คำสรรเสริญได้มาสู่ศิโยน และสถานที่ประทับของพระเจ้าได้ปรากฏขึ้น พระนามบริสุทธิ์อันรุ่งโรจน์ซึ่งได้รับการถวายสาธุการโดยบรรดาผู้คนทั้งปวงแพร่ไปทั่ว โอ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์! พระเศียรแห่งจักรวาล พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย—พระองค์ทรงเป็นองค์ตะวันอันทรงแสงที่ขึ้นบนภูเขาศิโยน ซึ่งตั้งตระหง่านเหนือจักรวาลทั้งมวลด้วยพระบารมีและความโอ่อ่าตระการ…
ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์! พวกข้าพระองค์ร้องเรียกไปยังพระองค์ด้วยความยินดีปรีดา พวกข้าพระองค์เต้นรำและขับร้อง พระองค์ทรงเป็นพระผู้ไถ่ของพวกข้าพระองค์อย่างแท้จริง ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล! พระองค์ได้ทรงจัดกลุ่มของผู้ชนะขึ้นและทำให้แผนการบริหารจัดการของพระเจ้าลุล่วง ผู้คนทั้งปวงจะหลั่งไหลมายังภูเขาแห่งนี้ ผู้คนทั้งปวงจะคุกเข่าลงต่อหน้าพระบัลลังก์! พระองค์คือพระเจ้าเที่ยงแท้พระองค์นั้นแต่ผู้เดียว พระองค์ทรงสมควรแก่พระสิริและพระเกียรติ ขอพระสิริ คำสรรเสริญ และสิทธิอำนาจทั้งปวงจงมีแด่พระบัลลังก์! ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตไหลออกจากพระบัลลังก์ ให้น้ำและหล่อเลี้ยงมวลชนซึ่งเป็นประชากรของพระเจ้า ชีวิตเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน ความสว่างใหม่และวิวรณ์ใหม่ติดตามพวกเราไป ให้ความรู้ความเข้าใจเชิงลึกใหม่ๆ เกี่ยวกับพระเจ้าแก่เราอยู่เนืองนิตย์ ท่ามกลางประสบการณ์มากหลาย พวกเรามาถึงความมั่นใจที่ครบบริบูรณ์เกี่ยวกับพระเจ้า พระวจนะของพระองค์ได้รับการสำแดงอยู่เนืองนิตย์ พระวจนะของพระองค์ได้รับการสำแดงภายในผู้คนที่ถูกต้องเหล่านั้น พวกเราช่างได้รับการอวยพรมากมายเสียจริง! ทั้งการพบพระเจ้าแบบเผชิญกันในแต่ละวัน การพูดคุยกับพระเจ้าในทุกสรรพสิ่ง และการให้อำนาจอธิปไตยของพระเจ้าเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ขอให้พวกเราจงใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้าอย่างรอบคอบ หัวใจของพวกเราพักผ่อนอย่างสงบเงียบในพระเจ้า และด้วยเหตุนี้เอง พวกเราจึงได้มาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ในที่ซึ่งพวกเราได้รับความสว่างของพระองค์ ทุกวันในชีวิตของพวกเรา ในการกระทำของพวกเรา ในคำพูดของพวกเรา ในความคิดของพวกเราและในแนวคิดของพวกเรา พวกเราใช้ชีวิตภายในพระวจนะของพระเจ้า พวกเรามีความสามารถที่จะแยกแยะได้ตลอดเวลา พระวจนะของพระเจ้าทรงนำเส้นด้ายทะลุผ่านรูเข็ม สิ่งต่างๆ สิ่งแล้วสิ่งเล่าที่ซ่อนเร้นภายในตัวพวกเราได้เข้ามาสู่ความสว่างอย่างไม่ได้คาดหมาย การสามัคคีธรรมกับพระเจ้าไม่อนุญาตให้ล่าช้า ความคิดและแนวคิดของพวกเราถูกแผ่วางโดยพระเจ้า พวกเรากำลังใช้ชีวิตต่อหน้าพระบัลลังก์ของพระคริสต์ทุกชั่วขณะ ที่ซึ่งพวกเราก้าวผ่านการพิพากษา ทุกส่วนภายในร่างกายของพวกเรายังคงถูกจับจองโดยซาตาน ในวันนี้ เพื่อที่จะฟื้นฟูอำนาจอธิปไตยของพระเจ้า วิหารของพระองค์ต้องได้รับการชำระให้สะอาด การที่จะให้พระเจ้าทรงครองอย่างครบบริบูรณ์นั้น พวกเราต้องมีส่วนร่วมกับการต่อสู้ดิ้นรนที่เป็นเรื่องของความเป็นความตาย เมื่อตัวตนเก่าของพวกเราได้ถูกตรึงกางเขนแล้วเท่านั้น ชีวิตที่ทรงคืนพระชนม์ของพระคริสต์จึงสามารถปกครองสูงสุดได้
ในตอนนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเริ่มปฏิบัติการในทุกๆ มุมของพวกเราเพื่อทำการสู้รบสำหรับการเรียกคืนของพวกเรา! ตราบเท่าที่พวกเราพร้อมที่จะปฏิเสธตัวเอง และเต็มใจร่วมมือกับพระเจ้า พระเจ้าก็จะทรงมอบความกระจ่างแก่พวกเรา และชำระพวกเราให้บริสุทธิ์จากภายในตลอดเวลาอย่างแน่นอน และเรียกคืนสิ่งที่ซาตานได้จับจองกลับมาใหม่อีกครั้ง เพื่อที่พวกเราอาจกลายเป็นครบบริบูรณ์โดยพระเจ้าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จงอย่าเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์—จงใช้ชีวิตทุกชั่วขณะภายในพระวจนะของพระเจ้า จงเสริมสร้างร่วมกับเหล่าธรรมิกชน จงได้รับการนำไปสู่ราชอาณาจักร และจงเข้าสู่พระสิริร่วมกับพระเจ้า
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 1
ตั้งแต่เมื่อครั้งพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์—องค์กษัตริย์แห่งราชอาณาจักร—ทรงได้รับการเป็นพยาน ขอบเขตแห่งการบริหารจัดการของพระเจ้าได้เปิดเผยคลี่คลายด้วยความครบถ้วนบริบูรณ์ไปทั่วทั้งจักรวาล ไม่เพียงแต่การทรงปรากฏของพระเจ้าเท่านั้นที่ได้รับการเป็นพยานในประเทศจีน แต่พระนามของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ยังได้รับการเป็นพยานในชนชาติทั้งมวลและในทุกสถานที่ พวกเขาทั้งหมดล้วนกำลังร้องเรียกพระนามอันบริสุทธิ์นี้ กำลังพยายามที่จะสามัคคีธรรมกับพระเจ้าในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ กำลังจับความเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์และกำลังรับใช้พระองค์ด้วยการร่วมมือกันในคริสตจักร นี่คือหนทางอันน่าอัศจรรย์ซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจ
ภาษาของชนชาติต่างๆ ทั้งหลายนั้นแตกต่างจากกัน แต่มีพระวิญญาณเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น พระวิญญาณนี้รวมประสานคริสตจักรทั้งหลายทั่วทั้งจักรวาลเข้าด้วยกันและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้าอย่างแท้จริง โดยไม่มีความแตกต่างแม้แต่น้อย นี่คือบางสิ่งที่อยู่เหนือความสงสัย บัดนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเรียกร้องไปยังพวกเขา และพระสุรเสียงของพระองค์ปลุกให้พวกเขาตื่นขึ้น นี่คือพระสุรเสียงแห่งความกรุณาของพระเจ้า พวกเขาทั้งหมดร้องเรียกพระนามอันบริสุทธิ์ของพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์! พวกเขาให้การสรรเสริญและพวกเขาร้องเพลงด้วย