00:00 00:00
00:00
00:00

ในฐานะสมาชิกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และคริสตชนผู้เปี่ยมศรัทธา พวกเราทุกคนล้วนมีความรับผิดชอบและภาระผูกพัน ที่จะต้องถวายร่างกายและจิตใจเพื่อเติมเต็มพระบัญชาของพระเจ้าให้สำเร็จบริบูรณ์ ด้วยเหตุที่การเป็นอยู่ของพวกเราทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นล้วนมาจากพระเจ้า และดำรงอยู่ได้ก็ด้วยอำนาจอธิปไตยของพระเจ้า หากร่างกายและจิตใจของเรามิได้มีไว้เพื่อพระบัญชาของพระเจ้าและไม่ได้เป็นไปเพื่อเหตุอันชอบธรรมของมวลมนุษย์แล้วไซร้ ดวงวิญญาณของพวกเราจะรู้สึกไม่ควรค่าต่อผู้คนซึ่งได้ยอมพลีชีพเพื่อพระบัญชาของพระเจ้าเลย และยิ่งไม่มีค่าพอต่อพระเจ้าผู้ได้ทรงจัดเตรียมทุกสิ่งไว้ให้กับพวกเรา

พระเจ้าได้ทรงสร้างโลกนี้ขึ้นมา พระองค์ได้ทรงสร้างมวลมนุษย์นี้ขึ้นมา และยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ทรงเป็นสถาปนิกแห่งวัฒนธรรมกรีกโบราณและอารยธรรมมนุษย์ มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงปลอบประโลมมวลมนุษย์นี้ และมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงดูแลเอาใจใส่มวลมนุษย์นี้ทั้งคืนและวัน พัฒนาการและความก้าวหน้าของมนุษย์นั้นไม่สามารถแยกออกจากอำนาจอธิปไตยของพระเจ้าได้ และประวัติศาสตร์และอนาคตของมวลมนุษย์เองก็หาได้พ้นไปจากการออกแบบของพระเจ้า หากเจ้าเป็นคริสตชนแท้คนหนึ่ง เจ้าย่อมจะเชื่ออย่างแน่นอนว่า ความรุ่งเรืองและความตกต่ำของประเทศใดหรือชนชาติใดก็ตามอุบัติขึ้นตามการออกแบบของพระเจ้า พระเจ้าแต่เพียงลำพังเท่านั้นที่ทรงรู้ชะตากรรมของประเทศหรือชาตินั้น และพระเจ้าเพียงลำพังเท่านั้นที่ทรงควบคุมครรลองของมวลมนุษย์นี้หากมวลมนุษย์ปรารถนาจะมีชะตากรรมที่ดี หากประเทศหนึ่งปรารถนาจะมีชะตากรรมที่ดี มนุษย์ก็จะต้องกราบไหว้พระเจ้าเพื่อนมัสการ กลับใจ และสารภาพต่อพระพักตร์ของพระเจ้า หรือหากไม่เช่นนั้น ชะตากรรมและปลายทางของมนุษย์ก็จะต้องเป็นมหันตภัยอย่างหนึ่งซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย

เมื่อมองย้อนกลับไปช่วงเวลาที่โนอาห์สร้างนาวา มวลมนุษย์กำลังเสื่อมทรามอย่างถลำลึก ผู้คนได้หลุดหลงออกไปจากพรของพระเจ้า ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพระเจ้าอีกต่อไป และได้สูญเสียสัญญาของพระเจ้า พวกเขามีชีวิตอยู่ในความมืดมิด ปราศจากแสงแห่งพระเจ้า จากนั้นพวกเขาก็กลับกลายไปมีลักษณะที่วิปริตผิดศีลธรรม ปล่อยปละละเลยตนเองให้กับความชั่วช้าน่าขยะแขยง ผู้คนเช่นนั้นไม่สามารถได้รับสัญญาของพระเจ้าอีกต่อไป พวกเขาไม่มีความเหมาะสมที่จะได้เป็นพยานพระพักตร์ของพระเจ้า