หนทางแห่งชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ก็สามารถมีได้ อีกทั้งไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ก็สามารถบรรลุอย่างง่ายๆ ได้ นี่เป็นเพราะว่าชีวิตสามารถมาจากพระเจ้าได้เพียงเท่านั้น กล่าวคือ พระเจ้าพระองค์เองเท่านั้นที่ทรงครองแก่นแท้แห่งชีวิต และพระเจ้าพระองค์เองเท่านั้นที่ทรงมีหนทางแห่งชีวิต และดังนั้นพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงเป็นแหล่งกำเนิดชีวิต และน้ำพุของน้ำแห่งชีวิตที่ไหลอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ที่พระองค์ได้ทรงสร้างโลก พระเจ้าได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจมากมายเกี่ยวกับพลังแห่งชีวิต ได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจมากมายซึ่งนำชีวิตมาสู่มนุษย์ และได้ทรงจ่ายราคาแพงเพื่อที่มนุษย์อาจได้รับชีวิต นี่เป็นเพราะว่าพระเจ้าพระองค์เองทรงเป็นชีวิตนิรันดร์ และพระเจ้าพระองค์เองทรงเป็นหนทางซึ่งมนุษย์ได้รับการฟื้นคืนชีพ พระเจ้าไม่เคยทรงห่างหายไปจากหัวใจของมนุษย์ และพระองค์สถิตอยู่ท่ามกลางมนุษย์ตลอดเวลา พระองค์ทรงเป็นแรงขับเคลื่อนสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์ รากฐานของการดำรงอยู่ของมนุษย์ และแหล่งสะสมอันอุดมสำหรับการดำรงอยู่ของมนุษย์หลังกำเนิด พระองค์ทรงทำให้มนุษย์เกิดใหม่ และทรงทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตในทุกบทบาทของเขาได้อย่างมุ่งมั่นไม่ท้อถอย เนื่องเพราะฤทธานุภาพของพระองค์และพลังชีวิตอันมิอาจดับมอดของพระองค์ มนุษย์ได้ใช้ชีวิตมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ซึ่งตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาพลังแห่งชีวิตของพระเจ้าได้เป็นหลักค้ำจุนสำคัญแห่งการดำรงอยู่ของมนุษย์ และพระเจ้าได้ทรงจ่ายราคาซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่เคยจ่ายมาก่อน พลังชีวิตของพระเจ้าสามารถพิชิตพลังอำนาจใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมากล้นเกินกว่าพลังอำนาจใดๆ ชีวิตของพระองค์เป็นนิรันดร์ ฤทธานุภาพของพระองค์นั้นพิเศษกว่าความธรรมดาสามัญ และพลังชีวิตของพระองค์ก็ไม่สามารถถูกสิ่งมีชีวิตทรงสร้างใดหรือกองกำลังศัตรูใดเอาชนะได้ พลังชีวิตของพระเจ้านั้นดำรงอยู่และแผ่รัศมีเฉิดฉายไม่ว่าจะเป็นเวลาใดหรือสถานที่ใด สวรรค์และแผ่นดินโลกอาจผ่านการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อันมากมายใหญ่หลวง แต่ชีวิตของพระเจ้าเป็นเช่นเดิมตลอดกาล ทุกสรรพสิ่งอาจล้มหายตายจาก แต่ชีวิตของพระเจ้าจะยังคงอยู่ตามเดิม เพราะพระเจ้าทรงเป็นแหล่งกำเนิดของการดำรงอยู่ของทุกสรรพสิ่งและรากฐานของการดำรงอยู่ของสิ่งเหล่านั้น ชีวิตของมนุษย์มีกำเนิดที่มาจากพระเจ้า การมีอยู่ของสวรรค์ก็เพราะพระเจ้า และการมีอยู่ของแผ่นดินโลกก็มีต้นกำเนิดมาจากพลังอำนาจของชีวิตของพระเจ้า