห์พระเจ้าได้ทรงประกาศใช้ธรรมบัญญัติทั้งหลายและทรงนำชีวิตของมวลมนุษย์ โดยทำให้ผู้คนรู้ว่าพวกเขาควรนมัสการพระเจ้า และทำให้พวกเขารู้ว่าบาปคือสิ่งใด แต่ด้วยการมาถึงของช่วงระยะสุดท้ายของยุคธรรมบัญญัติ ความเสื่อมทรามของมวลมนุษย์ได้กลายเป็นลุ่มลึกมากกว่าที่เคย และผู้คนมักจะฝ่าฝืนธรรมบัญญัติและทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าบ่อยครั้ง พวกเขาได้เผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกกล่าวโทษและตัดสินประหารชีวิตเนื่องจากการฝ่าฝืนของพวกเขา ด้วยเหตุนี้ เพื่อตอบสนองความจำเป็นต้องการของมวลมนุษย์ พระเจ้าได้ทรงสวมรูปของมนุษย์และได้ทรงกลายเป็นองค์พระเยซูเจ้าในช่วงระหว่างยุคพระคุณ พระองค์ถูกตรึงที่กางเขนเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษย์ และได้ทรงไถ่มนุษย์จากบาป ทำให้ผู้คนมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและอธิษฐานต่อพระเจ้า สารภาพและกลับใจ ได้รับการอภัยสำหรับบาปของพวกเขา และดำรงชีวิตภายใต้ความมั่งคั่งแห่งพระคุณและพระพรของพระเจ้า แต่เพราะธรรมชาติบาปของผู้คนยังไม่ได้รับการแก้ไข และพวกเขายังคงทำบาปและต่อต้านพระเจ้าบ่อยๆ ดังนั้นในยุคแห่งราชอาณาอชจักรพระเจ้าจึงได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง โดยใช้พระนามของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เพื่อทรงแสดงพระราชกิจแห่งการพิพากษาที่เริ่มต้นจากพระนิเวศของพระเจ้าบนรากฐานของพระราชกิจแห่งการไถ่ขององค์พระเยซูเจ้า และเพื่อแสดงความจริงทั้งหมดเพื่อความรอดและการชำระมวลมนุษย์ให้บริสุทธิ์ โดยทรงลบล้างธรรมชาติบาปของมวลมนุษย์ ทำให้มวลมนุษย์ยุติการไม่เชื่อฟังพระเจ้าและการต่อต้านพระเจ้าของพวกเขา ทรงเปิดโอกาสให้มนุษย์ได้เชื่อฟังพระเจ้าและนมัสการพระเจ้าอย่างแท้จริง และในที่สุด ทรงนำทางมวลมนุษย์ไปสู่บั้นปลายที่งดงาม ถึงแม้ว่าพระราชกิจที่พระเจ้าได้ทรงทำในยุคธรรมบัญญัติ ยุคพระคุณ และยุคแห่งราชอาณาจักรจะแตกต่างกัน แต่พระนามที่พระองค์ได้ทรงใช้และพระอุปนิสัยที่พระองค์ได้ทรงแสดงออกจะแตกต่างกัน แต่เนื้อแท้และจุดมุ่งหมายแห่งพระราชกิจของพระองค์ก็เป็นแบบเดียวกัน—ทั้งหมดนั้นเป็นไปเพื่อช่วยมวลมนุษย์ให้รอด และพระราชกิจทั้งหมดนั้นกระทำโดยพระเจ้าพระองค์เอง ดังที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ตรัสไว้ว่า “จากพระราชกิจของพระยาห์เวห์จนถึงพระราชกิจของพระเยซู และจากพระราชกิจของพระเยซูจนถึงพระราชกิจช่วงระยะปัจจุบันนี้ สามช่วงระยะเหล่านี้ครอบคลุมเรื่องราวอันต่อเนื่องตลอดช่วงทั้งหมดของการบริหารจัดการของพระเจ้า และเหล่านั้นล้วนเป็นพระราชกิจของพระวิญญาณหนึ่งเดียว นับตั้งแต่การทรงสร้างโลก พระเจ้าทรงพระราชกิจในการบริหารจัดการมวลมนุษย์อยู่ตลอดเวลา พระองค์ทรงเป็นปฐมกาลและบทอวสาน พระองค์ทรงเป็นองค์แรกและองค์สุดท้าย และพระองค์ทรงเป็นองค์หนึ่งเดียวผู้ทรงเริ่มต้นยุคหนึ่งและเป็นองค์หนึ่งเดียวผู้ทรงนำยุคนั้นไปถึงบทอวสาน พระราชกิจสามช่วงระยะ ในยุคทั้งหลายที่แตกต่างกันและในตำแหน่งแห่งหนทั้งหลายที่แตกต่างกันนั้น คือพระราชกิจของพระวิญญาณหนึ่งเดียวอย่างไม่มีผิดพลาด พวกเหล่านั้นทั้งหมดที่แยกช่วงระยะทั้งสามเหล่านี้ออกจากกันล้วนยืนอยู่ในทางตรงกันข้ามกับพระเจ้า” (พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, นิมิตแห่งพระราชกิจของพระเจ้า (3))
เป็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว ผู้คนจำนวนน้อยนิดที่ได้รู้อย่างแท้จริงว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเป็นพระเจ้าพระองค์เอง ว่าพระองค์ทรงเป็นการปรากฏของพระเจ้า และว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงจุติมาเป็นมนุษย์ แท้ที่จริงแล้ว พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกไว้อย่างชัดเจนมานานแล้วว่าองค์พระเยซูเจ้าตรัสว่า “คนที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา” (ยอห์น 14:9) “พระบิดาทรงอยู่ในเราและเราอยู่ในพระบิดา” (ยอห์น 