หรือได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า ด้วยเหตุที่พวกเขาทอดทิ้งพระเจ้า โยนทุกสิ่งที่พระองค์ประทานให้พวกเขาทิ้งไป และลืมการทรงสอนต่างๆ ของพระเจ้า หัวใจของพวกเขาไถลห่างไปจากพระเจ้าไกลขึ้นและไกลขึ้น และด้วยความที่เป็นเช่นนั้น พวกเขาจึงกลับกลายไปเป็นเลวร้ายไร้ศีลธรรมจนเลยพ้นไปจากความมีเหตุผลและมนุษยธรรมทั้งมวล และกลายเป็นชั่วร้ายเยี่ยงมารมากขึ้นทุกที จากนั้นเอง พวกเขาได้เดินเข้าใกล้ความตายมากขึ้นเรื่อยๆ และตกไปอยู่ภายใต้พระพิโรธและการลงโทษของพระเจ้า มีเพียงโนอาห์ที่นมัสการพระเจ้าและหลบเลี่ยงมารร้าย และดังนั้นเขาจึงสามารถได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าและได้ยินคำแนะนำของพระองค์ เขาได้สร้างนาวาขึ้นตามคำแนะนำแห่งพระวจนะของพระเจ้า และที่นั่นเองที่สิ่งทรงสร้างซึ่งมีชีวิตในทุกลักษณะได้มาชุมนุมกัน และด้วยวิธีนี้ เมื่อทุกอย่างถูกเตรียมพร้อม พระเจ้าได้ทรงปลดปล่อยการทำลายล้างลงมาบนโลก มีเพียงโนอาห์กับสมาชิกคนอื่นๆ ของครอบครัวเขาอีกเจ็ดคนที่รอดชีวิตจากการทำลายล้างครั้งนั้น ซึ่งก็เป็นเพราะโนอาห์ได้นมัสการพระยาห์เวห์และหลบเลี่ยงความชั่วนั่นเอง

ตอนนี้ลองมามองที่ยุคปัจจุบัน เหล่ามนุษย์ผู้ชอบธรรมเช่นเดียวกับโนอาห์ ผู้ซึ่งสามารถนมัสการพระเจ้าและหลบเลี่ยงความชั่วนั้น ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว กระนั้น พระเจ้าก็ยังทรงเปี่ยมพระคุณต่อมวลมนุษย์นี้ และยังทรงอภัยบาปให้กับพวกเขาในช่วงระหว่างยุคสมัยสุดท้ายนี้ พระเจ้าทรงแสวงหาบรรดาผู้ที่ถวิลหาให้พระองค์ทรงปรากฏ พระองค์ทรงแสวงหาบรรดาผู้ที่สามารถได้ยินพระวจนะของพระองค์ ผู้ที่ยังไม่ลืมพระบัญชาของพระองค์ และมอบถวายหัวใจและร่างกายของพวกเขาแด่พระองค์ พระองค์ทรงแสวงหาบรรดาผู้ที่เชื่อฟังดุจทารกทั้งหลายเฉพาะพระพักตร์พระองค์ และไม่ต่อต้านพระองค์ หากเจ้ายอมอุทิศตัวเจ้าให้กับพระเจ้าโดยไม่ถูกยับยั้งจากพลังอำนาจหรือกำลังบังคับใดๆ พระเจ้าก็จะทรงมองดูพวกเจ้าด้วยความโปรดปราน และจะประทานพรของพระองค์ให้กับเจ้า หากเจ้าอยู่ในสถานะอันสูงส่ง มีภาพลักษณ์อันทรงเกียรติ ครองความรู้อันอุดม เป็นเจ้าของสินทรัพย์ล้นเหลือและได้รับการสนับสนุนจากผู้คนมากมาย กระนั้น สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ป้องกันเจ้าจากการมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเพื่อยอมรับการทรงเรียกของพระองค์และยอมรับพระบัญชาของพระองค์ และทำในสิ่งที่พระเจ้าทรงขอให้เจ้าทำ เช่นนั้นแล้วทุกสิ่งที่เจ้าทำก็จะเป็นมูลเหตุอันเปี่ยมความหมายที่สุดบนแผ่นดินโลก และเป็นหน้าที่รับผิดชอบอันชอบธรรมที่สุดของมวลมนุษย์ หากเจ้าปฏิเสธการทรงเรียกของพระเจ้าเพื่อประโยชน์ของสถานภาพและเป้าหมายของตัวเจ้าเอง ทั้งหมดที่เจ้าทำก็จะถูกสาปแช่ง และอาจถึงขั้นถูกดูหมิ่นโดยพระเจ้า บางที เจ้าอาจเป็นประธานาธิบดี นักวิทยาศาสตร์ ศิษยาภิบาล หรือผู้สูงอายุคนหนึ่ง แต่ไม่สำคัญว่าอำนาจในตำแหน่งของเจ้าจะสูงส่งเพียงใด หากเจ้าพึ่งพาความรู้ของเจ้าและความสามารถในหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ของเจ้า เมื่อนั้น เจ้าก็จะเป็นผู้ที่ล้มเหลวเสมอ และจะสูญสิ้นพรจากพระเจ้าเสมอ เพราะพระเจ้าไม่ทรงยอมรับสิ่งใดทั้งสิ้นที่เจ้าทำ และพระองค์ไม่ทรงยอมรับว่าหน้าที่รับผิดชอบของเจ้าเป็นสิ่งที่ชอบธรรม หรือยอมรับว่า เจ้ากำลังทำงานเพื่อประโยชน์ของมวลมนุษย์ พระองค์จะตรัสว่า ทุกสิ่งที่เจ้าทำนั้นทำไปเพื่อใช้ความรู้และความแข็งแกร่งของมวลมนุษย์เพื่อผลักไสการทรงอารักขาของพระเจ้าไปจากมนุษย์ และว่านั่นทำไปเพื่อที่จะปฏิเสธพรของพระเจ้า พระองค์จะตรัสว่า เจ้ากำลังนำทางมวลมนุษย์ไปสู่ความมืดมิด ไปสู่ความตาย และไปสู่จุดเริ่มต้นของการดำรงอยู่อย่างปราศจากขีดจำกัด ในจุดที่มนุษย์ได้สูญเสียพระเจ้าและพรของพระองค์ไปแล้ว

เป็นเพราะการประดิษฐ์คิดค้นทางศาสตร์สังคมต่างๆ ของมวลมนุษย์ จิตใจของมนุษย์ได้กลับกลายเป็นถูกจับจองด้วยศาสตร์และความรู้ จากนั้นวิชาและความรู้ก็ได้กลายเป็นเครื่องมือสำหรับการปกครองมวลมนุษย์ และไม่มีพื้นที่พอเพียงสำหรับมนุษย์ที่จะนมัสการพระเจ้าอีกต่อไป และไม่มีสภาพเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการนมัสการพระเจ้าอีกแล้ว ฐานะของพระเจ้าได้จมต่ำลงทุกทีในหัวใจของมนุษย์ เมื่อปราศจากพระเจ้าในหัวใจเขา โลกภายในของมนุษย์ย่อมมืดมน สิ้นหวัง และว่างเปล่า ภายหลังบรรดานักสังคมศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ และนักการเมืองมากมายได้ออกมาเปิดตัว แสดงทฤษฎีทางศาสตร์สังคมต่างๆ ทฤษฎีแห่งวิวัฒนาการมนุษย์ และทฤษฎีอื่นๆ สารพัดซึ่งขัดแย้งกับความจริงที่ว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา ทรงเติมหัวใจและจิตใจให้แก่มวลมนุษย์ และเช่นนี้เอง ผู้คนซึ่งเชื่อว่า พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่างจึงกลับกลายน้อยลงตลอดเวลา และบรรดาผู้ที่เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการกลับมีจำนวนมากขึ้นตลอดเวลา ผู้คนปฏิบัติต่อบันทึกต่างๆ เกี่ยวกับงานของพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์ในระหว่างยุคแห่งพันธสัญญาเดิมราวกับเป็นนิทานปรัมปราและตำนานมากขึ้นทุกที ในหัวใจของพวกเขา