ไม่มีวัตถุใดที่ครองพลังชีวิตสามารถอยู่เหนือพระอธิปไตยของพระเจ้า และไม่มีสิ่งอันใดที่มีเรี่ยวแรงสามารถหลบหลีกจากอำนาจครอบครองของพระเจ้า เช่นนี้แล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร ทุกคนต้องยอมจำนนต่ออำนาจครอบครองของพระเจ้า ทุกคนจำต้องใช้ชีวิตภายใต้การบัญชาของพระเจ้า และไม่มีใครสามารถหลีกหนีจากพระหัตถ์ของพระองค์ได้
บางทีสิ่งที่เจ้าพึงปรารถนาในขณะนี้ก็คือการได้รับชีวิต หรือบางทีเจ้าอาจพึงปรารถนาที่จะได้รับความจริง ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด เจ้าปรารถนาที่จะพบพระเจ้า พบพระเจ้าผู้ที่เจ้าสามารถพึ่งพาได้ และเป็นผู้ที่สามารถจัดเตรียมชีวิตนิรันดร์แก่เจ้าได้ หากเจ้าปรารถนาที่จะได้รับชีวิตนิรันดร์ เจ้าต้องเข้าใจถึงแหล่งกำเนิดชีวิตนิรันดร์เสียก่อน และต้องรู้ว่าพระเจ้าสถิตอยู่ ณ แห่งหนใดเสียก่อน เราได้พูดไว้แล้วว่าพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงมีชีวิตที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ และพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงครอบครองหนทางแห่งชีวิต เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นชีวิตที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นพระองค์จึงทรงเป็นชีวิตนิรันดร์ เนื่องจากพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงเป็นหนทางแห่งชีวิต ด้วยเหตุนี้พระเจ้าพระองค์เองจึงทรงเป็นหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์ เมื่อเป็นเช่นนั้น อย่างแรกเลย เจ้าควรเข้าใจเสียก่อนว่าพระเจ้าสถิตอยู่ ณ แห่งหนใด และจะได้รับหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์นี้ได้อย่างไร เราลองมาเข้าร่วมสามัคคีธรรมในปัญหาสองข้อนี้โดยแยกต่างหากจากกันเถิด
หากเจ้าปรารถนาที่จะได้รับหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์อย่างแท้จริง และหากเจ้ามีความกระหายในการค้นหาชีวิตเช่นนั้นของเจ้า เช่นนั้นแล้วจงตอบคำถามนี้เสียก่อนว่า พระเจ้าสถิตอยู่ ณ แห่งหนใดในวันนี้? บางทีเจ้าน่าจะตอบว่า “แน่นอนว่า พระเจ้าดำรงพระชนม์ชีพอยู่ในสวรรค์—พระองค์ไม่น่าที่จะดำรงพระชนม์ชีพอยู่ในบ้านของเจ้า ใช่หรือไม่?” บางทีเจ้าอาจพูดว่าพระเจ้าดำรงพระชนม์ชีพท่ามกลางทุกสรรพสิ่งอย่างเห็นได้ชัด หรือไม่เจ้าก็อาจพูดว่าพระเจ้าดำรงพระชนม์ชีพในหัวใจของแต่ละคน หรือพูดว่าพระเจ้าสถิตอยู่ในอาณาจักรฝ่ายวิญญาณ เราไม่ปฏิเสธเรื่องใดๆ นี้เลย แต่เราต้องชี้แจงปัญหานี้ให้ชัดเจน มันไม่ถูกต้องทั้งหมดหากจะกล่าวว่าพระเจ้าดำรงพระชนม์ชีพในหัวใจของมนุษย์ แต่มันก็ไม่ผิดทั้งหมดเช่นกัน นั่นเป็นเพราะ ท่ามกลางบรรดาผู้ที่เชื่อในพระเจ้า มีพวกที่การเชื่อของตนนั้นเป็นการเชื่อที่แท้จริง และพวกที่การเชื่อของตนนั้นเป็นการเชื่อที่เป็นเท็จ มีพวกที่พระเจ้าทรงรับรองและพวกที่พระเจ้าไม่ทรงรับรอง มีพวกที่ทำให้พระองค์พอพระทัยและพวกที่พระองค์ทรงรังเกียจ และมีพวกที่พระองค์ทรงทำให้มีความเพียบพร้อมและพวกที่พระองค์ทรงขับออกไป และดังนั้นเราจึงพูดว่าพระเจ้าดำรงพระชนม์ชีพในหัวใจของผู้คนไม่กี่คน และผู้คนเหล่านี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือพวกที่เชื่อในพระเจ้าอย่างแท้จริง พวกที่พระเจ้าทรงรับรอง พวกที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัย และพวกที่พระเจ้าทรงทำให้มีความเพียบพร้อม พวกเขาคือผู้ที่ได้รับการทรงนำโดยพระเจ้า เนื่องจากพวกเขาได้รับการทรงนำโดยพระเจ้า พวกเขาจึงเป็นผู้คนที่ได้ยินและได้เห็นหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์ของพระเจ้าแล้ว พวกที่การเชื่อในพระเจ้าของตนนั้นเป็นความเชื่อที่เทียมเท็จ พวกที่ไม่ได้รับการรับรองจากพระเจ้า พวกที่พระเจ้าทรงรังเกียจ พวกที่ถูกพระเจ้าทรงขับออกไป—พวกเขามีแนวโน้มที่จะถูกปฏิเสธโดยพระเจ้า มีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่โดยปราศจากหนทางแห่งชีวิต และมีแนวโน้มที่จะยังคงไม่รู้เท่าทันเลยว่าพระเจ้าสถิตอยู่ ณ แห่งหนใด ในทางตรงกันข้าม บรรดาผู้ที่มีพระเจ้าดำรงพระชนม์ชีพอยู่ในหัวใจของตนรู้ว่าพระองค์สถิตอยู่ ณ แห่งหนใด พวกเขาคือผู้คนที่พระเจ้าประทานหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์ และพวกเขาคือผู้ที่ติดตามพระเจ้า บัดนี้เจ้ารู้หรือไม่ว่าพระเจ้าสถิตอยู่ ณ แห่งหนใด? พระเจ้าสถิตอยู่ทั้งในหัวใจของมนุษย์และเคียงข้างมนุษย์ พระองค์ไม่เพียงสถิตอยู่ในอาณาจักรฝ่ายวิญญาณเท่านั้น และอยู่เหนือสรรพสิ่งทั้งมวล แต่ยิ่งไปกว่านั้นยังทรงอยู่บนแผ่นดินโลกซึ่งมนุษย์นั้นดำรงอยู่ และดังนั้นการมาถึงของยุคสุดท้ายจึงได้นำขั้นตอนของพระราชกิจของพระเจ้าเข้าสู่ดินแดนใหม่ พระเจ้าทรงกุมอธิปไตยเหนือทุกสิ่งทุกอย่างท่ามกลางทุกสรรพสิ่ง และพระองค์ทรงเป็นหลักสำคัญของมนุษย์ในหัวใจของเขา และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงดำรงอยู่ท่ามกลางมนุษย์ วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้พระองค์สามารถนำพาหนทางแห่งชีวิตมาสู่มวลมนุษย์ และนำพามนุษย์เข้าสู่หนทางแห่งชีวิตได้ พระเจ้าได้เสด็จมาสู่แผ่นดินโลก และดำรงพระชนม์ชีพอยู่ท่ามกลางมนุษย์ เพื่อที่มนุษย์อาจได้รับหนทางแห่งชีวิต และเพื่อที่มนุษย์อาจดำรงอยู่ ในขณะเดียวกันพระเจ้าก็ทรงบัญชาทุกสิ่งทุกอย่างท่ามกลางทุกสรรพสิ่งในจักรวาลด้วยเช่นกัน เพื่อเอื้ออำนวยการให้ความร่วมมือในการบริหารจัดการที่พระองค์ทรงทำท่ามกลางมนุษย์ และดังนั้น หากเจ้าเพียงรับรู้คำสอนว่าพระเจ้าสถิตในสวรรค์และในหัวใจของมนุษย์เท่านั้น แต่กลับไม่รับรู้ความจริงของการดำรงอยู่ของพระเจ้าท่ามกลางมนุษย์ เช่นนั้นแล้วเจ้าจะไม่มีทางได้รับชีวิต และจะไม่มีวันได้รับหนทางแห่งความจริง
