เจ้าปรารถนาที่จะพบเจอพระเยซูหรือไม่? เจ้าปรารถนาที่จะใช้ชีวิตร่วมกับพระเยซูหรือไม่? เจ้าปรารถนาที่จะได้ยินพระวจนะที่พระเยซูตรัสหรือไม่? หากเป็นเช่นนั้น แล้วเจ้าจะต้อนรับการทรงกลับมาของพระเยซูอย่างไร? เจ้าตระเตรียมอย่างเต็มที่หรือไม่? เจ้าจะต้อนรับการทรงกลับมาของพระเยซูในลักษณะใด? เราคิดว่าพี่น้องชายหญิงทุกคนที่ติดตามพระเยซูต้องการให้การต้อนรับที่ดีแก่พระองค์ แต่เจ้าเคยพิจารณาสิ่งนี้หรือไม่ กล่าวคือ เจ้าจะรู้จักพระเยซูอย่างแท้จริงหรือไม่ เมื่อพระองค์ทรงกลับมา? พวกเจ้าจะจับใจความทุกสิ่งที่พระองค์ตรัสอย่างแท้จริงหรือไม่? พวกเจ้าจะยอมรับพระราชกิจทั้งหมดที่พระองค์ทรงกระทำอย่างแท้จริงและไร้เงื่อนไขหรือไม่? ทุกคนที่ได้อ่านพระคัมภีร์รู้ถึงการทรงกลับมาของพระเยซู และทุกคนที่ได้อ่านพระคัมภีร์รอคอยการเสด็จมาของพระองค์อย่างตั้งใจ พวกเจ้าทุกคนยึดติดอยู่กับการมาถึงของชั่วขณะนั้น และความจริงใจของพวกเจ้าสมควรแก่การยกย่อง ความเชื่อของพวกเจ้าเป็นที่น่าอิจฉาอย่างแท้จริง แต่พวกเจ้าตระหนักหรือไม่ว่าพวกเจ้าได้ทำความผิดพลาดอย่างร้ายแรง? พระเยซูทรงกลับมาในลักษณะใด? พวกเจ้าเชื่อว่าพระเยซูจะทรงกลับมาบนเมฆขาว แต่เราขอถามพวกเจ้าว่า เมฆขาวนี้อ้างอิงถึงสิ่งใด? เนื่องจากผู้ติดตามพระเยซูที่รอการทรงกลับมาของพระองค์มีมากมายยิ่งนัก พระองค์จะเสด็จลงมาท่ามกลางผู้คนกลุ่มใด? หากพวกเจ้าเป็นกลุ่มแรกที่พระเยซูเสด็จลงมาอยู่ในท่ามกลาง กลุ่มอื่นๆ จะไม่มองว่า นี่ไม่ยุติธรรมอย่างโจ่งแจ้งหรอกหรือ? เรารู้ว่าพวกเจ้ามีความจริงใจและความจงรักภักดีต่อพระเยซูอย่างยิ่ง แต่พวกเจ้าเคยพบพระเยซูหรือไม่? พวกเจ้ารู้พระอุปนิสัยของพระองค์หรือไม่? พวกเจ้าเคยใช้ชีวิตร่วมกับพระองค์หรือไม่? พวกเจ้าเข้าใจเกี่ยวกับพระองค์จริงๆ มากเพียงใด? บ้างก็จะพูดว่า วจนะเหล่านี้ทำให้พวกเขาอยู่ในสภาวะลำบากใจกระอักกระอ่วน พวกเขาจะพูดว่า “ข้าพระองค์ได้อ่านพระคัมภีร์จากปกหน้าถึงปกหลังหลายต่อหลายครั้ง ข้าพระองค์จะไม่เข้าใจพระเยซูได้อย่างไร? ไม่ต้องห่วงเรื่องพระอุปนิสัยของพระเยซู—ข้าพระองค์ยังรู้แม้กระทั่งสีของฉลองพระองค์ที่พระองค์โปรดที่จะสวมใส่ เมื่อพระองค์ตรัสว่าข้าพระองค์ไม่เข้าใจพระองค์ พระองค์ไม่ได้กำลังดูเบาข้าพระองค์หรอกหรือ?” เราขอแนะนำให้เจ้าอย่าโต้เถียงเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ กล่าวคือ จะเป็นการดีเสียกว่าที่จะสงบใจลงและสามัคคีธรรมเกี่ยวกับคำถามต่อไปนี้ ประการแรก เจ้ารู้หรือไม่ว่าอะไรคือความเป็นจริง และอะไรคือทฤษฎี? ประการที่สอง เจ้ารู้หรือไม่ว่าอะไรคือมโนคติที่หลงผิด และอะไรคือความจริง? ประการที่สาม เจ้ารู้หรือไม่ว่าอะไรถูกจินตนาการขึ้นมา และอะไรเป็นจริง?
บางคนปฏิเสธข้อเท็จจริงว่าพวกเขาไม่เข้าใจพระเยซู แต่ถึงกระนั้น เราพูดเลยว่าพวกเจ้าไม่เข้าใจพระองค์แม้แต่น้อย และไม่จับใจความพระวจนะของพระเยซูแม้สักคำ นั่นเป็นเพราะว่าพวกเจ้าแต่ละคนติดตามพระองค์เนื่องจากเรื่องราวของพระคัมภีร์ เนื่องจากสิ่งที่ผู้อื่นพูดขึ้น พวกเจ้าไม่เคยเห็นพระเยซู นับประสาอะไรกับที่จะเคยใช้ชีวิตร่วมกับพระองค์ และพวกเจ้าไม่เคยแม้กระทั่งให้พระองค์ร่วมเคียงเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นแล้ว ความเข้าใจที่พวกเจ้ามีเกี่ยวกับพระเยซูนั้นหาได้เป็นสิ่งใดนอกเสียจากทฤษฎีมิใช่หรือ? นี่ไม่ได้ปราศจากความเป็นจริงโดยสิ้นเชิงหรอกหรือ? บางทีคนบางคนอาจเคยได้เห็นรูปภาพของพระเยซู หรือคนบางคนอาจเคยได้เยี่ยมบ้านของพระเยซูด้วยตัวเอง บางทีคนบางคนอาจเคยได้สัมผัสฉลองพระองค์ของพระเยซู แต่ความเข้าใจที่เจ้ามีเกี่ยวกับพระองค์ยังคงเป็นเชิงทฤษฎีและไม่สัมพันธ์กับชีวิตจริง ต่อให้เจ้าจะได้ชิมรสอาหารที่พระเยซูเคยเสวยแล้วด้วยตัวเจ้าเองก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม เจ้าก็ไม่เคยพบเห็นพระเยซูเลย และไม่เคยร่วมเคียงไปกับพระองค์ในรูปสัณฐานของเนื้อหนัง ดังนั้น ความเข้าใจที่เจ้ามีเกี่ยวกับพระเยซูจึงเป็นทฤษฎีที่ว่างเปล่าและปราศจากความเป็นจริงเสมอ บางทีคำพูดของเราอาจไม่เป็นที่น่าสนใจต่อเจ้ามากเท่าใดนัก แต่เราขอถามสิ่งนี้กับเจ้าว่า ถึงแม้เจ้าอาจเคยได้อ่านผลงานมากมายจากนักเขียนที่เจ้าเลื่อมใสที่สุด เจ้าสามารถเข้าใจนักเขียนคนนั้นได้อย่างครบถ้วนโดยปราศจากการใช้เวลาร่วมกับเขาเลยได้หรือไม่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าบุคลิกของเขาเป็นอย่างไร? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาใช้ชีวิตในรูปแบบใด? เจ้ารู้สิ่งใดเกี่ยวกับสภาวะทางอารมณ์ของเขาหรือไม่? เจ้าไม่สามารถแม้แต่จะเข้าใจมนุษย์ที่เจ้าเลื่อมใสได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าอาจจะสามารถเข้าใจพระเยซูคริสต์ได้? ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าเข้าใจเกี่ยวกับพระเยซูนั้นเต็มไปด้วยการจินตนาการและมโนคติที่หลงผิด และไม่มีความจริงหรือความเป็นจริงอยู่เลย มันส่งกลิ่นเหม็นและเต็มไปด้วยเนื้อหนัง ความเข้าใจเช่นนั้นจะสามารถทำให้เจ้ามีคุณสมบัติที่จะต้อนรับการทรงกลับมาของพระเยซูได้อย่างไร? พระเยซูจะไม่ทรงรับผู้ที่เต็มไปด้วยความเพ้อฝันและมโนคติที่หลงผิดของเนื้อหนังเอาไว้ พวกที่ไม่เข้าใจพระเยซูจะเหมาะสมที่จะเป็นผู้เชื่อของพระองค์ได้อย่างไร?