ผู้คนกลับกลายเป็นไม่แยแสต่อความทรงเกียรติและความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ต่อหลักความเชื่อที่ว่าพระเจ้าทรงดำรงอยู่และทรงอำนาจครอบครองเหนือสรรพสิ่งทั้งมวล ความอยู่รอดของมวลมนุษย์และชะตากรรมของประเทศต่างๆ และชนชาติต่างๆ ไม่มีความสำคัญกับพวกเขาอีกต่อไป และมนุษย์มีชีวิตอยู่ในโลกอันกลวงเป็นโพรงที่กังวลใส่ใจเพียงเรื่องการกิน การดื่ม และการวิ่งไล่ตามความหรรษายินดี…มีผู้คนน้อยนิดที่คิดได้เองในการที่จะเสาะแสวงว่า พระเจ้าทรงปฏิบัติงานของพระองค์อยู่ ณ ที่ใด หรือมองดูว่า พระองค์ทรงจัดการเตรียมการและเป็นประธานเหนือบั้นปลายของมนุษย์อย่างไร และเช่นนี้เอง อารยธรรมของมนุษย์จึงกลายเป็นว่าสามารถสอดรับกับความปรารถนาของมนุษย์ได้น้อยลงทุกที โดยที่มนุษย์มิได้รู้ตัวเลย และมิหนำซ้ำยังมีผู้คนมากมายที่รู้สึกว่า พวกเขามีความสุขในการใช้ชีวิตในโลกแบบนี้น้อยกว่าบรรดาผู้ที่ตายจากไปแล้วเสียอีก แม้แต่ประชาชนของประเทศต่างๆ ที่เคยมีอารยธรรมสูงส่งก็ยังออกมาแสดงความคับข้องใจดังกล่าว ด้วยความที่ปราศจากการทรงนำของพระเจ้า ไม่สำคัญว่าบรรดานักปกครองและนักสังคมศาสตร์ จะขบคิดกันจนสมองแทบแตกอย่างไร ในอันที่จะรักษาอารยธรรมของมนุษย์เอาไว้ ก็เป็นการไร้ประโยชน์ ไม่มีใครสามารถเติมเต็มความว่างเปล่าในหัวใจของมนุษย์ได้ เพราะไม่มีใครสามารถเป็นชีวิตของมนุษย์ได้ และไม่มีทฤษฎีเชิงสังคมข้อไหนที่สามารถปลดปล่อยมนุษย์ออกจากความว่างเปล่าที่เขากำลังทนทรมาน ทั้งวิชา ความรู้ อิสรภาพ ประชาธิปไตย ความสบาย ความสะดวก เหล่านี้ล้วนนำการปลอบประโลมมาสู่มนุษย์ได้เพียงชั่วคราว ต่อให้มีสิ่งเหล่านี้ มนุษย์ก็ยังคงมีบาปและคร่ำครวญถึงความไม่เป็นธรรมของสังคมอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถยับยั้งความอยากและความต้องการของมนุษย์ในการที่จะสำรวจค้นคว้าได้ นี่เป็นเพราะมนุษย์ได้ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า และการสำรวจค้นคว้าและอุทิศทุ่มเทอย่างไร้สติของมนุษย์ ทำได้แค่เพียงนำไปสู่ความเศร้าหมองที่มากขึ้นเท่านั้น และทำได้เพียงเป็นต้นเหตุให้มนุษย์ดำรงอยู่ในสภาวะแห่งความหวาดกลัวตลอดเวลาเท่านั้น โดยไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับอนาคตของมวลมนุษย์อย่างไร หรือจะเผชิญหน้ากับเส้นทางที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้าอย่างไร มนุษย์ถึงขั้นมาหวาดกลัวต่อวิชาและความรู้ และยิ่งจะหวาดกลัวความรู้สึกที่ว่างเปล่า ในโลกใบนี้ เจ้าไม่สามารถหลีกหนีชะตากรรมของมนุษยชาติได้โดยเด็ดขาด โดยไม่ต้องคำนึงว่า เจ้าใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเสรีหรือในประเทศที่ปราศจากสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ปกครองหรือผู้ถูกปกครอง