พระเจ้าพระองค์เองทรงเป็นชีวิต และความจริง และพระชนม์ชีพของพระองค์และความจริงก็ดำรงอยู่ร่วมกัน พวกที่ไม่สามารถได้รับความจริงจะไม่มีทางได้รับชีวิต หากปราศจากการทรงนำ การสนับสนุน และการจัดเตรียมความจริง เจ้าจะได้รับเพียงคำพูด คำสอน และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด ความตายเท่านั้น พระชนม์ชีพของพระเจ้าเป็นปัจจุบันตลอดกาล และความจริงและพระชนม์ชีพของพระองค์นั้นดำรงอยู่ร่วมกัน หากเจ้าไม่สามารถค้นพบแหล่งกำเนิดความจริง เช่นนั้นแล้วเจ้าจะไม่ได้รับการบำรุงเลี้ยงของชีวิต หากเจ้าไม่สามารถได้รับการจัดเตรียมชีวิต เช่นนั้นแล้วเจ้าจะไม่มีความจริงอย่างแน่นอน และดังนั้น นอกเหนือจากจินตนาการและมโนคติอันหลงผิดต่างๆ แล้ว ร่างกายทั้งร่างของเจ้าจะไม่เป็นอะไรเลยนอกจากเนื้อหนังของเจ้า—เนื้อหนังที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าของเจ้า จงรู้ไว้ว่าคำพูดในหนังสือนั้นไม่นับว่าเป็นชีวิต บรรดาบันทึกประวัติศาสตร์ไม่สามารถได้รับการสักการบูชาประหนึ่งว่าเป็นความจริงได้ และกฎระเบียบต่างๆ ในอดีตก็ไม่สามารถทำหน้าที่แทนบันทึกพระวจนะที่ตรัสโดยพระเจ้าในปัจจุบันได้ มีเพียงสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงแสดงให้เห็นเมื่อพระองค์เสด็จมาสู่แผ่นดินโลกและดำรงพระชนม์ชีพท่ามกลางมนุษย์เท่านั้นที่เป็นความจริง ชีวิต น้ำพระทัยของพระเจ้า และวิธีปฏิบัติพระราชกิจในปัจจุบันของพระองค์ หากเจ้านำบันทึกพระวจนะที่ตรัสโดยพระเจ้าระหว่างยุคต่างๆ ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้มาประยุกต์ใช้ นั่นก็จะทำให้เจ้าเป็นนักโบราณคดีคนหนึ่ง และวิธีที่ดีที่สุดในการบรรยายเกี่ยวกับตัวเจ้าก็คือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านมรดกทางประวัติศาสตร์คนหนึ่ง นั่นเป็นเพราะเจ้าเชื่อในร่องรอยต่างๆ ของพระราชกิจที่พระเจ้าได้ทรงปฏิบัติในช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้วเสมอ เชื่อเพียงเงาของพระเจ้าที่ทิ้งไว้จากครั้งที่พระองค์ได้ทรงพระราชกิจท่ามกลางมนุษย์ก่อนหน้านั้นเท่านั้น และเชื่อเพียงหนทางที่พระเจ้าได้ประทานแก่บรรดาผู้ติดตามของพระองค์ในช่วงเวลาอดีตเท่านั้น เจ้าไม่เชื่อในการชี้นำของพระราชกิจของพระเจ้า ณ วันนี้ ไม่เชื่อในโฉมพระพักตร์อันเปี่ยมสง่าราศีของพระเจ้าในวันนี้ และไม่เชื่อในหนทางแห่งความจริงที่พระเจ้าทรงแสดงในปัจจุบัน และดังนั้นเจ้าจึงเป็นผู้ฝันกลางวันคนหนึ่งอย่างปฏิเสธไม่ได้เลย ผู้ซึ่งห่างจากการติดต่อสัมผัสกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง หากบัดนี้เจ้ายังคงยึดติดอยู่กับคำพูดที่ไม่สามารถนำพาชีวิตมาสู่มนุษย์ได้ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็เป็นตอไม้ที่ตายแล้วไร้สิ้นซึ่งความหวังตอหนึ่ง[ก] เพราะเจ้านั้นอนุรักษ์นิยมเกินไป ดื้อรั้นเกินไป ไม่สนใจเหตุผลมากเกินไป!