ไม่มีทางที่จะมีการออกนอกลู่นอกทางใดๆ ในพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เลย ผู้คนเหล่านี้ใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะเคลื่อนไปข้างหน้าตามเส้นทางที่ถูกต้อง พวกเขาไม่เปลี่ยนใจเลย—การอัศจรรย์มากมายจึงได้เกิดขึ้น นี่เป็นบางสิ่งที่ผู้คนพบว่ายากจะจินตนาการและเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดเดาถึง
พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือองค์กษัตริย์แห่งชีวิตในจักรวาล! พระองค์ประทับบนพระบัลลังก์อันรุ่งโรจน์และพิพากษาโลก พระองค์ครองอำนาจเหนือทั้งหมด และปกครองชนชาติทั้งมวล กลุ่มชนทั้งปวงคุกเข่าต่อพระองค์ อธิษฐานต่อพระองค์ เข้าใกล้ชิดพระองค์และสื่อสารกับพระองค์ ไม่ว่าเจ้าจะได้เชื่อในพระเจ้ามานานเท่าใดก็ตาม ไม่ว่าสถานะของเจ้าจะสูงสักเท่าใดก็ตาม หรือความอาวุโสของเจ้าจะมากเท่าใดก็ตาม หากเจ้าต่อต้านพระเจ้าในหัวใจของเจ้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ต้องถูกพิพากษาและต้องให้ตัวเจ้าเองหมอบราบเฉพาะพระพักตร์พระองค์ ส่งเสียงแห่งคำวิงวอนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดออกมา นี่เป็นการเก็บเกี่ยวผลของการกระทำของเจ้าเองโดยแท้ เสียงคร่ำครวญนี้คือเสียงของการถูกทรมานในบึงไฟและกำมะถัน และมันเป็นเสียงร้องของการถูกสั่งสอนด้วยคทาเหล็กของพระเจ้า นี่เป็นการพิพากษาต่อหน้าพระที่นั่งของพระคริสต์
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, ถ้อยดำรัสของพระคริสต์ในปฐมกาล บทที่ 8
ตลอดทั่วทั้งจักรวาลเรากำลังทำงานของเรา และในทิศตะวันออก เสียงกระแทกสนั่นราวฟ้าร้องดังขึ้นอย่างไม่รู้จบ ทำให้ชนชาติทั้งปวงและคณะนิกายทั้งหมดสั่นสะเทือน เป็นเสียงของเรานั่นเองที่ได้นำทางมนุษย์ทั้งหมดเข้ามาสู่ปัจจุบัน เราทำให้มนุษย์ทั้งหมดถูกพิชิตด้วยเสียงของเรา ตกลงสู่กระแสนี้ และนบนอบต่อหน้าเรา ด้วยเหตุที่เราได้เรียกคืนสง่าราศีของเราจากแผ่นดินโลกทั้งหมดและได้ให้สง่าราศีนั้นปรากฏขึ้นใหม่ในทิศตะวันออกนานมาแล้ว ใครบ้างไม่ถวิลหาที่จะได้เห็นสง่าราศีของเรา? ใครบ้างไม่รอคอยการกลับมาของเราอย่างกระวนกระวายใจ? ใครบ้างไม่กระหายการปรากฏอีกครั้งของเรา? ใครบ้างไม่คะนึงหาความดีงามของเรา? ใครบ้างจะไม่มาหาความสว่าง? ใครบ้างจะไม่เฝ้ามองความมั่งคั่งของคานาอัน? ใครบ้างไม่ถวิลหาการกลับมาของพระผู้ไถ่? ใครบ้างไม่ชื่นชมพระองค์ผู้ทรงยิ่งใหญ่ในฤทธานุภาพ? เสียงของเราจะแผ่ไปทั่วทั้งแผ่นดินโลก เราจะเผชิญหน้าประชากรที่เราเลือกสรรและกล่าววจนะแก่พวกเขาเพิ่มเติมอีก เรากล่าววจนะของเราต่อทั้งจักรวาลและต่อมวลมนุษย์ ราวกับเสียงฟ้าร้องอันเปี่ยมพละกำลังที่ทำให้ภูเขาและแม่น้ำสั่นสะเทือน ดังนั้นวจนะในปากของเราจึงได้กลายเป็นขุมทรัพย์ของมนุษย์ และมนุษย์ทั้งหมดก็ทะนุถนอมวจนะของเรา ฟ้าแลบนั้นส่องแสงวาบจากทิศตะวันออกตลอดทางไปจนถึงทิศตะวันตก วจนะของเราเป็นวจนะที่มนุษย์ไม่เต็มใจที่จะละทิ้งไป และในเวลาเดียวกันก็พบว่าวจนะเหล่านั้นยากหยั่งถึง แต่ก็ชื่นบานในถ้อยคำเหล่านั้นอย่างหาใดปาน มนุษย์ทั้งหมดล้วนเปรมปรีดิ์และเต็มไปด้วยความชื่นบานยินดี เฉลิมฉลองการมาของเราราวกับว่าทารกคนหนึ่งเพิ่งจะได้ถือกำเนิด ด้วยเสียงของเรา เราจะนำพามนุษย์ทั้งหมดมาอยู่ต่อหน้าเรา นับจากนั้นเป็นต้นไป เราจะเข้าสู่เผ่าพันธุ์ของมนุษย์อย่างเป็นทางการเพื่อที่พวกเขาจะได้มานมัสการเรา ด้วยสง่าราศีที่เราแผ่รัศมีและวจนะในปากของเรา เราจะทำเช่นนั้นจนมนุษย์ทั้งหมดมาอยู่ต่อหน้าเราและเห็นว่าฟ้าแลบนั้นส่องแสงวาบจากทิศตะวันออก และเห็นว่าเรายังได้ลงมาสู่ “ภูเขามะกอกเทศ” แห่งทิศตะวันออกเช่นกัน พวกเขาจะเห็นว่าเราได้อยู่บนแผ่นดินโลกนานมาแล้ว ไม่ใช่ในฐานะบุตรของชาวยิวอีกต่อไป แต่ในฐานะฟ้าแลบแห่งทิศตะวันออก ด้วยเหตุที่เราได้คืนชีพมานานแล้ว และได้ไปจากท่ามกลางมวลมนุษย์แล้ว และจากนั้นได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งด้วยสง่าราศีท่ามกลางมนุษย์ เราคือพระองค์ผู้ทรงได้รับการนมัสการมาหลายยุคสมัยนับไม่ถ้วนก่อนปัจจุบันนี้แล้ว และเรายังเป็นทารกที่ถูกคนอิสราเอลละทิ้งมาหลายยุคสมัยนับไม่ถ้วนก่อนปัจจุบันนี้แล้วเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น เราคือพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ซึ่งเปี่ยมพระสิริแห่งยุคปัจจุบัน! ให้ทั้งหมดนั้นจงมาอยู่ต่อหน้าบัลลังก์ของเราและเห็นโฉมหน้าอันเปี่ยมสง่าราศีของเรา ได้ยินเสียงของเรา และเฝ้ามองกิจการของเรา นี่คือเจตจำนงครบถ้วนบริบูรณ์ของเรา มันคือจุดสิ้นสุดและจุดสุดยอดของแผนการของเรา รวมทั้งจุดประสงค์ของการบริหารจัดการของเรา กล่าวคือ การให้ทุกชนชาตินมัสการเรา ทุกภาษายอมรับเรา มนุษย์ทุกคนมอบความเชื่อของเขาในตัวเรา และผู้คนทุกคนอยู่ภายใต้การกะเกณฑ์โดยเรา!
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, เสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ดดังกังวาน—การเผยพระวจนะว่าข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักรจะเผยแผ่ไปทั่วทั้งจักรวาล
บางคนพูดว่าพระนามของพระเจ้านั้นไม่เปลี่ยน ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไมพระนามของพระยาห์เวห์จึงได้กลายเป็นพระเยซูเล่า? ได้มีการพยากรณ์ไว้ว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมา แล้วเหตุใดชายคนที่มาจึงชื่อพระเยซู? เหตุใดพระนามของพระเจ้าจึงเปลี่ยนพระราชกิจดังกล่าวไม่ได้ถูกดำเนินการนานมาแล้วหรอกหรือ? ขอพระเจ้าทรงโปรดไม่ปฏิบัติพระราชกิจซึ่งใหม่กว่าในวันนี้เลย? พระราชกิจแห่งวันวานสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และพระราชกิจของพระเยซูสามารถเกิดขึ้นตามหลังพระราชกิจของพระยาห์เวห์ได้ เช่นนั้นแล้ว พระราชกิจอื่นๆ ไม่สามารถเกิดขึ้นต่อจากพระราชกิจของพระเยซูเชียวหรือ? หากพระนามของพระยาห์เวห์สามารถเปลี่ยนเป็นพระเยซู แล้วพระนามของพระเยซูจะไม่สามารถเปลี่ยนได้เช่นกันหรือ? ไม่มีอะไรในเรื่องนี้ที่แปลกประหลาดเลย เป็นเพียงแค่ว่าผู้คนนั้นด้อยปัญญาเกินไป พระเจ้าจะทรงเป็นพระเจ้าเสมอ ไม่สำคัญว่าพระราชกิจของพระองค์จะเปลี่ยนไปเช่นใด และไม่คำนึงถึงว่าพระนามของพระองค์อาจเปลี่ยนไปเช่นใด พระอุปนิสัยและพระปรีชาญาณของพระองค์จะไม่มีวันเปลี่ยน หากเจ้าเชื่อว่าพระเจ้าทรงได้รับการเรียกขานได้ว่าพระเยซูเท่านั้น เช่นนั้นแล้วความรู้ของเจ้าก็ย่อมถูกจำกัดมากเกินไปแล้ว เจ้ากล้ายืนยันหรือไม่ว่า พระเยซูจะทรงเป็นพระนามของพระเจ้าตลอดกาล ว่าพระเจ้าจะทรงใช้พระนามของพระเยซูตลอดกาลและเสมอไป และว่านี่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง? เจ้ากล้ายืนยันด้วยความแน่ใจหรือไม่ว่า พระนามของพระเยซูนั่นเองที่ได้ทำการยุติยุคธรรมบัญญัติและจะทำการยุติยุคสุดท้ายเช่นกัน? ใครจะสามารถพูดได้ว่าพระคุณของพระเยซูสามารถนำพายุคนี้ไปสู่จุดจบได้?
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, มนุษย์ผู้ที่ได้จำกัดเขตพระเจ้าไว้ในมโนคติที่หลงผิดของเขาสามารถได้รับวิวรณ์ของพระเจ้าได้อย่างไร?
แต่ละครั้งที่พระเจ้าเสด็จมายังแผ่นดินโลก พระองค์ย่อมเปลี่ยนพระนามของพระองค์ เพศสภาพของพระองค์ รูปลักษณ์ของพระองค์ และพระราชกิจของพระองค์ พระองค์ไม่ทำซ้ำพระราชกิจของพระองค์ พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงใหม่อยู่เสมอและไม่มีวันเก่า เมื่อพระองค์เสด็จมาก่อนหน้านี้ พระองค์มีพระนามว่าเยซู พระองค์จะยังคงสามารถใช้พระนามเยซูในยุคนี้ที่พระองค์เสด็จมาอีกครั้งได้อย่างไร? เมื่อพระองค์เสด็จมาก่อนหน้านี้ พระองค์ทรงเป็นชาย พระองค์จะเป็นชายอีกครั้งในครานี้ได้หรือ? พระราชกิจของพระองค์เมื่อพระองค์เสด็จมาในยุคพระคุณคือการถูกตอกตรึงกับกางเขน เมื่อพระองค์เสด็จมาอีกครั้ง พระองค์จะยังคงไถ่มวลมนุษย์จากบาปอยู่อีกหรือ? พระองค์จะสามารถถูกตอกตรึงกับกางเขนอีกครั้งได้หรือ? นั่นจะมิใช่การทำซ้ำพระราชกิจของพระองค์หรอกหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าพระเจ้าทรงใหม่อยู่เสมอและไม่มีวันเก่า? มีบรรดาผู้ที่กล่าวว่าพระเจ้ามิอาจทรงเปลี่ยนแปลงไปอีกได้ นั่นก็ถูกต้อง แต่นั่นหมายถึงพระอุปนิสัยและแก่นแท้ของพระเจ้าที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงไปอีก การเปลี่ยนแปลงพระนามและพระราชกิจของพระองค์มิได้พิสูจน์ว่าแก่นแท้ของพระองค์ได้ปรับเปลี่ยนไป กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พระเจ้าย่อมจะเป็นพระเจ้าอยู่เสมอ และการนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง หากเจ้ากล่าวว่าพระราชกิจของพระเจ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วไซร้ พระองค์จะสามารถเสร็จสิ้นแผนการบริหารจัดการที่ยาวนานหกพันปีของพระองค์ได้หรือ? เจ้าเพียงรู้ว่าพระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนแปลงตลอดกาล แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าพระเจ้าทรงใหม่อยู่เสมอและไม่มีวันเก่า? หากพระราชกิจของพระเจ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วไซร้ พระองค์จะสามารถนำทางมวลมนุษย์มาตลอดทางจนถึงยุคปัจจุบันได้หรือ? หากพระเจ้ามิสามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้วไซร้ เหตุใดพระองค์จึงได้ทรงพระราชกิจมาสองยุคแล้ว? พระราชกิจของพระองค์ไม่เคยหยุดเคลื่อนไปข้างหน้า ซึ่งหมายความว่าพระอุปนิสัยของพระองค์ได้รับการเปิดเผยแก่มนุษย์อย่างค่อยเป็นค่อยไป และสิ่งที่ถูกเปิดเผยก็คือพระอุปนิสัยโดยธรรมชาติของพระองค์ ในปฐมกาล พระอุปนิสัยของพระเจ้าถูกซ่อนเร้นจากมนุษย์ พระองค์ไม่เคยเปิดเผยพระอุปนิสัยของพระองค์แก่มนุษย์อย่างชัดแจ้ง และจึงเป็นธรรมดาที่มนุษย์ไม่มีความรู้เกี่ยวกับพระองค์ เพราะเหตุนี้พระองค์จึงใช้พระราชกิจของพระองค์มาเปิดเผยพระอุปนิสัยของพระองค์แก่มนุษย์ทีละน้อย แต่การทรงพระราชกิจในลักษณะนี้มิได้หมายความว่าพระอุปนิสัยของพระเจ้าจะเปลี่ยนไปทุกยุค ไม่ใช่ว่าพระอุปนิสัยของพระเจ้าเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเพราะน้ำพระทัยของพระองค์เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ หากแต่เป็นว่ายุคแห่งพระราชกิจของพระองค์แตกต่างกัน พระเจ้าจึงนำพระอุปนิสัยโดยธรรมชาติของพระองค์ทั้งหมดมาเปิดเผยแก่มนุษย์ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้มนุษย์สามารถรู้จักพระองค์ แต่การนี้ก็มิใช่ข้อพิสูจน์ว่าเดิมทีพระเจ้าไม่ได้มีพระอุปนิสัยจำเพาะ หรือว่าพระอุปนิสัยของพระองค์เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามยุคที่ผ่านไปแต่ประการใด—การเข้าใจเช่นนั้นย่อมผิดพลาด พระเจ้าเผยให้มนุษย์เห็นพระอุปนิสัยจำเพาะที่เป็นธรรมชาติของพระองค์—สิ่งที่พระองค์ทรงเป็น—ตามยุคที่ผ่านไป พระราชกิจในยุคหนึ่งไม่สามารถแสดงพระอุปนิสัยทั้งหมดทั้งมวลของพระเจ้าได้ และดังนั้นคำว่า “พระเจ้าทรงใหม่อยู่เสมอและไม่มีวันเก่า” จึงอ้างอิงถึงพระราชกิจของพระองค์ และคำว่า “พระเจ้าย่อมไม่เปลี่ยนแปลง” ก็อ้างอิงถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงมีและทรงเป็นโดยธรรมชาติ ไม่ว่าอย่างไร เจ้าไม่อาจแขวนพระราชกิจหกพันปีไว้กับจุดจุดหนึ่ง หรือล้อมกรอบเอาไว้ด้วยคำที่ตายแล้ว เช่นนั้นคือความโฉดเขลาของมนุษย์ พระเจ้ามิได้ทรงเรียบง่ายดังที่มนุษย์จินตนาการ และพระราชกิจของพระองค์ก็ไม่สามารถอ้อยอิ่งอยู่ในยุคใดยุคหนึ่งได้ ยกตัวอย่างเช่น ยาห์เวห์ไม่สามารถเป็นพระนามของพระเจ้าเสมอไปได้ พระเจ้าจึงสามารถทรงพระราชกิจของพระองค์ภายใต้พระนามว่าเยซูด้วย นี่คือหมายสำคัญอย่างหนึ่งว่าพระราชกิจของพระเจ้าก้าวไปในทิศทางข้างหน้าอยู่เสมอ