10:38) “เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” (ยอห์น 10:30) เมื่อองค์พระเยซูเจ้าได้ตรัสว่า “เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” พระองค์กำลังตรัสว่าพระองค์และพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระวิญญาณหนึ่งเดียว พระวจนะที่องค์พระเยซูเจ้าทรงดำรัสและพระวจนะเหล่านั้นที่พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงดำรัสเป็นอันเดียวกัน—พระวจนะเหล่านั้นเป็นความจริงทั้งคู่ พระวจนะเหล่านั้นเป็นถ้อยดำรัสของพระวิญญาณหนึ่งเดียว และแหล่งกำเนิดของทั้งคู่เป็นอันเดียวกัน กล่าวคือ องค์พระเยซูเจ้าและพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว ในทำนองเดียวกันนี้ แหล่งกำเนิดของพระวจนะที่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงแสดงในยุคสุดท้ายและแหล่งกำเนิดของพระวจนะที่องค์พระเยซูเจ้าได้ทรงแสดงเป็นอันเดียวกัน พระวจนะเหล่านั้นคือถ้อยดำรัสของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวจนะเหล่านั้นคือความจริง และพระวจนะเหล่านั้นคือพระสุรเสียงของพระเจ้า บรรดาผู้ที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าล้วนรู้ว่ามีคำเผยพระวจนะจำนวนมากกว่านั้นในพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่เกี่ยวกับการเสด็จกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระราชกิจแห่งการพิพากษาของพระเจ้าในยุคสุดท้าย ดังที่องค์พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย” (ยอห์น 14:3) “นี่แน่ะ เราจะมาในเร็วๆ นี้” (วิวรณ์ 22:12) “และเมื่อนั้นพวกเขาจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในเมฆ ด้วยฤทธานุภาพและพระรัศมีอันยิ่งใหญ่” (ลูกา 21:27) “นี่แน่ะ เรากำลังมาเหมือนอย่างขโมย” (วิวรณ์ 16:15) “ถ้าใครไม่ยอมรับเราและไม่รับคำของเรา จะมีสิ่งหนึ่งพิพากษาเขา คำที่เรากล่าวแล้วนั่นแหละจะพิพากษาเขาในวันสุดท้าย” (ยอห์น 12:48) ในจดหมายฉบับที่หนึ่งของเปโตรก็มีการกล่าวไว้ด้วยเช่นกันว่า “เพราะถึงเวลาแล้ว ที่การพิพากษาจะเริ่มต้นที่ครอบครัวของพระเจ้า” (1 เปโตร 4:17) มีการกล่าวไว้อย่างชัดเจนยิ่งในข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ว่าองค์พระเยซูเจ้าจะเสด็จกลับมาในระหว่างยุคสุดท้าย และจะแสดงพระวจนะต่างๆ และทำพระราชกิจแห่งการพิพากษา เมื่อพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์เสด็จมาถึงในช่วงระหว่างยุคสุดท้าย พระองค์ทรงพระราชกิจแห่งการพิพากษาที่เริ่มต้นจากพระนิเวศของพระเจ้าบนรากฐานของพระราชกิจแห่งการไถ่ขององค์พระเยซูเจ้า และทรงแสดงความจริงทั้งหมดเพื่อชำระมวลมนุษย์ให้บริสุทธิ์และช่วยมวลมนุษย์ให้รอด ถึงแม้ว่าพระราชกิจของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์และพระราชกิจขององค์พระเยซูเจ้าจะแตกต่างกัน แต่แหล่งกำเนิดของพระราชกิจเหล่านั้นก็เป็นอันเดียวกัน—คือพระเจ้าหนึ่งเดียว! การนี้ทำให้คำเผยพระวจนะขององค์พระเยซูเจ้าลุล่วงไปโดยบริบูรณ์ ความว่า “เรายังมีอีกหลายสิ่งที่จะบอกกับพวกท่าน แต่ตอนนี้ท่านยังรับไม่ไหว เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำพวกท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัสสิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกท่านถึงสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น” (ยอห์น 16:12-13) พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ผู้ทรงจุติมาเป็นมนุษย์ในยุคสุดท้ายคือรูปจำแลงของพระวิญญาณแห่งความจริง พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงเป็นองค์พระเยซูเจ้าที่เสด็จกลับมา
ปี 2022 โรคระบาดร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และภัยพิบัติต่างๆ เช่น แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร และสงครามยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน พระเจ้าทรงมีพระประสงค์อะไรเบื้องหลังภัยพิบัติเหล่านี้? เข้าร่วมการเทศนาออนไลน์แล้วจะบอกคำตอบให้แก่คุณ