พระเจ้าซึ่งทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ได้รับการขานพระนามว่าพระคริสต์ และดังนั้นแล้วพระคริสต์ที่สามารถประทานความจริงแก่ผู้คนได้จึงมีพระนามเรียกขานว่าพระเจ้า ไม่มีอะไรที่เกินเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะพระองค์ทรงครองแก่นแท้ของพระเจ้า และครองพระอุปนิสัยของพระเจ้า รวมทั้งครองพระปัญญาในพระราชกิจของพระองค์ ซึ่งมนุษย์ไม่อาจบรรลุได้ บรรดาพวกที่เรียกตัวเองว่าพระคริสต์ ทว่ากลับไม่สามารถทำงานของพระเจ้าได้นั้นเป็นพวกฉ้อฉล พระคริสต์ไม่ได้ทรงเป็นแค่การสำแดงของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นเนื้อหนังเฉพาะที่พระเจ้าทรงเข้าสวมในขณะที่พระองค์ทรงดำเนินพระราชกิจและทำพระราชกิจของพระองค์ท่ามกลางมนุษย์ให้ครบบริบูรณ์ เนื้อหนังนี้ไม่สามารถแทนที่ได้โดยมนุษย์คนใด แต่เป็นเนื้อหนังที่สามารถแบกรับพระราชกิจของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกได้ดีพอ สามารถแสดงพระอุปนิสัยของพระเจ้า และเป็นตัวแทนพระเจ้าได้เป็นอย่างดี และสามารถจัดเตรียมชีวิตให้แก่มนุษย์ได้ ไม่ช้าก็เร็ว พวกที่แสร้งแสดงตนเป็นพระคริสต์จะพินาศกันทั้งหมด เพราะแม้พวกเขาจะอ้างว่าเป็นพระคริสต์ พวกเขาก็ไม่ได้ครองแก่นแท้ของพระคริสต์เลย และดังนั้นเราจึงกล่าวว่าความจริงแท้แห่งพระคริสต์ไม่สามารถนิยามได้โดยมนุษย์ แต่พระเจ้าจะเป็นผู้ตอบและตัดสินด้วยพระองค์เอง อย่างนี้แล้ว หากเจ้าปรารถนาที่จะแสวงหาหนทางแห่งชีวิตอย่างแท้จริง เจ้าต้องรับรู้เสียก่อนว่า ด้วยการเสด็จมาสู่แผ่นดินโลกนั่นเองที่พระเจ้าทรงพระราชกิจแห่งการประทานหนทางแห่งชีวิตแก่มนุษย์ และเจ้าจำต้องรับรู้ว่า เป็นช่วงระหว่างยุคสุดท้ายนั่นเองที่พระองค์เสด็จมาสู่แผ่นดินโลกเพื่อประทานหนทางแห่งชีวิตแก่มนุษย์ นี่ไม่ใช่อดีต มันกำลังเกิดขึ้น ณ วันนี้
พระคริสต์ของยุคสุดท้ายทรงนำมาซึ่งชีวิต และนำมาซึ่งหนทางแห่งความจริงที่ถาวรและเป็นนิรันดร์ ความจริงนี้คือเส้นทางที่มนุษย์ได้รับชีวิต และเป็นเส้นทางเดียวเท่านั้นที่มนุษย์จะได้รู้จักพระเจ้าและได้รับการรับรองจากพระเจ้า หากเจ้าไม่แสวงหาทางแห่งชีวิตที่พระคริสต์แห่งยุคสุดท้ายทรงจัดเตรียมให้ เช่นนั้นแล้วเจ้าจะไม่มีทางได้รับการรับรองจากพระเยซู และจะไม่มีทางมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ที่จะเข้าสู่ประตูของราชอาณาจักรแห่งสวรรค์ เพราะเจ้านั้นเป็นทั้งหุ่นเชิดและนักโทษของประวัติศาสตร์ พวกที่ถูกควบคุมโดยกฎระเบียบทั้งหลาย โดยคำพูด และถูกประวัติศาสตร์ล่ามโซ่ไว้จะไม่มีทางได้รับชีวิตหรือได้รับหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์ นี่เป็นเพราะทั้งหมดที่พวกเขามีนั้นคือน้ำขุ่นซึ่งได้ถูกเก็บกักมาเป็นเวลาหลายพันปีแทนที่จะเป็นน้ำแห่งชีวิตซึ่งไหลมาจากพระบัลลังก์ พวกที่ไม่ได้รับการจัดหาน้ำแห่งชีวิตมาให้จะยังคงเป็นซากศพ ของเล่นของซาตาน และบุตรแห่งนรกไปตลอดกาล เช่นนั้นแล้ว พวกเขาจะเห็นพระเจ้าได้อย่างไร? หากเจ้าเพียงแค่พยายามยึดติดกับอดีต เพียงแค่พยายามเก็บรักษาสิ่งต่างๆ อย่างที่เป็นอยู่โดยการอยู่นิ่งเฉย และไม่พยายามเปลี่ยนสถานภาพปัจจุบันและละทิ้งประวัติศาสตร์ไปเสีย เช่นนั้นแล้วเจ้าจะไม่ต่อต้านพระเจ้าตลอดเวลาหรอกหรือ? ขั้นตอนของพระราชกิจของพระเจ้านั้นมากมายมหาศาลและมีฤทธานุภาพ ดั่งคลื่นที่ถาโถมและฟ้าที่ร้องคำรามต่อเนื่อง—กระนั้นเจ้าก็นั่งรอคอยการทำลายล้างอย่างนิ่งเฉย เกาะติดอยู่กับความโง่เขลาของเจ้าและไม่ทำอะไรเลย อย่างนี้แล้ว เจ้าจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นใครสักคนที่ติดตามย่างพระบาทของพระเมษโปดกได้อย่างไร? เจ้าจะสามารถแก้ต่างให้พระเจ้าที่เจ้ายึดติดนั้นว่าเป็นพระเจ้าที่มีความใหม่และไม่เคยเก่าอยู่เสมอได้อย่างไร? และคำพูดทั้งหลายจากบรรดาหนังสือที่เก่าจนเหลืองคร่ำคร่าของเจ้าจะสามารถหอบหิ้วเจ้าข้ามเข้าสู่ยุคใหม่ได้อย่างไร? คำพูดเหล่านั้นจะสามารถนำทางเจ้าในการแสวงหาขั้นตอนของพระราชกิจของพระเจ้าได้อย่างไร? และคำพูดเหล่านั้นจะสามารถพาเจ้าขึ้นไปสู่สวรรค์ได้อย่างไร? สิ่งที่เจ้าถือไว้ในมือของเจ้านั้นคือคำพูดที่สามารถให้ได้แต่เพียงการปลอบใจชั่วคราว ไม่ใช่ความจริงที่สามารถให้ชีวิตได้ คำพูดในบทคัมภีร์ทั้งหลายที่เจ้าอ่านสามารถประเทืองปลายลิ้นของเจ้าได้เท่านั้น และไม่ใช่คำพูดแห่งปรัชญาที่สามารถช่วยให้เจ้ารู้จักชีวิตมนุษย์ได้ นับประสาอะไรกับเส้นทางที่สามารถนำทางเจ้าไปสู่ความเพียบพร้อม ความคลาดเคลื่อนนี้ไม่ได้เป็นสาเหตุให้เจ้าพิจารณาไตร่ตรองหรอกหรือ? มันไม่ได้ทำให้เจ้าตระหนักถึงความล้ำลึกต่างๆ ที่บรรจุอยู่ภายในหรอกหรือ? เจ้าสามารถนำส่งตัวเจ้าเองสู่สวรรค์เพื่อพบพระเจ้าด้วยตัวของเจ้าเองได้หรือ? หากปราศจากการเสด็จมาของพระเจ้า เจ้าจะสามารถพาตัวเจ้าเองเข้าสู่สวรรค์เพื่อชื่นชมความสุขในครอบครัวกับพระเจ้าได้หรือ? เจ้ายังคงฝันกลางวันอยู่ในขณะนี้หรือไม่? เช่นนั้นแล้ว เราแนะนำให้เจ้าหยุดฝันแล้วมองดูว่าใครที่กำลังทำงานอยู่ในขณะนี้ ดูว่าใครที่กำลังดำเนินงานในการช่วยมนุษย์ให้รอดระหว่างยุคสุดท้ายอยู่ในขณะนี้ หากเจ้าไม่ทำ เจ้าก็จะไม่มีวันได้รับความจริง และจะไม่มีวันได้รับชีวิต
พวกที่ปรารถนาที่จะได้รับชีวิตโดยไม่พึ่งพาความจริงที่ตรัสโดยพระคริสต์คือผู้คนที่ไร้สาระน่าขันที่สุดบนแผ่นดินโลก และพวกที่ไม่ยอมรับหนทางแห่งชีวิตซึ่งนำพามาโดยพระคริสต์เป็นคนที่หลงอยู่ในความเพ้อฝัน และดังนั้นเราจึงกล่าวว่าพวกที่ไม่ยอมรับพระคริสต์ของยุคสุดท้ายจะถูกพระเจ้าทรงเกลียดไปตลอดกาล พระคริสต์ทรงเป็นประตูให้มนุษย์ไปสู่ราชอาณาจักรในระหว่างยุคสุดท้าย และไม่มีใครที่สามารถอ้อมเลี่ยงพระองค์ได้ อาจไม่มีใครเลยที่พระเจ้าทรงทำให้มีความเพียบพร้อมเว้นแต่จะผ่านทางพระคริสต์ เจ้าเชื่อในพระเจ้า