พวกเจ้าปรารถนาที่จะรู้ต้นตอหรือไม่ว่าทำไมพวกฟาริสีจึงต่อต้านพระเยซู? พวกเจ้าปรารถนาที่จะรู้แก่นแท้ของพวกฟาริสีหรือไม่? พวกเขาเต็มไปด้วยความเพ้อฝันเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พวกเขาเชื่อเพียงว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมา ทว่าไม่ได้ไล่ตามเสาะหาความจริงของชีวิต และดังนั้น แม้กระทั่งวันนี้พวกเขาก็ยังคงรอคอยพระเมสสิยาห์ เพราะพวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับหนทางแห่งชีวิต และไม่รู้ว่าหนทางแห่งความจริงคืออะไร พวกเจ้าพูดว่า ผู้คนที่โง่เขลา ดื้อรั้น และไม่รู้เท่าทันเช่นนั้นได้รับพรของพระเจ้าได้อย่างไร? พวกเขาจะสามารถมองเห็นพระเมสสิยาห์ได้อย่างไร? พวกเขาต่อต้านพระเยซูเพราะพวกเขาไม่รู้ทิศทางของพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะพวกเขาไม่รู้หนทางแห่งความจริงที่พระเยซูตรัส และยิ่งไปกว่านั้น เพราะพวกเขาไม่เข้าใจพระเมสสิยาห์ และเนื่องจากพวกเขาไม่เคยพบเห็นพระเมสสิยาห์และไม่เคยอยู่กับพระเมสสิยาห์ พวกเขาจึงทำผิดพลาดด้วยการยึดติดกับพระนามของพระเมสสิยาห์เท่านั้น พลางต่อต้านแก่นแท้ของพระเมสสิยาห์ในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ โดยแก่นแท้แล้ว พวกฟาริสีเหล่านี้ดื้อรั้น โอหัง และไม่เชื่อฟังความจริง หลักธรรมของความเชื่อที่พวกเขามีในพระเจ้าคือ ไม่ว่าการประกาศของพระองค์จะลุ่มลึกเพียงใดก็ตาม ไม่ว่าสิทธิอำนาจของพระองค์จะสูงส่งเพียงใดก็ตาม พระองค์ไม่ใช่พระคริสต์หากพระนามของพระองค์ไม่ใช่พระเมสสิยาห์ การเชื่อแบบนี้ไม่โง่เขลาและไร้สาระน่าขันหรอกหรือ? เราถามพวกเจ้าต่อไปอีกว่า ด้วยความที่พวกเจ้าไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับพระเยซูเลยแม้แต่น้อย พวกเจ้าจะไม่ทำผิดพลาดอย่างพวกฟาริสีในช่วงยุคเริ่มแรกได้อย่างง่ายดายยิ่งหรอกหรือ? เจ้ามีความสามารถที่จะหยั่งรู้หนทางแห่งความจริงได้หรือไม่? เจ้ารับประกันได้อย่างแท้จริงหรือไม่ว่าเจ้าจะไม่ต่อต้านพระคริสต์? เจ้ามีความสามารถที่จะติดตามพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้หรือไม่? หากเจ้าไม่รู้ว่าเจ้าจะต่อต้านพระคริสต์หรือไม่ เช่นนั้นแล้วเราพูดเลยว่าเจ้าก็กำลังใช้ชีวิตหมิ่นเหม่ใกล้ความตายแล้ว ผู้ที่ไม่รู้จักพระเมสสิยาห์ต่างสามารถที่จะต่อต้านพระเยซู ปฏิเสธพระเยซู ใส่ร้ายป้ายสีพระองค์ ผู้คนที่ไม่เข้าใจพระเยซูล้วนสามารถที่จะปฏิเสธพระองค์และประณามพระองค์ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาสามารถมองว่าการทรงกลับมาของพระเยซูเป็นการชักนำไปในทางที่ผิดของซาตาน และผู้คนจำนวนมากยิ่งขึ้นก็จะพากันกล่าวโทษพระเยซูผู้ทรงกลับสู่เนื้อหนัง ทั้งหมดนี้ไม่ทำให้พวกเจ้ารู้สึกกลัวหรือ? พวกเจ้าจะเผชิญกับการหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ การทำลายพระวจนะที่พระวิญญาณบริสุทธิ์มีต่อคริสตจักรทั้งหลาย และการรังเกียจเดียดฉันท์ทุกสิ่งที่พระเยซูทรงแสดงออก เจ้าจะสามารถได้รับสิ่งใดจากพระเยซูหรือ หากพวกเจ้ามึนงงสับสนถึงเพียงนี้? พวกเจ้าจะสามารถเข้าใจพระราชกิจของพระเยซูเมื่อพระองค์ทรงกลับมาสู่เนื้อหนังบนเมฆขาวได้อย่างไร หากพวกเจ้าดื้อดึงไม่ยอมตระหนักถึงความผิดพลาดของพวกเจ้า? เราขอบอกพวกเจ้าดังนี้ว่า ผู้คนที่ไม่ยอมรับความจริง แต่ยังรอการเสด็จมาถึงของพระเยซูบนเมฆขาวอย่างมืดบอด จะหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างแน่นอน และพวกเขาคือพวกที่จะถูกทำลาย พวกเจ้าเพียงปรารถนาพระคุณของพระเยซู และเพียงต้องการชื่นชมอาณาจักรอันผาสุกแห่งสวรรค์ ทว่าพวกเจ้าไม่เคยเชื่อฟังพระวจนะที่พระเยซูตรัส และไม่เคยยอมรับความจริงที่พระเยซูทรงแสดงเมื่อพระองค์ทรงกลับมาสู่เนื้อหนัง พวกเจ้าจะยกสิ่งใดขึ้นมาแลกกับข้อเท็จจริงที่ว่าพระเยซูทรงกลับมาบนเมฆขาว? สิ่งนั้นก็คือความจริงใจที่พวกเจ้าทำบาปซ้ำๆ แล้วก็พูดคำสารภาพบาปของพวกเจ้าซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ในนั้นใช่หรือไม่? พวกเจ้าจะถวายสิ่งใดเพื่อพลีอุทิศให้แก่พระเยซูผู้ทรงกลับมาบนเมฆขาว? สิ่งนั้นก็คือต้นทุนจากงานหลายปีที่พวกเจ้าใช้ยกย่องตัวเองใช่หรือไม่? พวกเจ้าจะยกสิ่งใดขึ้นมาทำให้พระเยซูผู้ทรงกลับมาไว้เนื้อเชื่อใจพวกเจ้า? สิ่งนั้นคือธรรมชาติอันโอหังของพวกเจ้าที่ไม่นบนอบต่อความจริงใดเลยใช่หรือไม่?
ความจงรักภักดีของพวกเจ้าเป็นแค่เพียงคำพูดเท่านั้น ความรู้ของพวกเจ้าเป็นแค่ในเชิงภูมิปัญญาและในทางมโนทัศน์เท่านั้น การลงแรงของพวกเจ้าเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการได้รับพรของสวรรค์ ดังนั้นแล้ว ความเชื่อของพวกเจ้าต้องเป็นแบบใดหรือ? แม้กระทั่งวันนี้ พวกเจ้ายังคงทำหูหนวกไม่รับทุกๆ พระวจนะแห่งความจริง พวกเจ้าไม่รู้สิ่งที่พระเจ้าทรงเป็น พวกเจ้าไม่รู้สิ่งที่พระคริสต์ทรงเป็น พวกเจ้าไม่รู้ว่าจะยำเกรงพระยาห์เวห์อย่างไร พวกเจ้าไม่รู้ว่าจะเข้าสู่พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างไร และพวกเจ้าไม่รู้ว่าจะแยกความต่างระหว่างพระราชกิจของพระเจ้าพระองค์เองกับการชักนำไปในทางที่ผิดของมนุษย์อย่างไร เจ้ารู้เพียงการกล่าวโทษพระวจนะแห่งความจริงใดๆ ก็ตามที่พระเจ้าทรงแสดงซึ่งไม่สอดคล้องกับความคิดของเจ้าเอง ไหนเล่าความถ่อมตัวของเจ้า? ไหนเล่าการนบนอบของเจ้า? ไหนเล่าความจงรักภักดีของเจ้าอยู่ที่ใด? ไหนเล่าความอยากที่จะแสวงหาความจริงของเจ้า? ไหนเล่าหัวใจที่ยำเกรงพระเจ้าของเจ้า? เราบอกพวกเจ้าเลยว่า พวกที่เชื่อในพระเจ้าเนื่องจากหมายสำคัญทั้งหลาย เป็นหมวดหมู่ที่จะถูกทำลายอย่างแน่นอน พวกที่ไม่สามารถยอมรับพระวจนะของพระเยซูผู้ทรงกลับมาสู่เนื้อหนังได้นั้นคือผู้สืบสันดานของนรก คือพงศ์พันธุ์ของหัวหน้าทูตสวรรค์ คือหมวดหมู่ที่จะต้องอยู่ภายใต้การทำลายล้างชั่วนิรันดร์กาลอย่างแน่นอน ผู้คนมากมายอาจไม่ใส่ใจในสิ่งที่เราพูด แต่เรายังอยากบอกทุกคนที่ได้ชื่อว่านักบุญผู้ติดตามพระเยซูว่า เมื่อพวกเจ้ามองเห็นพระเยซูเสด็จลงมาจากสวรรค์บนเมฆขาวด้วยตาของพวกเจ้าเองแล้ว นี่จะเป็นการปรากฏต่อสาธารณะของดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรม บางทีนั่นอาจเป็นเวลาแห่งความตื่นเต้นอย่างใหญ่หลวงสำหรับเจ้า ทว่าเจ้าควรรู้ว่าเวลาที่เจ้าเป็นพยานว่าพระเยซูเสด็จลงมาจากสวรรค์ยังเป็นเวลาที่เจ้าจะลงสู่นรกเพื่อรับการลงโทษด้วยเช่นกัน นั่นจะเป็นเวลาที่แผนการบริหารจัดการของพระเจ้ามาถึงบทอวสาน และนั่นจะเป็นเวลาที่พระเจ้าทรงปูนบำเหน็จรางวัลแก่คนดีและลงโทษคนชั่ว เพราะการพิพากษาของพระเจ้าจะสิ้นสุดลงก่อนที่มนุษย์จะมองเห็นหมายสำคัญทั้งหลาย ในเวลาที่มีเพียงการแสดงออกของความจริงเท่านั้น บรรดาผู้ที่ยอมรับความจริงและไม่แสวงหาหมายสำคัญ และดังนั้นจึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว จะได้หวนคืนมาอยู่หน้าบัลลังก์ของพระเจ้า และเข้าสู่อ้อมกอดของพระผู้สร้าง มีเพียงบรรดาผู้ที่ยืนกรานในการเชื่อว่า “พระเยซูผู้ไม่ได้ประทับมาบนเมฆขาวทรงเป็นพระคริสต์เทียมเท็จ” เท่านั้นที่จะต้องอยู่ภายใต้การลงโทษชั่วนิรันดร์กาล เพราะพวกเขาเชื่อในพระเยซูผู้ทรงจัดแสดงหมายสำคัญเท่านั้น แต่ไม่ยอมรับพระเยซูผู้ทรงป่าวประกาศการพิพากษาที่รุนแรงและปลดปล่อยหนทางที่แท้จริงและชีวิต และดังนั้น จึงเป็นได้เพียงว่าพระเยซูทรงจัดการกับพวกเขาเมื่อพระองค์ทรงกลับมาบนเมฆขาวอย่างเปิดเผย พวกเขาดื้อรั้นเกินไป มั่นใจในตัวเองเกินไป โอหังเกินไป พวกคนเสื่อมเช่นนั้นจะสามารถได้รับการปูนบำเหน็จรางวัลจากพระเยซูได้อย่างไร? การทรงกลับมาของพระเยซูเป็นความรอดที่ยิ่งใหญ่สำหรับบรรดาผู้ที่สามารถยอมรับความจริงได้ แต่สำหรับพวกที่ไร้ความสามารถที่จะยอมรับความจริงได้แล้ว นี่เองคือหมายสำคัญหนึ่งแห่งการกล่าวโทษ พวกเจ้าควรเลือกเส้นทางของพวกเจ้าเอง และไม่ควรหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์และปฏิเสธความจริง เจ้าไม่ควรเป็นคนที่ไม่รู้เท่าทันและโอหัง แต่เป็นใครบางคนที่นบนอบต่อการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์และถวิลหาและแสวงหาความจริง พวกเจ้าจะได้รับประโยชน์ด้วยวิธีนี้เท่านั้น เราแนะนำให้พวกเจ้าก้าวย่างบนเส้นทางแห่งความเชื่อในพระเจ้าด้วยความรอบคอบระมัดระวัง จงอย่าด่วนสรุป ยิ่งไปกว่านั้น อย่าทำตัวตามสบายและไร้ความคิดในการเชื่อในพระเจ้าของเจ้า พวกเจ้าควรรู้ว่าอย่างน้อยที่สุด บรรดาผู้ที่เชื่อในพระเจ้าควรถ่อมใจและมีหัวใจที่ยำเกรงพระเจ้า พวกที่เคยได้ยินความจริงทว่ากลับเชิดใส่ความจริงนั้นเป็นผู้ที่โง่เขลาและไม่รู้เท่าทัน