พระเจ้าคือพระเจ้าเสมอ และพระองค์จะไม่มีวันกลายเป็นซาตาน ซาตานคือซาตานเสมอ และมันจะไม่มีวันกลายเป็นพระเจ้า พระปัญญาของพระเจ้า ความน่าอัศจรรย์ของพระเจ้า ความชอบธรรมของพระเจ้า และพระบารมีของพระเจ้าจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แก่นแท้ของพระองค์และสิ่งที่พระองค์ทรงมีและทรงเป็นจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม สำหรับพระราชกิจของพระองค์นั้นย่อมเคลื่อนไปในทิศทางข้างหน้าอยู่เสมอ มีความลึกซึ้งยิ่งขึ้นอยู่เสมอ เพราะพระองค์ทรงใหม่อยู่เสมอและไม่มีวันเก่า ในแต่ละยุค พระเจ้าใช้พระนามใหม่ ในแต่ละยุค พระองค์ทรงพระราชกิจใหม่ และในแต่ละยุค พระองค์ทรงเปิดโอกาสให้สรรพสิ่งทรงสร้างของพระองค์มองเห็นน้ำพระทัยใหม่และพระอุปนิสัยใหม่ของพระองค์ หากในยุคใหม่ ผู้คนไม่สามารถมองเห็นการสำแดงพระอุปนิสัยใหม่ของพระเจ้า พวกเขาจะไม่ตอกตรึงพระองค์ไว้กับกางเขนตลอดไปหรอกหรือ? และโดยการทำเช่นนั้น พวกเขาจะไม่นิยามพระเจ้าเสียเองหรอกหรือ?
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, นิมิตแห่งพระราชกิจของพระเจ้า (3)
สมมุติว่าพระราชกิจของพระเจ้าในทุกยุคเป็นแบบเดียวกันเสมอ และพระองค์ใช้พระนามเดียวกันอยู่เสมอ มนุษย์จะรู้จักพระองค์ได้อย่างไร? พระเจ้าต้องมีพระนามว่ายาห์เวห์ และนอกเหนือจากพระเจ้าที่เรียกว่าพระยาห์เวห์แล้ว ผู้ที่ถูกเรียกด้วยชื่ออื่นย่อมไม่ใช่พระเจ้า หรือมิฉะนั้นพระเจ้าก็จะเป็นได้แต่พระเยซูเท่านั้น และนอกเหนือจากพระนามว่าเยซูแล้ว พระองค์ไม่อาจมีพระนามอื่นได้ นอกเหนือจากพระเยซูแล้ว พระยาห์เวห์ก็ไม่ใช่พระเจ้า และพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ก็ไม่ใช่พระเจ้าเช่นกัน มนุษย์เชื่อว่า พระเจ้าทรงมหิทธิฤทธิ์จริง แต่พระเจ้าคือพระเจ้าที่อยู่กับมนุษย์ และพระองค์ต้องมีพระนามว่าเยซู เพราะพระเจ้าทรงอยู่กับมนุษย์ การทำแบบนี้คือการคล้อยตามคำสอน และการจำกัดพระเจ้าไว้ในวงเขตหนึ่งๆ ดังนั้นพระราชกิจที่พระเจ้าทำ พระนามที่พระเจ้ามี และพระฉายาที่พระองค์ใช้ในทุกยุค—พระราชกิจที่พระองค์ทำในทุกช่วงระยะเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้—ทั้งหมดนี้มิได้เป็นไปตามกฎระเบียบอันใด และมิได้อยู่ภายใต้ขีดจำกัดใดๆ พระองค์คือพระยาห์เวห์ แต่พระองค์ก็คือพระเยซู รวมถึงพระเมสสิยาห์ และพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ด้วย พระราชกิจของพระองค์สามารถก้าวผ่านการแปลงสภาพทีละน้อย ด้วยการเปลี่ยนพระนามของพระองค์ให้สอดคล้องกัน ชื่อเดียวไม่สามารถเป็นตัวแทนของพระองค์ได้อย่างครบถ้วน แต่พระนามทั้งหมดที่ใช้เรียกขานพระองค์นั้นสามารถเป็นตัวแทนของพระองค์ได้ และพระราชกิจที่พระองค์ทำในทุกยุคคือตัวแทนพระอุปนิสัยของพระองค์
—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, นิมิตแห่งพระราชกิจของพระเจ้า (3)