เจ้าก็ไม่สามารถหลีกหนีความต้องการที่จะค้นคว้าเปิดเผยชะตากรรม ความล้ำลึก และบั้นปลายของมวลมนุษย์ได้ นับประสาอะไรกับการที่เจ้าจะสามารถหลีกหนีไปได้จากสำนึกอันว้าวุ่นสับสนแห่งความว่างเปล่า ปรากฏการณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติในหมู่มวลมนุษย์ทั้งปวง ได้ถูกนักสังคมศาสตร์เรียกว่าปรากฏการณ์ทางสังคม แต่กระนั้น ก็ยังไม่มีมนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่คนใดสามารถออกมาแสดงตนเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะอย่างไรท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์ก็คือมนุษย์ และไม่มีมนุษย์คนใดที่สามารถมาแทนที่ตำแหน่งและชีวิตของพระเจ้าได้ มวลมนุษย์ไม่เพียงพึงต้องมีสังคมที่ยุติธรรมซึ่งทุกคนถูกบำรุงบำเรออย่างดี และมีอิสรภาพและความเสมอภาคเท่านั้น สิ่งที่มวลมนุษย์จำเป็นต้องมีคือ ความรอดของพระเจ้าและการจัดเตรียมชีวิตของพระองค์ที่มีให้แก่พวกเขา มีเพียงยามที่มนุษย์ได้รับการจัดเตรียมชีวิตของพระเจ้าและความรอดของพระองค์แล้วเท่านั้น ที่ความต้องการต่างๆ ความโหยหาที่จะค้นคว้าเปิดเผย และความว่างเปล่าทางจิตวิญญาณของมนุษย์จะสามารถได้รับการแก้ไข หากประชาชนของประเทศหนึ่งหรือชนชาติหนึ่ง ไม่สามารถได้รับความรอดและความเอาใจใส่ของพระเจ้าแล้วไซร้ ประเทศหรือชนชาติดังกล่าวก็จะต้องย่ำเท้าไปบนถนนสู่ความเสื่อมถอย ตรงสู่ความมืดมิด และจะถูกทำลายล้างโดยพระเจ้า

บางที ณ ปัจจุบันนี้ ประเทศของเจ้าอาจกำลังรุ่งเรือง แต่หากเจ้าปล่อยให้ประชาชนของเจ้าหันเหไกลห่างไปจากพระเจ้า เมื่อนั้น ประเทศของเจ้าอาจพบว่า ตัวเองได้สูญเสียพระพรของพระเจ้าไปมากขึ้นทุกที อารยธรรมของประเทศของเจ้าจะถูกเหยียบย่ำทำลายอยู่ใต้ฝ่าเท้ามากขึ้นเรื่อยๆ และในไม่ช้า ผู้คนก็จะลุกขึ้นต่อต้านพระเจ้า และสาปแช่งฟ้า และเมื่อเป็นเช่นนั้น ชะตากรรมของประเทศนั้นก็จะพินาศย่อยยับ โดยที่มนุษย์ไม่รู้ตัว พระเจ้าจะทรงเพิ่มจำนวนประเทศที่มีอำนาจเพื่อไปจัดการกับบรรดาประเทศซึ่งพระเจ้าสาปแช่ง และอาจทรงถึงขั้นกวาดล้างพวกนั้นออกไปจากแผ่นดินโลกเลยก็เป็นได้ ความรุ่งเรืองและความล่มสลายของประเทศหรือชนชาติหนึ่งนั้น กล่าวได้จริงๆ ว่า ขึ้นอยู่กับการที่ผู้ปกครองทั้งหลายนมัสการพระเจ้าหรือไม่ และพวกเขานำประชาชนของพวกเขาให้เข้าใกล้ชิดกับพระเจ้าและนมัสการพระเจ้าหรือไม่ และยังไม่เพียงเท่านั้น ในยุคสมัยสุดท้ายนี้ ด้วยเหตุที่ผู้คนซึ่งแสวงหาและนมัสการพระเจ้าอย่างแท้จริงนั้นหายากมากขึ้นทุกที พระเจ้าจึงประทานความโปรดปรานพิเศษให้แก่ประเทศต่างๆ ที่มีศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ พระองค์ทรงรวบรวมประเทศเหล่านั้นเข้าไว้ด้วยกันเพื่อสร้างรูปแบบของค่ายอันชอบธรรมโดยสัมพันธ์กันของโลกขึ้นมา ในขณะที่บรรดาประเทศที่ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง และพวกที่ไม่นมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้ กลับกลายเป็นปฏิปักษ์กับค่ายอันชอบธรรมนี้ ด้วยวิธีนี้ พระเจ้าไม่เพียงมีสถานที่สำหรับสถิตอยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์เพื่อดำเนินการพระราชกิจของพระองค์ แต่ยังทรงได้รับประเทศต่างๆ ที่สามารถนำสิทธิอำนาจอันชอบธรรมไปลงมือปฏิบัติได้ ช่วยให้บทลงโทษและข้อจำกัดต่างๆ ถูกนำมาบังคับใช้ในประเทศเหล่านั้นที่ต่อต้านพระองค์ กระนั้น ทั้งที่เป็นเช่นนี้ ก็ยังคงไม่มีประชาชนเดินหน้าเข้ามานมัสการพระเจ้าเพิ่มอีก เนื่องเพราะมนุษย์ได้หันเหห่างจากพระองค์จนไกลเกินไปแล้ว และมนุษย์ได้ลืมเลือนพระเจ้าไปนานเกินไป ที่ยังหลงเหลืออยู่บนแผ่นดินโลก มีเพียงประเทศต่างๆ ที่นำความชอบธรรมมาปฏิบัติใช้ และต่อต้านความไม่ชอบธรรม แต่นี่ก็ยังห่างไกลความปรารถนาของพระเจ้า ด้วยความที่ไม่มีผู้ปกครองของประเทศไหนที่จะอนุญาตให้พระเจ้าทรงเป็นประธานเหนือประชาชนของพวกเขา และไม่มีพรรคการเมืองไหนที่จะรวบรวมผู้คนของตนเข้าด้วยกันเพื่อมานมัสการพระเจ้า พระเจ้าทรงสูญเสียสถานที่อันเป็นสิทธิ์ของพระองค์ในหัวใจของทุกประเทศ ชนชาติ พรรครัฐบาล และแม้แต่ในหัวใจของบุคคลทุกคน แม้ว่าอำนาจควบคุมอันชอบธรรมต่างๆ ยังมีอยู่บนโลกนี้ แต่การปกครองซึ่งพระเจ้าไม่ทรงมีที่สถิตอยู่ในหัวใจของมนุษย์นั้นช่างเปราะบาง เมื่อปราศจากพระพรของพระเจ้า เวทีการเมืองก็จะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย และกลับกลายเป็นไร้ความสามารถที่จะทานทนการโจมตีแม้สักครั้งได้ สำหรับมวลมนุษย์แล้ว ความเป็นอยู่ที่ปราศจากพระพรของพระเจ้านั้น เป็นเสมือนความเป็นอยู่ที่ปราศจากดวงอาทิตย์ ไม่ต้องคำนึงว่า บรรดาผู้ปกครองทั้งหลายมีส่วนร่วมแบ่งปันต่อประชาชนของตัวเองกันอย่างใส่ใจแข็งขันเช่นไร ไม่ต้องคำนึงว่ามนุษยชาติได้จัดให้มีการประชุมหารือกันอย่างชอบธรรมกี่ครั้ง ไม่มีอะไรสักอย่างในนี้ที่จะมาย้อนกระแสหรือมาปรับเปลี่ยนชะตากรรมของมวลมนุษย์ มนุษย์เชื่อว่า ในประเทศหนึ่งซึ่งมีประชาชนที่มีอาหารกิน มีเครื่องนุ่งห่มสวมใส่ โดยมีพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างสันติสุขนั้น เป็นประเทศที่ดี และเป็นประเทศที่มีสภาวะผู้นำที่ดีประเทศหนึ่ง แต่พระเจ้ามิได้ทรงดำริเช่นนั้น พระองค์เชื่อว่า ประเทศหนึ่งซึ่งไม่มีใครนมัสการพระองค์เลยนั้น คือประเทศที่พระองค์จะต้องทำลายล้างให้สิ้นซาก วิธีคิดของมนุษย์นั้นขัดแย้งกับวิธีคิดของพระเจ้ามากเกินไป ดังนั้น หากผู้นำของประเทศหนึ่งไม่นมัสการพระเจ้า เมื่อนั้น ชะตากรรมของประเทศนี้ก็จะเป็นชะตากรรมที่น่าเวทนา และประเทศนั้นก็จะไร้แล้วซึ่งจุดหมายปลายทาง