พวกที่เคยได้ยินความจริงทว่ายังด่วนสรุปหรือกล่าวโทษความจริงนั้นโดยประมาทเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยความโอหัง ไม่มีผู้ใดเลยที่เชื่อในพระเยซูจะมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ที่จะสาปแช่งหรือกล่าวโทษผู้อื่นได้ พวกเจ้าทั้งหมดควรเป็นคนที่มีสำนึกรับรู้และผู้ที่ยอมรับความจริง บางที เมื่อได้ยินหนทางแห่งความจริงและได้อ่านพระวจนะแห่งชีวิตแล้ว เจ้าเชื่อว่ามีเพียงหนึ่งใน 10,000 ของพระวจนะที่สอดคล้องกับพระคัมภีร์ และความคิดเห็นของเจ้า และดังนั้นเจ้าจึงควรแสวงหาในพระวจนะลำดับที่ 10,000 ของพระวจนะเหล่านี้ต่อไป เรายังคงแนะนำให้เจ้าถ่อมใจ อย่ามั่นใจเกินไป และอย่ายกย่องตัวเองให้สูงส่งจนเกินไป ด้วยเจ้ามีหัวใจที่ยำเกรงพระเจ้าอยู่ไม่น้อย เจ้าจะได้รับความสว่างที่ยิ่งใหญ่กว่า หากเจ้าตรวจดูอย่างถี่ถ้วนและไตร่ตรองพระวจนะเหล่านี้ซ้ำๆ เจ้าจะเข้าใจว่าพระวจนะเหล่านี้เป็นความจริงหรือไม่ และพระวจนะเหล่านี้คือชีวิตหรือไม่ บางทีหลังจากที่ได้อ่านเพียงไม่กี่ประโยค คนบางคนจะกล่าวโทษพระวจนะเหล่านี้อย่างหูหนวกตาบอด และพูดว่า “นี่ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าความรู้แจ้งบางส่วนของพระวิญญาณบริสุทธิ์” หรือ “นี่คือพระคริสต์เทียมเท็จที่มาเพื่อชักนำผู้คนไปในทางที่ผิด” พวกที่พูดอะไรเช่นนั้นเป็นผู้ที่ตาบอดด้วยความไม่รู้เท่าทัน! เจ้าเข้าใจพระราชกิจและพระปัญญาของพระเจ้าน้อยเกินไป และเราแนะนำให้เจ้าเริ่มใหม่อีกครั้งตั้งแต่ต้นเลย! พวกเจ้าต้องไม่หูหนวกตาบอดกล่าวโทษพระวจนะที่พระเจ้าทรงแสดงเพราะการทรงปรากฏของพระคริสต์เทียมเท็จในช่วงระหว่างยุคสุดท้าย และพวกเจ้าต้องไม่เป็นคนที่หมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์เพราะพวกเจ้ากลัวการถูกชักนำไปในทางที่ผิด นั่นจะไม่เป็นความน่าเวทนาอันใหญ่หลวงหรอกหรือ? หลังจากการตรวจดูมากมาย หากเจ้ายังคงเชื่อว่าพระวจนะเหล่านี้ไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่หนทาง และไม่ใช่การแสดงออกของพระเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าจะได้รับการลงโทษในท้ายที่สุด และเจ้าจะปราศจากพร หากเจ้าไม่สามารถยอมรับความจริงที่ถูกกล่าวอย่างราบเรียบยิ่งนักและชัดเจนยิ่งนักดังกล่าวได้ เช่นนั้นแล้วเจ้าไม่ใช่ไม่เหมาะสมสำหรับความรอดของพระเจ้าหรอกหรือ? เจ้าไม่ใช่ผู้ที่ไม่ได้รับพรเพียงพอที่จะกลับคืนสู่หน้าบัลลังก์ของพระเจ้าหรือ? จงตรองดูเถิด! อย่าหุนหันพลันแล่นและใจเร็ว และอย่าทำเหมือนว่าการเชื่อในพระเจ้าเป็นเกม จงขบคิดเพื่อประโยชน์แห่งบั้นปลายของเจ้า เพื่อประโยชน์ของความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ของเจ้า เพื่อประโยชน์ของชีวิตของเจ้า และอย่าเล่นกับตัวเจ้าเอง เจ้าสามารถยอมรับพระวจนะเหล่านี้ได้หรือไม่?