และดังนั้นเจ้าต้องยอมรับพระวจนะของพระองค์และนบนอบต่อทางของพระองค์ เจ้าไม่สามารถคิดถึงเพียงแค่การได้รับพรเท่านั้นในขณะที่ไม่สามารถรับความจริงและไม่สามารถยอมรับการจัดเตรียมชีวิตได้ พระคริสต์เสด็จมาในระหว่างยุคสุดท้ายเพื่อที่ทุกคนซึ่งเชื่อในพระองค์อย่างแท้จริงอาจได้รับการจัดเตรียมชีวิตไว้ให้ พระราชกิจของพระองค์นั้นเป็นไปเพื่อการสรุปปิดตัวยุคเก่าและเข้าสู่ยุคใหม่ และพระราชกิจของพระองค์คือเส้นทางที่ทุกคนที่จะเข้าสู่ยุคใหม่จำต้องรับไว้ หากเจ้าไม่สามารถยอมรับรู้เกี่ยวกับพระองค์ และแทนที่จะเป็นเช่นนั้นกลับกล่าวโทษ หมิ่นประมาท หรือกระทั่งถึงกับข่มเหงพระองค์ เช่นนั้นแล้วเจ้าก็มีแนวโน้มที่จะถูกเผาไหม้ไปชั่วนิรันดร์และจะไม่มีวันเข้าสู่ราชอาณาจักรของพระเจ้าได้ เพราะพระคริสต์พระองค์นี้ทรงเป็นการแสดงออกด้วยพระองค์เองของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงเป็นการแสดงออกของพระเจ้า ทรงเป็นองค์หนึ่งเดียวที่พระเจ้าได้มอบความไว้วางพระทัยให้ปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลก และดังนั้นเราจึงกล่าวว่าหากเจ้าไม่สามารถยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระคริสต์แห่งยุคสุดท้ายได้ทรงปฏิบัติ เช่นนั้นแล้วเจ้าย่อมหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ บทลงโทษซึ่งพวกที่หมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์จะได้รับนั้นประจักษ์ชัดในตัวของมันเองต่อทุกคน เรายังบอกเจ้าอีกว่าหากเจ้าต่อต้านพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย หากเจ้ารังเกียจเดียดฉันท์พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย จะไม่มีใครอื่นอีกที่จะแบกรับผลสืบเนื่องแทนเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น นับจากวันนี้ไปเจ้าจะไม่มีโอกาสอีกแล้วที่จะได้รับการรับรองจากพระเจ้า ต่อให้เจ้าพยายามไถ่บาปให้แก่ตัวเจ้าเองก็ตาม เจ้าจะไม่มีวันได้เห็นพระพักตร์ของพระเจ้าอีกแล้ว เพราะสิ่งที่เจ้าต่อต้านนั้นไม่ใช่มนุษย์ สิ่งที่เจ้ารังเกียจเดียดฉันท์นั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ อ่อนแอบางอย่าง แต่เป็นพระคริสต์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลสืบเนื่องของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร? เจ้าจะไม่ได้ทำความผิดพลาดเล็กๆ แต่จะได้ก่ออาชญากรรมอันชั่วร้าย และดังนั้นเราจึงแนะนำทุกคนไม่ให้แสดงอาการแยกเขี้ยวข่มขู่เมื่ออยู่ต่อหน้าความจริง หรือทำการวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่ระมัดระวัง เพราะความจริงเท่านั้นที่สามารถนำชีวิตมาสู่เจ้าได้ และไม่มีอะไรเว้นแต่ความจริงที่สามารถเปิดโอกาสให้เจ้าเกิดใหม่และได้เห็นพระพักตร์ของพระเจ้าอีกครั้ง
เชิงอรรถ:
ก. ตอไม้ที่ตายแล้ว สำนวนจีน หมายถึง “เกินกว่าที่จะช่วยได้”