พระเจ้าไม่ได้มีส่วนในทางการเมืองของมนุษย์ กระนั้นชะตากรรมของประเทศหรือชนชาติหนึ่งก็ยังถูกควบคุมโดยพระเจ้า พระเจ้าทรงควบคุมโลกนี้และจักรวาลทั้งหมดทั้งสิ้น ชะตากรรมของมนุษย์และแผนการของพระเจ้าเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น และไม่มีมนุษย์ ประเทศ หรือชนชาติใดที่ได้รับการยกเว้นจากอธิปไตยของพระเจ้า หากมนุษย์ปรารถนาจะรู้ชะตากรรมของเขา เขาจะต้องมาอยู่เฉพาะพระพักตร์ พระเจ้าจะทรงทำให้ผู้คนที่ติดตามและนมัสการพระองค์มีความเจริญรุ่งเรือง และจะทรงนำความเสื่อมและการสาบสูญไปสู่ผู้คนที่ต่อต้านและปฏิเสธพระองค์

ลองระลึกถึงฉากเหตุการณ์หนึ่งในพระคริสตธรรมคัมภีร์ คราที่พระเจ้าทรงก่อให้เกิดการทำลายล้างเมืองโสโดม และลองนึกถึงการที่ภรรยาของโลทกลายไปเป็นเสาเกลือได้อย่างไรเช่นกัน ลองรำลึกย้อนไปว่าประชาชนของเมืองนีนะเวห์ ได้กลับใจจากบาปของพวกเขาด้วยการใส่ชุดผ้ากระสอบและเข้าไปอยู่ในกองเถ้าอย่างไร และลองระลึกย้อนไปว่า อะไรที่ตามมาหลังจากที่ชาวยิวได้ตอกตรึงพระเยซูเข้ากับกางเขนเมื่อ 2,000 ปีที่ผ่านมา พวกยิวได้ถูกขับออกจากประเทศอิสราเอล และหลบหนีไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก มีมากมายที่ถูกฆ่า และชนชาติยิวทั้งชาติก็ตกอยู่ภายใต้ความเจ็บปวดจากความย่อยยับของประเทศของพวกเขาในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน พวกนั้นได้ตอกตรึงพระเจ้าเข้ากับกางเขน—กระทำผิดในบาปที่ชั่วช้ารุนแรงที่สุด—และยั่วยุพระอุปนิสัยของพระเจ้า พวกเขาจำต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำ และจำต้องแบกรับผลสืบเนื่องทั้งหมดที่มาจากการกระทำของพวกเขา พวกนั้นกล่าวโทษพระเจ้า ปฏิเสธพระเจ้า และดังนั้น พวกเขาจึงมีเพียงชะตากรรมเดียว นั่นคือ ถูกลงโทษโดยพระเจ้า นี่คือผลสืบเนื่องอันขมขื่นที่ตามมา และเป็นความวิบัติที่ผู้ปกครองทั้งหลายของพวกเขานำพามาสู่ประเทศและชนชาติของพวกเขาเอง

มาวันนี้ พระเจ้าทรงกลับมาสู่โลกเพื่อปฏิบัติพระราชกิจของพระองค์ จุดแรกที่พระองค์ทรงเริ่มงานก็คือ แบบอย่างของกลุ่มผู้ปกครองจอมเผด็จการ นั่นคือ ประเทศจีน ป้อมปราการอันเด็ดเดี่ยวแข็งขันในความเชื่อที่ว่าพระเจ้าไม่มีจริง พระเจ้าทรงได้ผู้คนมากลุ่มหนึ่งด้วยพระปรีชาญาณและฤทธานุภาพของพระองค์ ในระหว่างช่วงเวลานี้ พระองค์ทรงถูกตามล่าโดยพรรครัฐบาลของจีนในทุกวิถีทาง และตกอยู่ภายใต้ความทุกข์ทรมานแสนสาหัส โดยไม่มีสถานที่ให้พระศิระของพระองค์ทรงเอนพัก ไม่สามารถหาที่พำนักกำบังกาย ทั้งที่เป็นเช่นนั้น พระเจ้ายังคงทรงพระราชกิจที่พระองค์ทรงเจตนาที่จะทำต่อไป พระองค์ดำรัสพระสุรเสียงของพระองค์และเผยแผ่ข่าวประเสริฐ ไม่มีสักคนที่สามารถหยั่งลึกในพระมหิทธิฤทธิ์ของพระเจ้าได้อย่างลึกซึ้ง ในประเทศจีน ประเทศหนึ่งซึ่งถือพระเจ้าเป็นศัตรู พระเจ้ากลับไม่เคยหยุดทรงพระราชกิจของพระองค์ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น กลับมีประชาชนจำนวนมากขึ้นที่ยอมรับพระราชกิจและพระวจนะของพระองค์ อันเนื่องมาจากการที่พระเจ้าทรงช่วยสมาชิกของมวลมนุษย์ทุกคนให้รอดจนถึงขอบข่ายที่เป็นไปได้มากที่สุด พวกเราเชื่อใจว่า ไม่มีประเทศหรือพลังอำนาจใดสามารถมาขวางทางในสิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนาจะสัมฤทธิ์ผล คนเหล่านั้นที่ขัดขวางพระราชกิจของพระเจ้า ต่อต้านพระวจนะของพระเจ้า และก่อกวนและทำให้แผนการของพระเจ้าเสียไป จะต้องถูกพระเจ้าทรงลงโทษในท้ายที่สุด เขาผู้ซึ่งเยาะเย้ยท้าทายพระราชกิจของพระเจ้าจะต้องถูกส่งไปลงนรก ประเทศใดที่เยาะเย้ยท้าทายพระราชกิจของพระเจ้าจะต้องถูกทำลาย ชนชาติใดก็ตามที่ลุกขึ้นมาเป็นปฏิปักษ์ต่อพระราชกิจของพระเจ้าจะต้องถูกกวาดล้างออกไปจากแผ่นดินโลกและถึงกาลดับสูญ เราขอรบเร้าประชาชนของทุกชนชาติของทุกประเทศ และแม้แต่วงการต่างๆ ทุกวงการให้สดับฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า ให้เฝ้ามองพระราชกิจของพระเจ้า และให้ใส่ใจในชะตากรรมของมวลมนุษย์ เพื่อที่จะทำให้พระเจ้าทรงมีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ทรงมีเกียรติที่สุด ทรงเป็นสิ่งสักการะสูงสุดและสิ่งสักการะเดียวเท่านั้นท่ามกลางมวลมนุษย์ และเพื่อช่วยให้มวลมนุษย์ทั้งปวงมีชีวิตอยู่ภายใต้พระพรของพระเจ้า เช่นเดียวกับพงศ์พันธุ์ของอับราฮัมที่มีชีวิตอยู่ภายใต้พระสัญญาของพระยาห์เวห์ และเช่นเดียวกับที่อาดัมและเอวา ผู้ที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นมาก่อน ได้ใช้ชีวิตอยู่ในสวนเอเดน

พระราชกิจของพระเจ้าถั่งโถมรุดหน้าไปราวลูกคลื่นอันทรงอิทธิฤทธิ์ ไม่มีใครสามารถยับยั้งพระองค์ได้ และไม่มีใครสามารถชะลอรั้งการเดินทัพของพระองค์ มีเพียงผู้คนที่รับฟังพระวจนะของพระองค์อย่างตั้งใจ และผู้ที่แสวงหาและกระหายในพระองค์เท่านั้น ที่สามารถติดตามย่างพระบาทของพระองค์และได้รับพระสัญญาจากพระองค์ พวกคนที่ไม่ทำเช่นนั้นจะต้องตกอยู่ภายใต้ความวิบัติอันท่วมท้น และการลงโทษอันสมควรแล้ว

อ่านเพิ่มเติม

หัวข้อเพิ่มเติม